“อย่ามาเล่นตลกกับฉันนะ” เสี่ยอำนาจฉุนจัดหลังจากที่เดินหาปรานปราลินจนทั่วห้องแต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา “นังเด็กนั่นอยู่ไหนกันแน่”
“ก็เมื่อกี้ฉันเห็นมันเดินเข้ามาในห้องแล้ว มันจะหายไปได้ไง”
“แผนสูงนักนะนังแก่” ฝ่ายบุกรุกเริ่มมีน้ำโห สายตาคมกริบเหลือบไปมองร่างเล็กที่ยืนสั่นเทาอยู่หลังมารดาอีกครั้ง ถึงปลายฟ้าจะปากคอเราะร้ายแต่ถ้ามองดี ๆ ก็สวยไม่เบา มิหนำซ้ำอายุก็น่าจะเข้าเลขสองแล้วถึงจะเด็กกว่าบรรดาเมีย ๆ ที่บ้านใหญ่หลายปีแต่ก็คงไม่น่าเสี่ยงคุกสักเท่าไหร่
“สะ...เสี่ยจะทำอะไรคะ” พิมพิลาหน้าถอดสีเมื่อเสี่ยอำนาจสั่งให้ลูกน้องมาจับตัวปลายฟ้าเอาไว้
“ยังไงวันนี้ฉันมาแล้ว ถ้าไม่ได้เงินฉันก็ไม่มีทางกลับไปมือเปล่าอย่างแน่นอน”
“ไม่นะแม่ หนูไม่ไป แม่ต้องช่วยหนูนะแม่” ผู้เป็นลูกโอดครวญทำให้พิมพิลาพยายามอ้อนวอนแต่ดูท่าว่าจะไม่เป็นผล
“แต่คนที่ไปกู้เงินเสี่ยมาเป็นคุณประวีร์นะคะ ทำไมเสี่ยไม่เอาลูกสาวเขาไปล่ะ”
“จะลูกแท้ ๆ หรือลูกเลี้ยงยังไงก็ลูกเหมือนกันนั่นแหละ”
“ไม่นะ ฉันไม่ไปกับแน่ไอ้เสี่ยโรคจิต” ปลายฟ้าตวาดกร้าว ปัดป่ายมือสาก ๆ ที่กอบกุมอยู่ที่แขนเล็กให้ออกไปด้วยความรังเกียจ
“ปากดีแบบนี้แหละ ฉันชอบ” เสี่ยอำนาจยกมือขึ้นลากไล้ไปบนแก้มนุ่มนิ่มนั้นแผ่วเบาก่อนจะสั่งให้ลูกน้องนำตัวหญิงสาวออกไปทว่าพิมพิลาก็ยังคงไม่ละความพยายาม
“ฉันขอเถอะนะเสี่ย เดี๋ยวฉันจะตามหาตัวนังแป้งมาให้ เสี่ยเอาตัวมันไปแทนเถอะนะคะ”
“คราวก่อนฉันก็ให้โอกาสแกไปแล้วครั้งนึง แล้วเป็นไงล่ะ สุดท้ายแกก็เล่นไม่ซื่อหอบหนีกันมาแบบนี้ไง” เสี่ยอำนาจตัดบทด้วยการหยิบวัตถุสีดำเงาวับออกมาจากด้านหลัง หันปลายกระบอกไปที่เอวบางของปลายฟ้า “ไปกับฉันดี ๆ ถ้าไม่อยากให้ฉันระเบิดท้องแก”
“ไม่นะแม่...ฮือ...ฟ้าไม่ไป ฟ้าไม่อยากไป” หญิงสาวร้องไห้ปานจะขาดใจ พิมพิลาเองก็ไม่ต่างกัน หล่อนรักลูกมากจนนึกไม่ออกเลยว่าถ้าปล่อยให้ปลายฟ้าไปกับเสี่ยอำนาจแล้วจะมีชะตากรรมเป็นเช่นไร
“ฉันขอร้องเถอะนะเสี่ย...”
“ไม่เว้ย! ถอยไป” ชายวัยกลางคนตะคอกเสียงดัง ยกเท้าขึ้นสะบัดเพื่อให้ร่างที่กำลังกอบกุมขาอยู่นั้นหลุดไป
“ฟ้าลูกแม่...ฮือ...”
“แม่...ฟ้าไม่อยากไป ฟ้าจะอยู่กับแม่...แม่”
ปัง!
