บทนำ (1)
เพล้ง!
เสียงแจกันขนาดเขื่องร่วงหล่นลงพื้นตามมาด้วยเสียงข้าวของหล่นกระจัดกระจายไปทั่วห้องเป็นระยะ เจ้าของดวงตากลมโตแอบมองภาพตรงหน้าผ่านช่องระบายอากาศของตู้เสื้อผ้าด้วยความอยากรู้อยากเห็นตามประสา
เพล้ง!
เสียงข้าวของหล่นกระทบพื้นอีกครั้งทว่าครั้งนี้มันกลับเบากว่าครั้งแรกเพราะมันถูกฟาดลงไปบนศีรษะของชายวัยกลางคนที่กำลังพนมมือขึ้นเหนือศีรษะก่อนที่จะร่วงหล่นลงพื้นพร้อมกับเลือดสีแดงฉาน
“พ่อ” ร่างเล็กพุ่งออกมาจากที่หลบซ่อนด้วยความตื่นกลัว รีบถลาไปสวมกอดร่างบิดาที่กำลังบาดเจ็บตรงศีรษะจากการกระทำอันป่าเถื่อนของพวกเจ้าหนี้ใจทราม
“แป้งออกมาทำไม พ่อบอกให้ซ่อนอยู่ในนั้นไม่ใช่รึไง” ประวีร์ผู้เป็นบิดาพยายามผลักไสให้ปรานปราลินกลับไปซ่อนตัวที่เดิมแต่มันก็ดูจะสายเกินไปเมื่อพวกลูกน้องของเสี่ยอำนาจเข้ามากระชากผมเปียที่ถูกถักรวบไว้จากทางด้านหลัง ทำให้ร่างที่อยู่ในชุดนักเรียน ม.ปลายลอยติดมือไปอย่างง่ายดาย ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกมาจากกระโปรงจนยับยู่ยี่
“ปล่อยฉันนะ ไอ้พวกเลว ปล่อย!”
“ลูกสาวสวยดีนี่หว่า ถ้าเอาไปขัดดอกให้เสี่ย เสี่ยต้องชอบแน่ ๆ ” พวกมันลากลิ้นสาก ๆ ไปตามริมฝีปากแห้งเผือด จ้องมองใบหน้าและแก้มที่แดงระเรื่อของปรานปราลินอย่างหื่นกระหาย ก่อนที่เสียงของประวีร์จะดังแทรกขึ้นมาคล้ายกับกำลังจำนน
“พอได้แล้ว ฉันยอมแล้ว ๆ อย่าทำอะไรลูกสาวฉันเลยนะ ขอเวลาฉันหน่อยเถอะ ขอ...”
ผัวะ!
เสียงบิดาเงียบหายไปเมื่อพวกมันใช้เท้าซัดเข้าไปที่ท้องทำให้ประวีร์รู้สึกจุกจนพูดไม่ออก หนึ่งในพวกมันจึงรีบเข้ามาลากตัวปรานปราลินออกไปเพื่อหวังใช้หญิงสาวเป็นที่บำเรอกามให้กับเสี่ยอำนาจผู้ทรงอิทธิพลในเขตนี้เพื่อขัดดอกชดใช้หนี้ที่ประวีร์ไปกู้มาประกอบธุรกิจแต่ก็พังไม่เป็นท่า
“ฉันไม่ไปไหนกับพวกแกทั้งนั้น ไอ้พวกเลว หมาหมู่ รังแกคนไม่มีทางสู้” ปรานปราลินตวาดกร้าว พลิกตัวกัดที่แขนกำยำของพวกมันเข้าเต็มแรงจนมันยอมสะบัดมือปล่อยเธอเป็นอิสระในที่สุด
“นังบ้าเอ๊ย!”
“พ่อเป็นยังไงบ้างคะ เจ็บมากหรือเปล่า” น้ำตาบ่อน้อยไหลหยดอาบแก้มทั้งสองข้างเมื่อเห็นสภาพของบิดาที่ถูกพวกมันรุมยำจนไม่มีชิ้นดี
“แป้ง...หนีไปลูก หนี...”
“ไม่ค่ะพ่อ แป้งไม่หนี แป้งจะอยู่กับพ่อ ฮือ ๆ “ หญิงสาวทรุดกายลงสวมกอดร่างบิดาไว้ด้วยความรัก ทว่าพวกลูกน้องเสี่ยอำนาจกลับไม่ยอมแพ้พยายามเข้ามาฉุดกระชากลากถูร่างของปรานปราลินไปให้ได้
“ไปกับพี่ดี ๆ เถอะน้องแล้วจะไม่เจ็บตัว”
“พวกแกน่ะสิที่จะเจ็บตัว” พูดจบหญิงสาวจึงยืนขึ้นเต็มความสูงเพื่อจะประจันหน้ากับพวกมันโดยที่ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะกล้ายกเท้าขึ้นฟาดไปที่ใบหน้าของหนึ่งในนั้นจนล้มหงายหลังลงก่อนที่เจ้าตัวจะยกมือน้อย ๆ ขึ้นตั้งหมัด โชคดีที่เลือกเข้าชมรมศิลปะมวยไทยจึงนำใช้มาป้องกันตัวได้บ้าง
“ฤทธิ์เยอะนักนะมึง...”
ผัวะ!
พวกมันพูดยังไม่ทันจบหมัดน้อย ๆ ก็ถูกสอยเข้าที่ปลายคางพวกมันอีกครั้งจนเลือดไหลกบปาก
“นี่สำหรับแกที่กล้ามาทำพ่อฉัน”
“เอาสิ ถ้ามึงยังอวดดีอีกกูจะลั่นสมองพ่อมึงเดี๋ยวนี้แหละ เอาเลย ! ” หนึ่งในพวกมันหยิบวัตถุสีดำขลับเงาวับออกมาจากทางด้านหลังเตรียมลั่นไกชี้ปลายกระบอกปืนไปที่ประวีร์
“อย่านะ อย่าทำอะไรพ่อฉัน”
“งั้นมึงก็ไปกับพวกกูดี ๆ จะได้ไม่ต้องมีใครเจ็บตัวอีก” พวกมันขู่ในขณะที่ยังจ่อปลายกระบอกปืนอยู่ในตำแหน่งเดิม เมื่อประวีร์เห็นว่าลูกสาวกำลังจะเดินตามพวกมันไปเขาจึงรีบคว้าแขนปรานปราลินเอาไว้
“ไม่ อย่าเอาลูกฉันไป ฉันขอเวลาอีกนิด ขอร้องเถอะนะ” คนสูงวัยพนมมือขึ้นกราบแทบเท้าของพวกมันทว่าคนเป็นหัวหน้ากลับเหยียดตามองด้วยความสมเพชไม่มีความเมตตาหลงเหลืออยู่เลยสักนิด
“ขอเวลาเหรอ แกพูดแบบนี้มากี่รอบแล้ววะ ส่งลูกสาวแกไปให้เสี่ยบางทีเวลาของแกอาจจะเพิ่มขึ้นอีกหน่อยก็ได้ ดีไม่ดีถ้าเสี่ยพอใจหนี้ก้อนนั้นก็อาจจะเป็นโมฆะ”
ประวีร์นิ่งเงียบจนด้วยคำพูด เขาทำได้แค่เงยหน้ามองลูกสาวคนเดียวที่เปรียบเสมือนของขวัญล้ำค่าจากภรรยาผู้ล่วงลับ เขาสัญญากับเธอไว้แล้วว่าจะเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุดเขาจะไม่มีวันปล่อยให้ปรานปราลินต้องตกอยู่ในน้ำมือของเสี่ยอำนาจอย่างแน่นอน
“ถ้าอย่างนั้นช่วยรอฉันสักครู่ได้ไหม” ประวีร์ต่อรองก่อนที่เขาจะเดินหายเข้าไปในห้องหยิบสร้อยคอทองคำซึ่งเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ตกทอดมาส่งไปให้พวกมัน "มันอาจจะไม่มากพอสำหรับใช้หนี้ทั้งหมด แต่ฉันก็หวังว่ามันจะมากพอที่จะซื้อเวลาให้ฉันได้อีกนิด"
หัวหน้าพวกมันใช้เวลาตัดสินใจครู่หนึ่งหลังจากที่พิจารณาสร้อยคอขนาดสองบาทในมืออยู่นานก่อนจะยอมปล่อยให้ปรานปราลินเป็นอิสระ
“ฉันจะลองพูดกับเสี่ยให้ละกันเดือนหน้าฉันมาใหม่”
ปัง!
เสียงปิดประตูดังสนั่นเมื่อพวกมันยอมกลับไปเหลือทิ้งไว้แค่เสียงสะอื้นของหญิงสาว ใบหน้าตื่นตระหนกกวาดตามองข้าวของที่เสียหายจากการบุกรุกของพวกมันพร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองหน้า
“คุณเป็นยังไงบ้างคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า” พิมพิลา ภรรยาใหม่ของประวีร์โผออกมาจากที่ซ่อนด้วยสีหน้าที่แสนหวาดหวั่นและน้ำตาที่แสดงออกมาว่าหล่อนเป็นห่วงบิดาเสียเต็มประดา ซึ่งนั่นต่อให้ปรานปราลินมองจากดาวอังคารก็พอเดาได้ไม่ยากเลยสักนิดว่าพิมพิลานั้นพกพาสตรอเบอร์รี่มาด้วยทั้งสวน
“ทำไมเพิ่งจะโผล่หัวมาล่ะ”
“นี่เธอมันจะมากไปแล้วนะ แม่ฉันกลัวก็ต้องซ่อนตัวสิ” ปลายฟ้า ลูกติดของพิมพิลา พี่สาวนอกไส้ของเธอเอ่ยขึ้นหลังจากที่เดินตามหลังมารดาออกมาติดๆ
“ตอ...”
