4

3342 Words
ช่วงเย็นอีกวันหลังจากที่แก้วตาได้รับการติดต่อจากลุงกับป้า ราชสีห์ออกไปติดต่อธุระข้างนอกช่วงบ่ายและบอกว่าจะไม่กลับมาอีก เธอจึงออกมาที่ด้านนอก จนเจอกับหัวหน้าคนงานที่ขับมอเตอร์ไซต์กลางเก่ากลางใหม่ผ่านมาพอดี “ไปไหนแก้ว” “ว่าจะไปท้ายไร่น่ะจ้ะ” “พี่ไปส่งไหม” แก้วตานิ่งคิดอยู่ครู่ ว่าหากเดินไปและกว่าจะกลับไปที่บ้านของราชสีห์ก็คงหมดแรงพอดี จึงตัดสินใจซ้อนท้ายเด่นไป  แก้วตาไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอจะกลับเข้าไปในบ้านของลุงจึงปดออกไป เมื่อนึกถึงอีกคนขึ้นมาได้ “จะแวะไปส้มหน่อยน่ะพี่เด่น เห็นว่าเพิ่งคลอด” บ้านของส้มนั้นอยู่ติดกับบ้านของเด่น ที่สำคัญถัดกันไปทั้งหมดนั่นอยู่ก่อนถึงบ้านลุงกับป้าเพียงไม่กี่สิบเมตร เธอจึงเลือกที่จะลงตรงนั้น แล้วเดี๋ยวลอบเดินลัดต้นไม้เข้าทางด้านหลังไปก็แล้วกัน “งั้นเข้าไปเอาหัวปลีตรงแคร่หลังบ้านพี่ให้ส้มด้วยสิแก้ว เดี๋ยวพี่เลยไปหาลุงกุลก่อน” เด่นนั้นค่อนข้างคุ้นกับแก้วตาดี จึงออกปากไหว้วานออกไป “จ้ะ” เป็นโอกาสดีจริงๆ แก้วตาจึงเดินเข้าบ้านเด่นไป ลัดออกทางด้านหลัง แล้วค่อยเข้าไปเอาของที่มะลิไหว้วานไว้ เรียบร้อยคอยเดินลัดจากหลังบ้านเด่นออกมา ไม่ลืมแวะหยิบหัวปลีเพื่อเอาไปฝากเพื่อนรุ่นเดียวกันสมัยเรียนประถมที่ชื่อส้ม พอเดินออกมาจากบ้านของเด่น ก็ได้ยินเสียงทักของคเชนทร์ “ไปไหนแก้ว” แก้วตาหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นว่าคเชนทร์นั้นไม่ได้มาคนเดียว ที่ตรงนั้นมีราชสีห์และชายหนุ่มอีกสามคนยืนอยู่ด้วย คล้ายๆจะเป็นผู้รับเหมาที่เข้ามาแจงงาน เรื่องที่จะทำบ้านให้คนงานเพิ่ม แก้วตาส่งยิ้มให้คเชนทร์ ตอนนี้ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เธอกลัวว่าราชสีห์จะรู้เรื่องที่มะลิติดต่อกับเธอ ดีที่ตอนนี้มีหัวปลีอยู่ในมือของเธอแล้ว แก้วตาก้มหน้าแล้วพยายามสงบจิตสงบใจ คิดเรียบเรียงคำพูด ราชสีห์นั้นจับผิดคนเก่งนัก หากผิดจากสังเกตไปหน่อยเดียว เขาต้องรู้เรื่องที่เธอปิดบังไว้แน่ “แก้วมาเยี่ยมส้มค่ะคุณเล็ก” “ส้ม? อ๋อ ที่เพิ่งคลอดใช่ไหม” แก้วตาพยักหน้าอย่างไว มันไวเกินไปจนคนที่จับตามองอยู่รู้สึกทะแม่งๆ “งั้นไปเถอะ” คเชนทร์บอกยิ้มๆ แก้วตาจึงปลีกตัวออกมาจากตรงนั้น เดินลิ่วๆเข้าไปหาส้มข้างในบ้าน ส้มเป็นลูกสาวชาวบ้าน ที่ได้เสียกับคนงานคนหนึ่งในไร่ราชสีห์ ผู้ใหญ่จึงผูกข้อไม้ข้อมือให้แล้วพากันมาอยู่กินกันในบ้านพักของคนงานที่ปลูกเป็นแถวเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ สะอาดสะอ้าน หนึ่งในสวัสดิการของไร่ราชสีห์แห่งนี้ แก้วตาเคาะประตูเบาๆสามสี่ทีก่อนจะแง้มมันออก เพราะประตูไม่ได้ปิดสนิท เรียกเสียงเบา “ส้ม”  “แก้ว เข้ามาก่อน” ส้มกระซิบกระซาบบอก ด้วยว่าเพิ่งวางลูกน้อยลงนอนบนเบาะเด็กอ่อน แก้วตาชูหัวปลีในมือ กระซิบถามเมื่อเห็นว่าเจ้าตัวน้อยคล้ายว่าจะหลับไปแล้ว “เอาไว้ไหน” “วานที เดินไปวางตรงหลังบ้านให้หน่อย” แก้วตาเดินเอาหัวปลีไปวางไว้ให้แล้วจึงยอบตัวนั่งอยู่ข้างๆสองแม่ลูก เจ้าตัวน้อยหลับสนิทบนเบาะนอนสำหรับเด็กแล้วในตอนนี้ ดูน่าชังยิ่งนัก “พี่เด่นเก็บมา แกฝากแก้วให้เอามาให้” ส้มพยักหน้ารับแล้วยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อน “แก้วกลับมานานหรือยัง” “ได้หลายวันแล้วล่ะ” อีกฝ่ายมองหน้าเธอ ก่อนจะกระซิบคุยกัน “ส้มรู้เรื่องลุงกับป้าแล้วนะ ไม่อยากเชื่อเลยว่าแกจะทำแบบนั้น”        “แก้วก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกันส้ม”  สองสาวพูดคุยกันอีกพักใหญ่ แก้วตาจึงบอกลาเพื่อให้คุณแม่ลูกอ่อนได้พักผ่อนบ้าง กลับออกมาจากบ้านของส้ม เธอเห็นราชสีห์ คเชนทร์และกลุ่มชายหนุ่มยืนคุยกันอยู่แถวหน้าบ้านพักคนงานยังไม่ไปไหน คเชนทร์แยกตัวออกมาที่รถของตนเองที่จอดไม่ห่างจากหน้าบ้านของส้มเท่าไรนัก แก้วตาส่งยิ้มให้อย่างเก้อๆแล้วทำท่าจะเดินกลับไปยังบ้านของเจ้าของไร่ราชสีห์ที่อยู่อีกทาง “มายังไงล่ะเรา” คเชนทร์ถามขึ้นก่อนจะเปิดประตูรถตนเอง   แก้วตาชะงักหันมาตอบเก้อๆ “มากับพี่เด่นค่ะคุณเล็ก”  “ถึงว่าหน้ามุ่ยเชียว” คเชนทร์งึมงำว่าขึ้น กลั้นหัวเราะจนหน้าแดง แล้วชวน “ขึ้นรถสิ พี่จะไปขอข้าวป้าหนอมกินด้วย” “เอ่อ…” ไม่รู้ทำไม เธอถึงต้องลอบมองไปทางราชสีห์ และก็เห็นว่าอีกฝ่ายมองมาอยู่ก่อนแล้ว แก้วตาครั่นเนื้อครั่นตัวคล้ายจะเป็นไข้ขึ้นมาทันทีที่สบสายตากับเจ้าของไร่ “มะ...ไม่เป็นไรค่ะ แก้วเดินไปดีกว่า” “ไปเถอะน่า สามกิโลเลยนะ ไหวเหรอ ไม่มีใครกล้าว่าหรอก มาเถอะ” คเชนทร์ถึงกับเดินอ้อมรถไปเปิดประตูรอ แก้วตาลอบถอนหายใจอย่างอึดอัด ตอนนี้เธอไม่กล้าหันไปมองทางราชสีห์อีกแล้ว ได้แต่เดินก้มหน้างุดๆตรงไปยังที่นั่งข้างคนขับที่คเชนทร์เปิดรอไว้ทันที ชายหนุ่มออกรถโดยขับผ่านกลุ่มของราชสีห์ที่ยังยืนคุยกันอยู่ ไม่วายเปิดกระจกฝั่งที่เธอนั่งแล้วโบกมือลา พอปิดกระจกได้ คเชนทร์ถึงกับหัวเราะตัวคลอนเลยทีเดียว จนพักหนึ่งคเชนทร์ถามขึ้น  “ป้ากับลุงโทรหาเราไหมแก้ว” “คะ? อ้อ มะ ไม่ค่ะ ไม่ได้โทรเลย” คเชนทร์เงียบไปแล้วบอกเสียงขรึม “พี่ไม่อยากเชื่อหรอกนะว่าแกจะทำ แต่ถ้าไม่ทำก็ไม่น่าหายไปกันแบบนี้ น่าจะมาคุยกันก่อน หรือแก้วว่าไง” “ค่ะ” แก้วตาไม่มีความเห็นใดๆ ได้แต่ตอบรับอย่างเดียว “ถ้าพี่จะขอร้องอะไรแก้ว แก้วจะช่วยพี่ไหม” คเชนทร์ถามขึ้นท่าทีจริงจังไม่น้อย “ค่ะ” แก้วตารับคำแล้วเงียบรอฟังคเชนทร์ จนเขาจอดรถแล้ว ถึงหันมาสบตาเธอ “ถ้าลุงกับป้าของแก้วติดต่อกลับมา แก้วต้องบอกพี่นะ ไม่ก็บอกพี่โตก็ได้ เข้าใจไหม”  แก้วตาอึ้งอยู่เกือบสิบวินาที แล้วกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก รับปากคเชนทร์อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ค่ะ” พอลงรถมาได้ แก้วตาขอเอาของเข้าไปเก็บในห้องแล้วเข้าครัวไปช่วยป้าหนอมทำอาหาร แท้จริงแล้วแก้วตาไม่ได้แค่ทำหน้าที่เลขาฯ ของราชสีห์เพียงเท่านั้น แต่ทำไปถึงเก็บกวาดถูห้องส่วนตัวของเขา เก็บผ้าไปซัก รีด เตรียมอาหาร เครื่องดื่ม และดูแลความเรียบร้อยโดยทั่วๆไป แล้วแต่ราชสีห์จะบัญชา             เก็บของเสร็จ เดินเข้ามาในห้องครัว ป้าหนอมที่ยืนปรุงอาหารที่หน้าเตาก็ถามเธอขึ้น “เป็นยังไงบ้างแก้ว ทำงานเหนื่อยไหมลูก” “ไม่จ้ะป้าหนอม” “โอ๊ย งานจะหนักอะไรกันนักกันหนาเชียวป้า” เสียงนุ่นแหวขึ้นมาอย่างหมั่นไส้ ตั้งแต่วันงานเลี้ยงของไร่วันนั้น ราชสีห์ก็สั่งห้ามนุ่นไม่ให้ขึ้นไปรับใช้บนบ้านอีก ห้ามแม้กระทั่งมาเสนอหน้าให้เห็น ไม่อย่างนั้นจะไล่ออกไปอยู่ที่อื่น ที่ยังให้กิน ให้ที่อยู่อาศัยนี่ก็เพราะป้าหนอมแกขอเอาไว้เท่านั้น             ป้าหนอมหันมาถามด้วยสีหน้าสงสัย “ทำไมอีนุ่น” “อ้าว แค่นอนเกร็งขาอ้าแหกไว้ให้นาย…” “หยุดปากมึงเดี๋ยวนี้นะ อีนี่เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ไปแก้วไป ทยอยยกของตั้งโต๊ะไปลูกไป” แก้วตาเม้มปากแน่น สายตาที่มองนุ่นเย็นเฉียบ แต่นุ่นทำเฉย หันไปคุยกับคนอื่นในครัวอย่างไม่ใส่ใจ แล้วพยายามสงบอารมณ์หันมาทางป้าหนอม บอกแกไป “ป้าหนอมจ๊ะ มื้อนี้คุณเล็กแกก็มากินข้าวด้วยนะ” “ตายแล้ว! ไม่บอกแต่เนิ่นๆ แกะหอมสิอีนุ่น นั่นจะไปไหน” ป้าหนอมเรียกหลานแกที่ทำท่าจะเดินจากครัวไป