เสียงปลายฟ้าเงียบหายไปเหลือไว้เพียงเสียงสะอื้นร่ำไห้ของพิมพิลา หล่อนไม่กล้าแม้จะเดินตามลูกออกไปเพราะกลัวว่าเสี่ยอำนาจจะลั่นไกปลิดชีวิตปลายฟ้าขึ้นมาจริง ๆ
ปรานปราลินได้ยินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในห้องของตัวเองตรงระเบียงห้องของชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างชัดเจน เมื่อทุกอย่างเงียบลงหญิงสาวจึงถอยกรูดลงไปทรุดกายนั่งลงบนพื้นเย็นเฉียบนั้นทันที เธอเห็นแก่ตัวมากไปหรือเปล่าที่แอบมาหลบซ่อนตัวแต่เพียงลำพังอยู่แบบนี้
“ไม่นะแป้ง ถ้าแกไม่ทำแบบนี้ คนที่จะถูกจับไปก็ต้องเป็นแก” หญิงสาวพยายามปลอบใจตัวเอง นึกถึงวันที่บิดาตัดสินใจฆ่าตัวตายขึ้นมาอีกครั้ง ในวันนั้นพิมพิลาและปลายฟ้าก็เห็นแก่ตัวไม่ออกไปช่วยเหมือนกัน แล้วแบบนี้เธอจะมานั่งเสียใจอยู่ทำไมในเมื่อทั้งสองก็ไม่เคยคิดหรือหวังดีกับเธออยู่แล้ว ให้พิมพิลาได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดเสียบ้าง จะได้รู้มันทรมานมากแค่ไหน
“นี่! ฉันถามไม่ได้ยินรึไง เธอเป็นใครเข้ามาในห้องฉันทำไม” เสียงนุ่มทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลังอีกครั้งทำให้หญิงสาวนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ในห้องของตัวเอง
“หนู...” ปรานปราลินชะงักกึกเมื่อหันไปดูแล้วพบว่าร่างสูงโปร่งเจ้าของห้องยืนถือไม้เบสบอลเงื้อขึ้นกลางอากาศ ในขณะที่อีกมือกระชับเสื้อคลุมอาบน้ำเอาไว้แน่น “คุณคงไม่ได้จะตีหนูจริง ๆ ใช่ไหมคะ”
“อย่าเข้ามานะ ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน” ชายหนุ่มตวัดไม้ในมือชี้ไปที่อีกคนทันทีด้วยความไม่ไว้ใจ
ปรานปราลินเห็นท่าไม่ดีจึงกระพุ่มมือไหว้แล้วโค้งกายให้คนตรงหน้าเพราะดูจากวัยแล้วเขาหน้าจะโตกว่าเธออยู่หลายปี
“หนูต้องขอโทษด้วยนะคะที่ถือวิสาสะปีนห้องของคุณ แต่หนูไม่ได้มีเจตนาอะไรไม่ดีเลยนะคะ หนูแค่ปีนหนีแม่เลี้ยงมา”
“คิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ ถ้าฉันไม่มาเห็นเสียก่อนเธอคงจะหยิบของในห้องฉันไปแล้วล่ะสิ”
“ไปกันใหญ่แล้วคุณ ถ้าหนูจะมาขโมยหนูคงไม่ใส่ชุดนักเรียนแล้วก็มาตัวเปล่าแบบนี้หรอก มาขโมยของต้องมีถุงผ้ามาใส่ของสิ” คนตัวเล็กกว่าพยายามอธิบายพลางชี้ให้ดูกระโปรงนักเรียนที่ขาดวิ่นจนถึงน่องแต่ถึงกระนั้นเจ้าของห้องก็ยังไม่ยอมปักใจเชื่ออยู่ดี
“อย่าขยับ ยืนอยู่ตรงนั้นแหละ”
“คะ...ค่ะ” ปรานปราลินไม่มีทางเลือกนอกจากยืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิมตามคำสั่งของเจ้าของห้อง แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มกำลังหยิบมือถือขึ้นมากดเบอร์โทรหาใครบางคนจึงอดถามขึ้นมาเสียไม่ได้ “คุณจะโทรหาใครคะ”
“ตำรวจไง”
