สองร่างที่เดินกระเตงกันออกมาจากกลางบ้าน ตรงไปยังห้องของนายใหญ่แห่งไร่นั้นคือเจ้าของไร่ราชสีห์และแก้วตา
ราชสีห์อุ้มร่างเล็กพร้อมบดจูบปากนุ่มนิ่มที่มีกลิ่นและรสชาติของเหล้าในแบบเดียวกับที่เขาดื่ม ปลุกความกระสันในกายให้ลุกฮือขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
พอถึงหน้าห้องของตนเอง ราชสีห์เอียงตัวคว้าลูกบิดห้องเปิดออกแล้วกระเตงร่างน้อยที่ห้อยราวกับลูกลิงเข้าไปด้านใน ใช้มือที่สามถีบส่งเดชจนได้ยินเสียงปิดดังปัง เขาดันร่างในอ้อมแขนชิดผนังในห้องบดจูบอย่างเร่าร้อน และที่มันร้อนขึ้นจนแทบไหม้ในนาทีต่อมาก็เพราะหญิงสาวจูบตอบเขาอย่างดุเดือดเช่นกัน
แม้จะไม่ประสีประสานัก แต่นั่นกลับทำให้ราชสีห์ถึงกับคลั่ง มืออุ่นใหญ่โตข้างหนึ่งปล่อยสะโพกจนร่างเล็กเหยียดขาแตะพื้นเอนซบทั้งยังบดจูบกันอยู่อย่างดูดดื่ม
เขาเคลื่อนมือขึ้นคลึงก้อนเนื้อนุ่มผ่านเนื้อผ้า สะกิดยอดอกผ่านผ้ายืดของเธอ จนรู้สึกถึงการตอบสนองเป็นตุ่มไตแข็งสู้มือ ราชสีห์ทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยเลื่อนมือไปที่ชายเสื้อ ดึงมันออกทางศรีษะของเธอมันเสียเลย ยอมปล่อยริมฝีปากหอมหวานนั่นออกเสียก่อนเพื่อจะได้ลงไปชิมอย่างอื่นบนเรือนร่างเบื้องหน้าที่หวานยิ่งกว่า
แก้วตายืนหอบหายใจตัวสั่นอยู่ตรงหน้าเขา เธอทำท่าจะเอียงหลบสายตาคมเข้มที่เหมือนมีไฟลุกอยู่นั้น แต่ถูกราชสีห์รั้งไว้แล้วปลดผ้าชิ้นน้อยที่โอบอุ้มถันงามทั้งสองข้างออก เขาดันตัวเธอเพื่อกระเตงขึ้นให้ทรวงงามอยู่พอดีกับใบหน้าแล้วซุกซบลงหาที่ข้างหนึ่ง อ้าปากครอบพร้อมเลียไล้ จนเจ้าของทรวงกรีดเสียงครางอย่างเสียวซ่าน
“คุ...คุณโตคะ…”
เสียงดูดจวบจาบดังอยู่อย่างนั้นปลุกให้ความต้องการในกายสาวทะลุจนถึงขีดสุด ออกแรงกอดศรีษะของเขาแน่น แอ่นตัวเข้าหาอย่างลืมอาย
ราชสีห์ปล่อยมือออกจากก้อนเนื้อนุ่มนิ่ม แล้วเลื่อนลงสู่ใจกลางร่างกายที่ยังมีผ้าคลุมอยู่ครบ เขาล้วงมือเข้าไปด้านในทันที ไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว แก้วตาถึงกับสะดุ้ง กรีดเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
“ฉันชอบเสียงของเธอ...แก้ว”
ราชสีห์กระซิบบอก มือใหญ่รุกรานแหวกกลุ่มขนนุ่มนิ่มเหมือนแพรไหมเข้าไปสะกิดเขี่ยเกสรหวานที่ฉ่ำชื้นเพราะถูกปลุกเร้าก่อนหน้า ยิ่งแตะยิ่งเขี่ยก็ยิ่งปล่อยหยาดละอองความชุ่มชื้นมากขึ้นทุกที