นุ่นเบ้หน้าก่อนจะหันมาบอก “ฉันก็จะยกกับข้าวไปตั้งโต๊ะไงป้า” “นายบอกไว้ว่ายังไง ขืนมึงเสนอหน้าขึ้นไปบนบ้านนายอีก นายเล่นมึงตายแน่ๆ มานี่มาช่วยกูนี่” ป้าหนอมนั้นมักใช้วาจามึงมาพาโวยกับนุ่นเสมอ ต่างจากเธอที่จะพูดดีหน่อย แล้วหันมาบอกเธอเสียงอ่อนลง “แก้วรินเบียร์เย็นๆแล้วเอาแหนมในตู้ไปเสิร์ฟให้คุณเล็กก่อนไปลูกไป” แก้วตาทำตามอย่างว่าง่าย ได้ของจนครบจึงยกไปให้คเชนทร์ที่ยืนคุยสายที่ห้องรับแขกของบ้าน อีกฝ่ายรับมาดื่มพร้อมกับนั่งดูทีวีรอพี่ชายไม่นานจากนั้น ราชสีห์ก็กลับเข้ามา “เบียร์หน่อยไหมครับ” คเชนทร์ยกแก้วขึ้นถาม “อยากได้อะไรแรงๆกว่าเบียร์” เจ้าของบ้านว่าเสร็จเดินไปที่เคาน์เตอร์เครื่องดื่มรินเหล้าชั้นดีสาดใส่คอทันที “เป็นไร เครียดอะไรครับพี่ชาย” ราชสีห์กระแทกแก้วก้นหนากับโต๊ะเสียงดังลั่น จนคนที่เพิ่งยกกับแกล้มมาบริการเพิ่มสะดุ้ง เขายกมือชี้หน้าคนเป็นน้อง แต่ไม่พูดจาใดๆ คนถูกชี้หน้าแทนที่จะกลัว กลับหัวเราะงอก่องอขิง จนแก้วตาเริ่มจะงงกับพี่น้องสองคนนี้ คเชนทร์บอกขึ้น “แก้วตั้งโต๊ะเลยนะ”  “ค่ะคุณเล็ก”  ลับร่างเล็กของแก้วตา คเชนทร์แกล้งกระเซ้าถามขึ้น “นี่ผมจริงจังนะพี่...เรื่องแก้วน่ะ” “…” “เงียบ? งั้นผมจีบนะ” “ฉันบอกแกแล้วนะเรื่องนี้ อย่าไปยุ่งกับเด็กในปกครอง มันจะ…” “มันจะเสียการควบคุม โอเค ผมเข้าใจแล้ว” “อีกอย่าง แก้วตาต้องทำงานใช้หนี้ให้ไอ้สองคนนั่นที่เชิดเงินหนี ไป แกเข้าใจหรือยัง” “อ๋อ เข้าใจแล้วครับ แล้วถ้าผมเบิกเงินส่วนตัวมาใช้แทนแก้ว และให้แก้วออกจากงาน มาเป็นแม่บ้านผม พี่จะว่ายังไงครับ” “พอ พอ ฉันขี้เกียจฟังแกโม้แล้ว ตั้งโต๊ะหรือยัง” ราชสีห์หน้าขรึมเดินไปยังห้องอาหารที่อยู่ติดกัน นั่งแปะลง คเชนทร์จึงเดินตามเข้ามา ใบหน้ายังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น ราวกับมีเรื่องสนุกๆอะไรสักอย่าง  แก้วตาวางชามซุปถ้วยสุดท้ายลงบนโต๊ะก็รีบไปที่โถข้าว ยกมาตักให้ผู้เป็นนายทั้งสองคน นึกดีใจที่วันนี้มีคเชนทร์มาร่วมโต๊ะ ราชสีห์ตักซุปเข้าปากได้ก็วางช้อนซุปลงอย่างหัวเสีย “ใครทำซุป จืดอย่างกับน้ำเปล่า” ได้ยินคนลิ้นจระเข้ที่ไม่เคยบ่นเรื่องของกินมาก่อน หงุดหงิดเรื่องซุป คเชนทร์เลยตักมาชิมบ้าง แล้วก็ขมวดคิ้วมุ่น รสชาติดีนี่ หรือพี่ชายเขาจะเปลี่ยนไปชอบกินอาหารรสจัดๆเสียแล้ว อึดใจเดียว ราชสีห์ก็บ่นขึ้นอีก “ข้าวนี่ก็แข็งยังกับหิน” “ผัดผักแบบนี้บอกแล้วว่าอย่าใส่น้ำมันเยอะมันเลี่ยน” “แกงป่านี่อีก มันเผ็ดเกินไป” คเชนทร์ที่นั่งฟัง ทยอยตักชิมตามคำตำหนิของพี่ชายจนครบหมดทุกอย่าง ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นทุกทีๆ ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าอาหารมันอร่อย ไม่ได้จืดบ้าง ไม่ได้มันย่อง หรือเผ็ดเกินไปสักนิดเดียว “พี่โต เอาไข่ต้มไหมพี่” “ไม่เอา!” ราชสีห์ตวาดเสร็จตักอาหารตรงหน้ากินอย่างเคืองๆ ที่ไม่รู้ว่าเคืองใครมา คเชนทร์เลยกินจนอิ่มหนำแล้ว ก็พอดีมีสายเรียกเข้า คนน้องออกไปคุยสาย ราชสีห์ก็สั่งคนที่ยืนรอรับใช้อยู่ “เก็บโต๊ะเลย” แก้วตากุลีกุจอเก็บในทันที ราชสีห์สั่งต่อ “ไปเอาเหล้ามาไว้ตรงนี้ด้วยแก้ว” แก้วตาวางมือจากที่กำลังจะเก็บจานชาม ไปทำตามที่เขาสั่ง ราชสีห์นั้นเวลาสั่งสิ่งใด ต้องทำตามทันที ห้ามมีอิดออดโดยเด็ดขาด   พอวางขวดเหล้า แก้วและถังน้ำแข็งจนเรียบร้อยแล้ว ก็ถามเขาเสียงสั่นๆ “กับแกล้มด้วยไหมคะคุณโต” “จะเอาท้องไหนใส่ เห็นหรือเปล่าว่ากินข้าวจนหมด” แก้วตาเม้มปากแน่น ลงมือเก็บของต่อจนเสร็จ เรียบร้อยแล้ว ก็เดินกลับไปยังห้องที่ราชสีห์นั่งดื่มเหล้าอยู่ คอยท่ารอรับคำสั่งจากเขา ในใจนึกอยากให้เขาไล่เธอกลับห้องไปเสีย เธอเพลียแล้วก็อยากอาบน้ำนอน พอมาถึงก็เห็นว่าเขานั่งอยู่เพียงลำพัง ออกปากถามไปโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลัง “คุณเล็กไม่ดื่มด้วยเหรอคะ” “ถามถึงมันจัง หรือมีบริการอะไรดีๆเผื่อน้องฉันด้วย” เท่านี้ก็รู้แล้วว่าอย่าปริปากอะไรอีกสู้รอรับใช้เขาเงียบๆไปดีกว่า นานพอดู ที่เขานั่งดื่มอยู่คนเดียว แก้วตาพิงหัวกับผนังจนเริ่มเคลิ้มหลับ และสัปหงกงึก สะดุ้งตื่นขึ้นมา งัวเงียมองที่นาฬิกาก็เห็นว่าย่างเข้าเที่ยงคืนไปแล้ว พอเหลือบตาไปมองทางเจ้าของบ้าน ก็เห็นว่าเขามองเธออยู่ด้วยสายตาลุ่มลึกจนคนถูกมองหลบวูบในทันที “เธอกินเหล้าไหมแก้วตา” พลันเสียงของราชสีห์ถามขึ้น แก้วตาชะงักอยู่ครู่หนึ่งถึงตอบเขาได้ “คะ?...ไม่ค่ะ”  “แก้วนี้แลกกับเวลาใช้หนี้ของเธอลดลงห้าวัน” เขาชูแก้วก้นหนาที่มีน้ำสีอำพันอยู่ครึ่งแก้วพร้อมน้ำแข็งสองสามก้อนในนั้น “ห้าวันเหรอคะ” “อืม” “เจ็ดวันได้ไหมคะ” อะไรทำให้แก้วตาใจกล้าต่อรองราชสีห์ไปแบบนั้น ต่อแล้วเจ้าตัวก็หดคอรอเสียงกัมปนาทของราชสีห์ที่ต้องตวาดว่าเธอกลับแน่ๆ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาบอกไปอีกอย่าง  “สิบวันเลย!”  