“พอได้แล้วน่ะแป้ง พ่อไม่ได้เป็นอะไรแล้ว” ประวีร์รีบปราม เขารู้ดีว่าปรานปราลินไม่ถูกชะตากับปลายฟ้ามาตั้งแต่ที่เขาตัดสินใจพาพิมพิลาเข้ามาในบ้านตั้งแต่วันแรกแล้ว
“มาค่ะเดี๋ยวฉันช่วย” แม่เลี้ยงแสนใจดีแสร้งตีหน้าเศร้า พยายามประคองร่างของสามีให้ยืนขึ้นอย่างทุลักทุเลเพื่อจะพาเข้าไปนอนพักในห้อง ทว่าประวีร์กลับขอตัวเดินหายเข้าไปแต่เพียงลำพังทำให้พิมพิลาและปลายฟ้าดูเหมือนจะไม่พอใจเท่าไหร่นัก
ปรานปราลินรู้ดีว่าบิดาคงจะเหนื่อยเลยอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ หลังจากที่จัดการเก็บข้าวของทำความสะอาดบ้านไม้สองชั้นหลังเก่าเสร็จ หญิงสาวจึงเข้าครัวเตรียมอาหารง่าย ๆ อย่างไข่เจียวกุ้งสับเหมือนที่ประวีร์ชอบทานเป็นประจำเพื่อนำไปให้บิดาในห้องทำงาน
“พ่อคะ ออกมาทานข้าวก่อนสิคะ”
“...” มีแต่ความเงียบตอบรับกลับมา หญิงสาวจึงพยายามเอ่ยเรียกอีกครั้งแต่ผลลัพธิ์ก็ยังเป็นเหมือนเดิม
“พ่อคะ หนูทำไข่เจียวมาให้พ่อด้วยน่าทานมากเลยนะคะ”
“...”
“พ่อคะ”
“...”
“ให้หนูเข้าไปนะคะ” ปรานปราลินวางจานข้าวลงบนโต๊ะข้าง ๆ เพื่อเขย่งปลายเท้าหยิบกุญแจที่ถูกซ่อนไว้บนคานไม้ใกล้ ๆ มาไขประตูให้เปิดออก
“พ่อคะ...” ร่างเล็กย่องเข้าไปในห้องที่มืดสลัว มีเพียงแสงจันทร์จากภายนอกสาดส่องเข้ามาแค่เลือนรางเท่านั้น ปรานปราลินกวาดสายตามองไปรอบห้องแต่กลับไม่พบแม้แต่เงาของบิดา หญิงสาวจึงวางจานข้าวลงบนโต๊ะทำงานแล้วเดินอ้อมไปเปิดสวิตช์ไฟในห้อง “ทำไมพ่อไม่เปิดไฟล่ะคะ”
พรึ่บ!
ไฟนีออนส่องแสงสว่างจ้า ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อหันหน้ามาพบกับปลายเท้าของบิดาอยู่ตรงหน้าในขณะที่ส่วนบนห้อยลงมาจากคานไม้กลางห้องมีเชือกไนล่อนรัดแน่นอยู่ที่คอ
“กรี๊ด!”
ภาพนั้นยังคงติดตามาโดยตลอดแม้ว่ามันจะผ่านไปจวนจะถึงเดือนแล้วก็ตาม หากบิดาไม่ไปหยิบยืมเงินก้อนใหญ่มาสร้างธุรกิจจนมันล้มละลายไม่เป็นท่าก็คงจะไม่คิดสั้นฆ่าตัวตายและเธอก็คงไม่ต้องหนีเจ้าหนี้ตามแม่เลี้ยงอย่างพิมพิลาและปลายฟ้าหัวซุกหัวซุนมาถึงขนาดนี้
หญิงสาวสวมกอดรูปประวีร์ในอ้อมกอดไว้แน่น จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างรถทัวร์ที่กำลังแล่นเข้าสู่เมืองหลวงของประเทศไทย พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันครบกำหนดตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับเสี่ยอำนาจแล้ว พวกมันต้องตามมาทวงเงินคืนตามที่ได้ให้สัญญาไว้อย่างแน่นอน แม้จะรู้ดีว่าประวีร์ได้จากโลกใบนี้ไปแล้วก็ตาม
“พ่อแกมันเห็นแก่ตัวที่สุด จะตายทั้งทีดันทิ้งหนี้ไว้ให้ฉันอีก” พิมพิลาบ่นพึมพำตลอดทางที่นั่งรถมา หล่อนเองก็รู้สึกไม่ชอบใจนักที่ต้องพาลูกเลี้ยงนอกไส้ติดมือมาให้เป็นภาระแบบนี้เหมือนกัน
“ถ้าคุณลุงยอมให้แกไปเป็นเมียขัดดอกพวกมันตั้งแต่แรก ฉันกับแม่คงไม่ต้องลำบากพาแกหนีมาแบบนี้หรอก” ปลายฟ้าเสริม
ปรานปราลินได้แต่นิ่งเงียบไม่ได้ต่อปากต่อคำเหมือนแต่ก่อน สำหรับเธอในตอนนี้คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการสูญเสียบิดาผู้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ไปอีกแล้ว ที่เหลือต่อจากนี้ไปคงต้องเธอเองก็ได้แต่ภาวนาอย่าให้โชคชะตามันเลวร้ายกว่าที่ผ่านมาก็พอ