ราชสีห์ปลดกางเกงของเขาออกบ้าง แล้วยกขาเรียวข้างหนึ่งของเธอขึ้นเพื่อเปิดทางแล้วจึงจ่อความแข็งขืนแสดงตัวตนความเป็นชายที่ปากทางเข้า ถูไถจนแก้วตาเผลอซูดปาก แล้วจึงจ้วงเข้ามาในคราวเดียว
“คุ...คุณโตคะ”
แก้วตาครางชื่อเขาเสียงสั่น เสียววูบวาบไปหมดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
“อ๊าห์ แน่นชะมัด”
เสียงเขาสั่นพร่า แล้วดึงดันสะโพกเข้าออกอยู่ครู่ ก่อนจะกระเตงเธออุ้มอีกครั้งไปลงบนเตียงขนาดยักษ์ วางพาดเธอลงบนนั้นแล้วดันขาให้งออ้าเปิดทางรับเขา จัดแจงจ้วงแทงเน้นๆ สาวเข้าออกจนสุดลำ แก้วตากรีดร้องไม่หยุดเมื่อถูกรุกรานอย่างเร่าร้อน มือสองข้างของเธอเดี๋ยวขยำผ้าบนที่นอน เดี๋ยวยกขึ้นบิดเนื้อตัว จนทนไม่ไหวต้องยกมาขยำทรวงของตน ภาพตรงหน้ายิ่งเร่งเร้าให้ราชสีห์ขยับตัวเร็วขึ้น รุนแรงจนเสียงกรีดร้องของแก้วตาดังขึ้นตามไปด้วย
“เขาได้ยินกันหมดไร่แล้วแก้ว”
ร่างหนาเย้าปนหัวเราะ ผ่อนแรงแล้วหยุดเพียงครู่ปล่อยขาเล็กแล้วดันร่างคนเบื้องล่างให้เลื่อนไปกลางที่นอนก่อนจะตามลงมาทาบทับจัดแจงเร่งจังหวะสะโพกหนักขึ้น จนร่างน้อยกระตุกติดๆกันหลายครั้ง ราชสีห์จึงเร่งจังหวะหนักๆเน้นๆตามไปจนเกือบใกล้ถึงจุดแตกพ่ายค่อยดึงสาวแก่นกายออกมาปล่อยธาราขาวขุ่นข้นบนหน้าท้องของเธอ
“มันจริงๆเลย”
เขาว่าแล้วพลิกตัวไปคว้ากล่องทิชชูบนโต๊ะข้างหัวเตียงมาเช็ดสายพันธ์ของตนเองบนหน้าท้องของเธอจนเกลี้ยงสะอาด
แก้วตาพริ้มคล้ายจะหลับ แต่แล้วก็สะดุ้งขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรับรู้ว่าถูกรุกรานจากแกนกลางกายอีก
“อิ...อีกแล้วเหรอคะ”
คนรุกรานดันขาทั้งสองข้างของเธอขึ้นแล้วก้มหน้าลงที่ตรงนั้น ไม่ตอบคำถามของเธอ ด้วยการตั้งหน้าตั้งตาจดจ่อที่ตรงนั้นของเธอแทน แก้วตาได้แต่นอนถอนใจ ยกสะโพกเตรียมหนี จะหลบก็ไปไหนไม่รอด เมื่อราชสีห์เล่นสนุกกับเรือนกายของเธอจนหมดแรงไปตอนไหนไม่ทันได้รู้ตัว
แก้วตาพยายามฝืนร่างให้ลุกออกจากอ้อมกอดของราชสีห์ให้จงได้ อาการเวียนหัวจากเหล้าและรสเสน่หาเล่นงานเธออย่างหนักหน่วง มองออกไปด้านนอกก็เห็นว่าใกล้รุ่งสางเข้าไปทุกที เลยรีบแต่งตัวแล้วเปิดประตูกลับเข้าห้องของตนเอง อาบน้ำอย่างรวดเร็วสุดท้ายล้มตัวลงนอน ขอให้เธอได้พักอีกสักงีบก่อนเถอะตอนนี้
มารู้ตัวตื่นอีกทีก็เห็นว่าด้านนอกแดดจ้าแล้ว แก้วตาเหลียวดูนาฬิกาในห้องกำลังจะเที่ยงวันอีกไม่กี่นาที หญิงสาวดันตัวลุกนั่ง ทั้งเวียนหัวและปวดหัวยังมีอยู่ จนต้องนั่งพักกับเตียงอยู่อย่างนั้นถึงพาตัวเองเข้าห้องน้ำ จัดแจงธุระส่วนตัวเรียบร้อยก็ตั้งท่าจะตรงไปที่สำนักงาน
“อ้าวแก้ว ตื่นแล้วเหรอลูก เมื่อคืนดึกละสิ”
เสียงทักของป้าหนอมทำเอาแก้วตากระดากจนต้องหลบสายตา มีคนรู้เรื่องของเธอกับราชสีห์เข้าจนได้ แล้วแบบนี้เธอจะมีหน้าไปสู้ใคร
“คุณโตบอกว่ากินเหล้ากับคุณเล็กจนดึก เลยเรียกเราไว้ใช้ ทนหน่อยนะนานๆแกก็จะกินกันดึกๆดื่นๆ ไม่บ่อยนักหรอก”
แก้วตายิ้มแหยๆลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ได้ยินไปอีกเรื่อง
“ไปกินข้าวไปลูก นายว่าหนูตื่นตอนไหนก็ค่อยเข้าไปตอนนั้น”
“จ้ะป้าหนอม”
แก้วตาทำเวลาในการกินข้าวแล้วพาตัวเองมุ่งสู่สำนักงานในเวลาต่อมา ถึงแล้วก็จัดแจงงานบนโต๊ะต่อ พักใหญ่ๆประตูห้องของราชสีห์ถูกเปิดออก เขาออกมากับผู้หญิงคนหนึ่งที่แก้วตาไม่เคยเห็นมาก่อน
“ฉันจะเข้ากรุงเทพสามวัน เอกสารเซ็นไว้แล้ววางที่โต๊ะ ถ้ามีเอกสารด่วนส่งให้คุณคเชนทร์ ถ้าไม่ด่วนรอได้วางไว้บนโต๊ะ”
“ค่ะ”
สั่งเสร็จราชสีห์เดินออกไปกับหญิงสาวคนนั้นทันที
ฉันจะเข้ากรุงเทพสามวัน
แต่แก้วตาจับใจความได้แค่ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียว แล้วชะเง้อมองออกไปด้านนอก เห็นว่าวันนี้เขาเอารถสปอร์ตคู่ใจออกมาแทนบิ๊กไบท์สีดำ
พอเห็นรถเขาลับสายตาแล้ว แก้วตายกโทรศัพท์ขึ้นต่อสายทันที รอสัญญาณดังไม่นาน ปลายสายก็กดเชื่อมต่อสัญญาณของเธอ
“ป้าลิ”
“แก้ว ได้ของมาไหมลูก”
“ได้แล้วจ้ะป้า จะให้แก้วเอาไปให้ที่ไหนจ๊ะ”
“หนูจำร้านก๋วยเตี๋ยวตรงคิวรถหลังตลาดได้ไหม
“ได้จ้ะป้า”
“นั่นละ ป้ากับลุงจะรอร้านนั่นแหละ”
“กี่โมงจ๊ะป้า”
“เสาร์อาทิตย์หนูต้องทำงานไหมแก้ว”
“ไม่จ้ะป้า”
“งั้นมาวันเสาร์เลยก็แล้วกันนะลูกนะ”
แก้วตาตอบรับผู้เป็นป้าเรียบร้อยแล้วจึงวางสายไป เย็นนั้นตอนที่เธอกลับเข้าที่พัก และออกมาช่วยป้าหนอมเตรียมของอยู่นั้น ก็มีเสียงคุยที่ว่ากระทบขึ้นมา
“ดาวมึงเคยเห็นไหม ว่าพอตัวจริงนายมา แล้วอีพวกแถวนี้มันจะตกกระป๋องเป็นแค่ของเคี้ยวเล่น ๆ” นุ่นเน้นคำอย่างดูถูกดูแคลน
“ใครวะนุ่น”
นุ่นปรายตามองมา แต่แก้วตาทำเฉยๆไปเสีย ทำนิ่งๆเอาไว้ ใครจะมาบังคับให้ร้อนตัวได้เล่า นอกจากตัวเราที่จะทำให้ร้อนขึ้นมาเอง แก้วตาแปลกใจที่นุ่นพูดราวกับรู้เรื่องของเธอกับราชสีห์ แต่จะรู้ได้อย่างไร ในเมื่อเธอไม่เคยแสดงท่าทีให้ใครเห็นมาก่อน ถ้าจะเอามาพูดแบบนี้ เธอคิดว่านุ่นน่าจะโยนหินถามทางมากกว่าจะรู้เรื่องราวดีจริงๆ
ส่วนไอ้เรื่องตัวจริงหรือของเคี้ยวเล่น แก้วตาไม่เคยใส่ใจอยู่แล้ว เธอรู้สถานะของตัวเองดี ไม่เคยคิดฝันจะเป็นตัวจริงของราชสีห์เลยแม้แต่น้อย ตอนนี้คงได้แต่เฝ้านับวันรอให้ครบกำหนดเพียงเท่านั้น จะว่าไปเมื่อคืนนี้เธอยังพอจำได้ว่าอีกไม่นานก็จะหลุดพ้นจากการชดใช้หนี้แทนลุงกับป้าแล้วนี่นา คิดได้ดังนั้นก็ค่อยยิ้มออก
หลังจากกินข้าวเช้าแล้วแก้วตาบอกกับป้าหนอมว่าจะขอออกไปซื้อของในตลาด เธอบอกว่าจะรีบไปรีบกลับ จึงขอออกไปกับรถในหมู่บ้านแทนที่จะกับรถของไร่ ที่มีออกไปทุกวัน แต่จะไปในช่วงเกือบเที่ยง
พอเดินออกมายังจุดรอรถบริเวณหน้าไร่ รถสปอร์ตของราชสีห์ก็วิ่งฝุ่นตลบเข้ามา แก้วตาตาไวลุกไปยืนแอบตรงเสาของศาลาที่มีขนาดใหญ่กว่าลำตัวของเธอเล็กน้อย นึกโล่งใจที่รถของเขาขับเลยไปแล้ว
แต่ก็โล่งใจได้ไม่ถึงครึ่งนาที เมื่อรถของราชสีห์ถอยหลังกลับมาตรงที่ศาลาแล้วขับวนมาจอดเทียบตรงด้านหน้านั้น
กระจกรถเปิดออก คนขับสวมแว่นสีดำตะโกนเสียงทรงอำนาจออกมาทันที
“ขึ้นรถ!”
แก้วตาได้แต่กลืนน้ำลายเอื้อก ใจแป้วไปในทันที แล้วเดินตัวลีบขึ้นรถไปตามคำสั่งของเขา
“จะไปไหน” เจ้าของไร่ราชสีห์ถาม ตามองสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า แก้วตาบอกออกไปอย่างที่บอกไว้กับป้าหนอม
“ไปซื้อของในตลาดค่ะ”
ราชสีห์ย้อนถามกลับมาทันที “แล้วทำไมไม่ไปรถของไร่”
“...รถของไร่ไปสาย แก้วจะรีบไปรีบกลับค่ะ เลยมาขึ้นรถโดยสาร”
ราชสีห์ก้มหน้าลง มองลอดแว่นดำเพื่อสบตาเธอ ราวกับต้องการล้วงความจริงที่ซุกซ่อนอยู่ภายในใจของแก้วตาอย่างไรอย่างนั้น
“เอาใหม่อีกทีสิ ฉันงง”
คราวนี้ราชสีห์ถอดแว่นสีดำออก แล้วเอี้ยวตัวหันมามองเธอ เขาท้าวแขนกับพวงมาลัยรถคันหรูของเขา ส่งสายตาคาดคั้น แก้วตาลอบกลืนน้ำลายอย่างประหม่าเพราะมีความลับซุกซ่อนอยู่จริง ก่อนจะกลั้นใจพูดออกไปอย่างไม่ให้มีพิรุธ
“...แก้วอยากรีบไปรีบกลับค่ะ เลย…”
“สบตาด้วย” ราชสีห์สั่งขัดขึ้นขณะที่เธอยังพูดไม่จบประโยคดี
“คะ?”
“พูดแล้วสบตาด้วย อย่าหลบตา”
แก้วตาถอนหายใจบอกตัวเองให้สบตาเขาเดี๋ยวนี้ ก่อนที่จะโดนเขาจับได้ แล้วเริ่มพูดใหม่อีกครั้ง
“คืออย่างนี้นะคะ”
“ไม่ต้องเกริ่นเหมือนฉันโง่ เข้าใจอะไรยาก พูดแล้วสบตาแค่นั้น จบ”
แก้วตาลอบกลืนน้ำลายเอื้อกอีกครั้งแล้วสบตาเขาตรงๆ พยายามไม่ให้ปากสั่นจนผิดสังเกตแล้วรีบพูดออกไป “แก้วจะไปตลาดค่ะ รีบไปจะได้รีบกลับ รถของไร่ไปสาย แก้วก็เลยออกมาขึ้นรถโดยสารดีกว่า”
ราชสีห์จับตามองเธอนิ่ง จนพูดจบไปนานแล้วเขาก็ยังมองนิ่งอยู่อย่างนั้น เป็นแก้วตาเองที่สู้สายตาไม่ไหว หลบไปก่อน ราวนาทีเขาถึงได้หัวเราะหึหึขึ้น ก่อนจะตามด้วยคำสั่ง
“ฉันไปส่งเอง”
“คะ?”