เธอลุกยืนตรงมาคว้าแก้วทันที แล้วย้ำถามอีกครั้ง “สิบวันนะคะ” คราวนี้ราชสีห์พยักหน้าน้อยๆ ใบหน้าดูรื่นรมย์ขึ้นกว่าเดิมอีกโข แก้วตาจดๆจ้องๆกับแก้วในมือทำท่ายกขึ้นแล้วลดลงอยู่หลายเที่ยว เกิดมาจนป่านนี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่เคยเข้ามาในปากของแก้วตาเลยสักหยด นี่เหล้าครึ่งแก้วเชียวนะ เพื่อแลกกับการหักระยะเวลาชดใช้หนี้ออกตั้งสิบวัน แต่แล้วแก้วตาก็ยังมีท่าทีลังเล จนราชสีห์ต้องกระตุ้น แต่การกระตุ้นของราชสีห์ช่างเจ้าเล่ห์นัก “เอามา! ไม่ต้องกินมันแล้ว” เท่านั้นเอง แก้วตารีบเบี่ยงตัวหลบมือของราชสีห์ที่จะคว้าแก้วคืน แล้วสาดเหล้าลงคอไปในทันที ราวกับมีไฟไหลลวกลำคอของเธอ มันร้อนผ่าวลงสู่ท้องอย่างช้าๆ รสชาติก็ขมปร่าจนแก้วตาเบ้หน้า ราชสีห์ยื่นขวดน้ำให้ เธอรับมาดื่มอักๆตามลงไป อย่างต้องการไล่รสชาติและความรู้สึกนั้นให้ผ่านพ้น แก้วตายังคงเบ้หน้า คิดอยู่ในใจว่า คนเรากินมันลงเข้าไปได้อย่างไร ทั้งขมทั้งร้อน แถมกินมากๆยังเมามายเข้าไปอีก “เก่งมาก” ราชสีห์ชมเปาะแล้วตบมือลงบนตัก “มานั่งนี่มา” แก้วตายังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม จะว่าไปแล้วตั้งแต่คืนนั้น ราชสีห์กับเธอก็มีเพียงความสัมพันธ์ยามค่ำคืนในห้องของเขาเท่านั้น ออกสู่ภายนอกไม่เคยแสดงให้ใครคืบแคลงถึงเรื่องที่ตกลงกันไว้มาก่อนเลย แล้วตอนนี้ มันก็เป็นกลางบ้านของเขา ไม่ใช่ในห้องส่วนตัว แม้จะดึกแล้ว แต่แก้วตากลัวใครผ่านมาเห็นอยู่ดี เธอยืนนิ่งคล้ายกับเป็นคำตอบว่า ‘ไม่’ ใบหน้าคมคายของราชสีห์ที่ยิ้มถูกใจในตอนแรกค่อยๆหุบลงอย่างช้าๆ เขาไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีกแล้ว แก้วตากำลังขัดใจเขา เจ้าของไร่ราชสีห์เค้นเสียงสั่งทรงอำนาจ “มานั่งนี่!” “ไม่ค่ะ แก้วกลัวใครผ่านมาเห็น” ท้ายประโยคเธอเอ่ยเสียงแผ่ว จนราชสีห์เกือบไม่ได้ยิน “ใครจะมาเห็นดึกดื่นป่านนี้ มาเร็ว!” “ไม่ค่ะ” ราชสีห์จุ๊ปากบอกอย่างคนที่หงุดหงิดเต็มที “เธอนี่ดื้อเหมือนกันนะ” “ก็ไหนว่าจะเก็บเรื่องนั้นไม่ให้ใครรู้ยังไงละคะ ถ้าแก้วทำตามที่คุณโตบอก ใครผ่านมาเห็นเข้า จะทำยังไง” “มาเถอะน่า ไม่มีใครเห็นหรอก ถ้าเห็นฉันจัดการเอง” รับปากถึงขนาดนี้ แก้วตาก็ยังยืนนิ่งไม่ยอมทำตามที่เขาสั่ง “ตามใจ” เขาว่าอย่างกับเด็กขี้งอน แล้วรินเหล้าใส่แก้วอีกครั้ง วางขวดเหล้าลง ชูแก้วขึ้น มองเธอผ่านแก้วบรรจุน้ำสีอำพัน แล้วว่า “แก้วนี้ลดเวลาลงอีก...