“ไม่นะคะ” คำตอบเพียงสั้น ๆ ทำเอาหญิงสาวถึงกับชาวาบไปทั้งตัวรีบถลาเข้าไปหาเขาเพื่อจะคว้ามือถือไว้ทันที โดยไม่ทันได้ระวังจนสะดุดเข้ากับขาโซฟา เป็นจังหวะที่ชายหนุ่มพลิกตัวหันกลับมาพอดิบพอดี คนตัวเล็กกว่าจึงล้มหน้าคะมำลงบนอกกว้างนั้นเข้าเต็มแรง กลิ่นแชมพูอ่อน ๆ จากผิวขาวนุ่มนิ่มทำเอาปรานปราลินถึงกลับต้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่
“ยัยบ้า!” เจ้าของห้องร้องเสียงหลง ผลักไสร่างเล็กที่ใช้ฝ่ามือจับลงตรงหน้าอกหน้าใจของเขาอยู่พอดีให้ออกไปอย่างนึกรังเกียจราวกับว่าหญิงสาวเป็นตัวเชื้อโรคก็มิปาน
“ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษจริง ๆ ”
“...” อีกคนไม่ได้พูดอะไรออกมา สายตาคมกริบจ้องมองไปที่ผู้บุกรุกด้วยความไม่ไว้ใจ มือที่สั่นระรัวรีบกดเบอร์มือถืออีกครั้งเพื่อจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมาเอาตัวหญิงสาวออกไปเสียที
“จะให้หนูทำยังไงคุณถึงจะเชื่อว่าหนูไม่ใช่ขโมยคะ หนูแค่หนีมาจากแม่เลี้ยงที่อยู่ห้องข้าง ๆ เขาตั้งใจจะส่งหนูไปเป็นเมียขัดดอกให้ไอ้เสี่ยบ้ากาม ถ้าคุณเป็นหนู คุณก็คงทำแบบนั้นเหมือนกันนั่นแหละ ขอร้องเถอะนะคะหนูไม่ใช่ขโมยจริง ๆ หนูไม่อยากถูกจับ หนูอยากเรียนต่อ...ขอร้องเถอะนะคะ” ปรานปราลินระเบิดออกมา น้ำตาที่คิดว่าเธอกลั้นมันได้ก็ไหลรื้นออกมาด้วยจนชายหนุ่มเจ้าของห้องต้องรีบวางสายไปในที่สุด เขาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเปิดประตูออกเพื่อให้หญิงสาวกลับห้องตัวเอง
“งั้นก็ออกไป”
“หนูยังกลับไม่ได้ ถ้าหนูกลับไปตอนนี้ป้าพิมต้องเล่นงานหนูแน่ เมื่อกี้หนูได้ยินพวกนั้นมันเอาตัวยัย...” คนตัวเล็กชะงักครู่หนึ่งเมื่อกำลังใช้คำไม่เหมาะสมเรียกพี่สาวนอกไส้ “มันเอาตัวพี่ฟ้า ลูกติดแม่เลี้ยงฉันไปแทน”
“นั่นมันก็เรื่องของเธอ ไม่ใช่ปัญหาของฉัน”
“ขอร้องเถอะนะคะ อย่างน้อยก็ให้ป้าพิมเย็นลงอีกสักนิดแล้วหนูจะ...”
“ออกไป...” มือหนาผายออกไปทางประตูเพื่อเป็นการตัดบทสนทนาแต่เพียงเท่านั้น
“ขอร้องเถอะนะคะ นะคะ” ปรานปราลินหมดหนทางจึงกระพุ่มมือไหว้เพื่ออ้อนวอนขอความเมตตาอีกครั้ง
“ฉันบอกให้ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้”
“ไปก็ได้ รู้อยู่แล้วแหละว่าคุณมันใจดำ” หญิงสาวค้อนขวับ ปรายตามองไปรอบ ๆ ห้อง ทั้งกริยาท่าทางและสไตล์การแต่งห้อง ไม่บอกก็รู้ว่าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ชอบผู้หญิงอย่างเธอแน่นอน “ไม่สิ คุณไม่ใช่ผู้ชายต่างหาก คุณก็เลยไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษ”
“ออกไป!”
เมื่อเจ้าของห้องเอ่ยไล่ ปรานปราลินจึงหมดหนทางจำต้องเดินกลับห้องตัวเองไปทำทีว่าเพิ่งกลับมาจากข้างนอกไม่ได้อยู่ในห้องตั้งแต่ทีแรก