“จะไปตลาดใช่ไหม ฉันไปส่ง” ว่าจบราชสีห์ออกรถไปในทันที
น่าอายน้อยเสียที่ไหนที่ลงรถมาแล้วมีแต่คนมองทั้งตลาด รถสปอร์ตคันหรูดูล้ำสมัย ขัดกันเหลือเกินกับตลาดของตัวอำเภอเล็กๆเช่นนี้
แก้วตาจำใจเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ แล้วนึกถึงของใช้ที่ใกล้จะหมด ตัดสินใจหยิบของไวๆเอาไปวางตรงที่คิดเงิน โดยมีราชสีห์เดินตามมาอยู่ตลอด จนเรียบร้อยแล้ว ก็มีเสียงทักขึ้น
“พี่โตคะ”
ราชสีห์หันไปตามเสียงทัก ก่อนจะทักตอบอย่างเบื่อหน่าย “ไงเชอร์รี่”
“โชคดีจังได้เจอพี่โต ร้อยวันพันปีไม่เห็นเคยออกมาเดินตลาด วันนี้นึกยังไงคะ” สาวหมวยในชุดเดรสสั้นพิมพ์ลายภาพวาดมีชื่อแขนกุดพื้นสีขาวขับผิวขาวซีดให้ยิ่งขาวจัดมากยิ่งขึ้น ยืนบิดไปมาช้อนตามองราชสีห์อย่างอายๆ
ต่างจากราชสีห์ที่มีทีท่าไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย ตอบออกไปว่า “อือ แวะมาหาซื้ออะไรหน่อยน่ะ”
“มีเวลาว่างพอแวะไปบ้านเชอร์รี่ไหมคะ”
“ไปทำไม”
“คุณโตไปเถอะค่ะ แก้วว่าจะกลับพร้อม…”
“อย่ามาเจ้ากี้เจ้าการ” เขาเค้นเสียงบอกเธอแล้วจับจูงมือแก้วตามาประครองเอาไว้แล้วบอกกับสาวหมวยว่า “พี่มีธุระ ไปนะ”
“คุณโตไม่น่าทำแบบนี้เลยนะคะ” ขึ้นรถมาได้แก้วตาก็ชิงพูดขึ้นก่อน เห็นท่าทางของหญิงสาวที่ออกตัวแรงเมื่อครู่แล้วก็นึกเห็นใจ ไม่ใช่ว่าเคยถูกราชสีห์ขย้ำจนหนำใจแล้วทิ้งไปหรอกหรือ จึงได้กล้าแสดงท่าทีเช่นนั้น
“ฉันทำอะไร”
“ก็มาจับมือแก้วแบบนี้ ใครเห็นเข้าจะคิดยังไงละคะ”
“ใครจะคิดอะไรก็ช่างเขาสิ เธอห้ามความคิดคนได้หรือไง มีความผิดอยู่นะเราน่ะ อย่ามาเบี่ยงประเด็น แล้วนี่ซื้อของครบหมดหรือยัง”
ได้ยินเขาคาดโทษมาแบบนั้นแล้ว เลยได้แต่ตอบรับอย่างคนมีความผิดจริง “หมดแล้วค่ะ”
“ทีหลังจะมาซื้อของน่ะให้บอก ไม่ต้องมารถของไร่ แล้วก็ไม่ต้องไปรถโดยสาร”
“ทำไมคะ”
“บอกอะไรก็ทำไปเถอะน่า อย่าถามนัก น่ารำคาญ” ราชสีห์บอกอย่างหงุดหงิด ขณะพารถออกไปยังถนนใหญ่เรียบร้อยแล้วและมุ่งหน้าตรงสู่ไร่ พักหนึ่งเขาก็พูดขึ้นอีกว่า
“แล้วทีหลังอย่าซ้อนท้ายรถผู้ชายคนอื่น มันน่าเกลียด”
แก้วตาเงียบไปอึดใจ แล้วถามเขากลับ “หมายถึงรถคุณโตน่ะเหรอคะ”
ราชสีห์ปรายตามามองแวบเดียว แล้วตอบกลับไปในทันที “อย่ามาแกล้งโง่ อ้อ ลืมไป เธอไม่ได้แกล้งใช่ไหม แต่ว่าโง่จริงๆ”
แก้วตาเม้มปากแน่นอย่างเคืองๆ ดูเขาพูดแต่ละคำสิ ไม่บ่นก็ว่า ไม่ว่าก็บ่น สลับไปสลับมาอยู่อย่างนั้น
“รถคนอื่นก็ห้ามขึ้น เกิดเขาพาไปทำปู้ยี้ปู้ยำ ใครจะช่วยทัน”
“คงไม่ทันแล้วล่ะค่ะ” แก้วตาบอกเสียงงึมงำ ไม่รู้ว่าเข้าไปในโสตประสาทของคนขับบ้างไหม ก็เธอโดนไปแล้วนี่ เขานั่นแหล่ะตัวดี
คราวนี้ราชสีห์ค่อยยิ้มออก คว้าหมับที่มือเธอ ใช้นิ้วยาวของเขาคลี่นิ้วของเธอออกแล้วเขี่ยสะกิดวนไปมาอยู่ใจกลางมืออยู่อย่างนั้น จนแก้วตารู้สึกหวิวๆแปลกๆ ก่อนจะพูดเสียงทุ้มเชิงหยอกเหย้าว่า
“คิดถึง เมื่อคืนฉันทำร้ายตัวเองไปตั้งหลายรอบ รู้งี้พาไปด้วยเสียก็ดี”
“ไปไหนคะ”
“ก็เอาเธอ...ไปกรุงเทพด้วยไง” ราชสีห์เว้นวรรคได้น่าหวาดเสียวนัก มือของเขายังเขี่ยวนใจกลางมือของเธอไม่หยุดหย่อน ราวกับหวังผลอะไรจากการกระทำนั้น
“ปล่อยเถอะค่ะ”
แก้วตาiรู้สึกแปลกๆวูบๆวาบๆขึ้นทุกที เธอบอกเขาพร้อมกับพยายามดึงมือตนเองกลับ แต่ราชสีห์รั้งไว้ไม่ยอม เลยต้องปล่อยเลยตามเลยไปจนกว่าเขาจะยอมรามือไปเอง
รถสปอร์ตของราชสีห์จอดลงแล้ว แต่ราชสีห์จอดมันลงที่หน้าสำนักงานแทนที่จะเป็นที่บ้านของเขา
เขาคงแวะมาเอาเอกสารกระมัง
“ลงมาสิ”
ราชสีห์สั่งเสร็จเดินล่วงหน้าเข้าไปก่อน
แก้วตาเลยต้องเปิดประตูตามเขาไป ราชสีห์ยืนไขประตูเปิดออกเรียบร้อยแล้ว รอจนเธอเดินตามมา เขาจึงปิดประตูล็อคแล้วดันเธอเข้าไปภายในห้องทำงานของเขา
“ไม่มีงานด่วนนะคะ แก้วแยกแฟ้มไว้แล้วบนโต๊ะค่ะ” เธอบอกเขาเพราะนึกว่าเขาจะเข้ามาเคลียร์งาน
แต่ราชสีห์กลับเดินไปคว้ารีโมตเครื่องปรับอากาศมาเปิดเร่งความเย็นเป็นแบบอัตโนมัติเรียบร้อยแล้วจึงหันมาสบตาด้วยแววตาลุ่มลึกวาบหวาม แล้วจัดการกับเธอแทน
แก้วตาไม่ได้ดูเวลาตอนที่ถูกราชสีห์จับเซ็นอยู่หลายรอบจนหมึกของเขาหมดไปว่ามันใช้เวลานานแค่ไหน รู้ตัวตอนอยู่บนรถแล้วเมื่อเขาพูดขึ้น
“หกโมงแล้วเหรอ ไวจัง”
เขาว่าอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนใดๆ จนขับรถมาจอดลงภายในโรงจอดของบ้าน แก้วตาจึงเปิดประตูเตรียมลง ราชสีห์คว้ามือเธอเอาไว้ก่อน บอกขึ้น
“คืนนี้ตรงเวลาด้วยนะ”
‘ยะ...ยังไม่พออีกเหรอคะ’
แก้วตาอยากถามออกไปแบบนั้น แต่เพราะจำได้ดี ว่าตอนอยู่ในสำนักงานเธอถามคำถามนั้นออกไปแล้ว และได้คำตอบเป็นเบิ้ลรอบจากราชสีห์ เลยหุบปากฉับ นิ่งรับคำสั่งของเขาเพียงอย่างเดียวเท่านั้น