ห้าวัน ดีไหม” “ห้าวัน? แต่ปริมาณในแก้วนี้มันเยอะกว่าเมื่อกี้อีกนี่คะ” แก้วตาประท้วง ราชสีห์หรี่ตามอง นึกในใจว่าเด็กนี่ก็เริ่มจะฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว จริง ที่เขารินเหล้าเยอะขึ้นกว่าเดิมแต่ก็แค่นิดเดียวไม่ได้มากมายอะไร เขายิ้มมุมปากถามหยั่งเชิง “จะเอาเท่าไร” “งั้นเท่าแก้วเก่าได้ไหมคะ สิบวัน” แก้วตาลองต่อรองดู “ได้!” สองแก้วก็เกือบจะใช้หนี้ได้หมดแล้ว แก้วตาคิดแล้วยิ้มย่องอยู่ภายในใจ เธอพยายามออกเดินไปคว้ามาดื่ม แต่รู้สึกว่าร่างกายตนเองนั้นสั่งการได้ช้าลง จากระยะทางไม่กี่ก้าว ก็เริ่มรู้สึกว่ามันยาวขึ้น สายตาเริ่มพร่าเลือน แล้วก็โล่งใจเมื่อเดินจนถึงตัวคนที่ท้าเธอได้ในที่สุด เร็วจนจับภาพไม่ทัน ราชสีห์คว้ารอบเอวของตัวเธอเข้ามาหาพลิกแล้วกดลงบนหน้าตักของเขา พอเธอจะอ้าปากประท้วง เขาก็จ่อแก้วมาที่ปาก แก้วตาใช้สมองที่ยังมีสติเหลือไม่เต็มร้อยคิดขึ้นว่าเธอต้องรีบดื่มแล้วจะได้ดันตัวออกห่างจากเขาเท่านี้ก็จบเรื่อง แต่พอดื่มจนหมดแก้วแล้วก็คล้ายกับร่างกายของเธอไร้กระดูกทันที เธอได้ยินเสียงหัวเราะของเขาคลอเคลียอยู่ข้างใบหู หลังของเธอพิงอยู่กับอะไร ทำไมพนักเก้าอี้ถึงนุ่มเหมือนเนื้อคน “ก็แค่เนี้ย” ราชสีห์ว่าอย่างถูกใจ “คุณโตขี้โกง” แก้วตาได้ยินเสียงตนเองอ้อแอ้ว่าเขา “ขี้โกงยังไงไหนว่ามาสิ” “ทำเป็นเอาวันเวลามาล่อลวงแก้ว ใช่สิ มีอำนาจในมือนี่คะ จะทำอะไรก็ได้” “พูดมากน่า” ไม่เชิงดุเธอ ราชสีห์ถูกใจกับความเปลี่ยนแปลงของคนบนตักมากกว่า ก่อนจะเล็มปากร้อนผ่าวของตนเองไปตามต้นคอคนช่างพูดอย่างมันเขี้ยว แก้วตาถึงกับย่นคอหนีอย่างจักจี้ ปรามพร้อมเอนตัวหลบ “คุณโตไม่เอา” “จะเอา...” เขาตอบกลับรวดเร็วดึงดัน ไม่มีแววล้อเล่นในน้ำเสียงเลยสักนิด “ตรงนี้มันกลางบ้านนี่คะ” “เปลี่ยนที่บ้าง ฉันชอบ ตื่นเต้นดี” เขาบอกพร้อมกับไล้ลิ้นเลียที่ใบหูนุ่มนิ่มอย่างปลุกเร้า แก้วตานั้นประครองสติแทบไม่อยู่ เธอเอนหลบไปมาจนแทบตกจากตักของเขา แล้วกลั้นใจฮึดตัวลุกขึ้นเพื่อให้หลุดออกจากกรงเล็บของราชสีห์ แต่กลับถูกเขาช้อนตัวไว้ทัน กระเตงอุ้มเอาแบบเด็กๆ ส่งเสียงดุดันใส่ “ฤทธิ์เยอะนักนะเราน่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD