“เธอว่าไงนะ” ปลายฟ้าตัวชาวูบ รู้สึกเหมือนถูกไม้หน้าสามฟาดลงกลางใบหน้าจนแหลกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี ไม่คิดเลยว่าคนไว้ใจมาตลอดกลับกลายเป็นลูกชายของคนที่จับตัวเธอมาเพื่อหวังจะทำเมีย
“อ้าว ๆ จะมัวคุยกันอีกนานไหม หรือจะรอให้ประธานในพิธีมาตัดริบบิ้นเสียก่อน จะได้เริ่มทำงานกัน” เสียงรำไพแว่วมาตามสายลม ทำให้คนกำลังยืนอึ้งอยู่ถูกเรไรลากตัวให้เดินตามไปเพื่อเก็บองุ่นที่กำลังสุกได้ที่เก็บไว้ในตะกร้าที่เตรียมไว้
“ไอ้คนปลิ้นปล้อน ฝากไว้ก่อนเถอะ ฉันกลับไปถีบกบาลนายแน่”
ปลายฟ้าได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นไว้จนกระทั่งถึงเวลาเลิกงาน อากาศที่แสนจะร้อนอบอ้าวคล้ายฝนกำลังจะตกทำใคนที่ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องตั้งแต่เช้าต้องถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ทันทีที่ขนตะกร้าองุ่นไปเก็บไว้เสร็จเรียบร้อย
“ดูท่าปลายจะไม่เคยทำงานหนักแบบนี้ล่ะสิ หมดแรงเลย” เรไรยื่นขวดน้ำในมือส่งให้ในขณะที่กำลังเดินทอดน่องออกจากไร่องุ่นเพื่อกลับที่พัก
“ไม่เคยอ่ะดิ เหนื่อยจะตาย มือก็เจ็บหมดแล้วเนี่ย” หญิงสาวตอบกลับไปแบบไม่สบอารมณ์พลางนวดมือตัวเองป้อย ๆ นึกเจ็บใจขึ้นมาอีกครั้งเมื่อนึกถึงหน้าอคิน
“มาเดี๋ยวเรานวดให้”
“จะบ้ารึไง” ปลายฟ้าเผลอตะคอกใส่เรไรเมื่อสาวเจ้ายื่นมาจับมือเธอไว้เพื่อจะบีบนวดให้
“ขอโทษ เราไม่คิดว่าปลายจะ...”
“คือ...เราเพิ่งมาทำงานวันแรกน่ะ เราไม่อยากให้คนอื่นมองเราไม่ดี” หญิงสาวแก้ตัวเมื่อเห็นสีหน้าของเรไรที่ดูเหมือนจะเจื่อนลง
“ว่าแต่คุณคินให้ปลายพักที่ไหนเหรอ เราจะได้ไปส่ง”
“พักกับเขาที่บ้านในป่านั่นแหละ” ปลายฟ้าตอบแบบส่ง ๆ นึกรำคาญที่สาวเจ้าเอาแต่ถามโน่นถามนี่มาตลอดทั้งวัน
“โห..น่าอิจฉาจัง บ้านหลังนั้นน่ะถึงภายนอกจะดูเล็กแต่ข้างในนี่ของใช้ ทีวี อะไรนี่มีครบเลยใช่ไหม ป้าไพเคยเล่าให้ฟังตอนไปช่วยทำความสะอาด”
“อืม”
“งั้นเดี๋ยวเราไปส่งนะ เรามีเรื่องอยากถามปลายเยอะแยะเลย”
“ไม่ต้อง!” เป็นอีกครั้งที่ปลายฟ้าตะคอกออกมา ความเหนื่อยล้าจากการทำงานมันทำให้ความอดทนของเธอลดน้อยลงมากยิ่งนึกถึงใบหน้าของอคินจอมหลอกลวงอารมณ์โมโหก็ดูเหมือนจะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น
“ปลายรังเกียจเราเหรอ”
“เอ่อ...เราเห็นว่าวันนี้เธอทำงานเหนื่อยมาทั้งวันแล้วอ่ะ เราเลยไม่อยากรบกวน อีกอย่างเราก็จำทางได้เดี๋ยวเราเดินกลับเองดีกว่า”
“แต่...”
“ขอตัวนะ” เมื่อเห็นว่าสาวเจ้าจะไม่ยอมง่าย ๆ ปลายฟ้าจึงต้องใช้วิชาตีนผีรีบเผ่นกลับบ้านไปเสียก่อน ผู้หญิงด้วยกันแท้ ๆ มองไม่ออกเลยรึไงว่าเธอก็เพศเดียวกันกับหล่อน “พูดอะไรก็ไม่รู้ ขนลุกจะแย่”
เสียงกระบะสีดำประจำไร่ขับพุ่งทะยานเข้ามาจอดหน้าบ้านในขณะที่หญิงสาวกำลังเดินขึ้นเรือนพอดิบพอดี ทันทีที่เห็นร่างสูงโปร่งของอคินลงจากรถ คนที่ถูกจับแปลงโฉมให้เป็นผู้ชายก็รีบพุ่งถลาลงจากเรือน ยกขาหนึ่งข้างแล้วถีบไปที่สีข้างของอีกคนอย่างแรงจนชายหนุ่มซึ่งไม่ทันได้ตั้งตัวล้มลงไปบนพื้นหญ้า
“นี่คุณทำบ้าอะไรเนี่ย ผมเจ็บนะ”
“เจ็บน่ะสิจะได้รู้ ว่าฉันเองก็เจ็บไม่ต่างจากนายเลยสักนิด ไอ้คนหลอกลวง ไอ้เลว!” หญิงสาวขบกรามแน่น เมื่ออคินยืนขึ้นเต็มความสูงจึงถลาเข้าไปเพื่อหวังจะตบใบหน้าหล่อเหลานั้นเสียให้เต็มแรง ให้สมกับที่เขาเล่นละครหลอกเธอมาฉากใหญ่
“เป็นบ้าไปแล้วรึไง นี่โกรธที่ผมให้ไปทำงานขนาดนี้เลยเหรอ” อคินเบี่ยงตัวหลบจากฝ่ามือน้อย ๆ ได้ทันก่อนจะพลิกตัวรวบข้อมือของหล่อนไว้ได้ทั้งสองข้าง ทำให้ปลายฟ้าทำได้แค่ดินขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเขาเท่านั้น
“แค่เรื่องทำงานนั่นมันยังน้อยไปด้วยซ้ำถ้าเทียบกับเรื่องที่นายโกหกว่านายเป็นคนงานของที่นี่ ทั้ง ๆ ที่นายเป็นลูกชายของไอ้เสี่ยบ้ากามนั่น”
“รู้แล้วเหรอ...” ชายหนุ่มยิ้มตอบหน้าตาเฉยทำให้อีกคนยิ่งฉุนจัด หญิงสาวถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ในความใสซื่อของเขาแล้วจึงยกเท้าขึ้นจนสุดก่อนจะเหยียบลงไปบนเท้าของเขาอย่างแรงเพื่อให้เขาปล่อยเธอจากการกอบกุม “โอ๊ย! นี่คุณ”
“ทำไมนายต้องทำแบบนี้ด้วย นายหลอกทำดีกับฉันให้ฉันตายใจแล้วพาฉันไปให้พ่อนาย นายนี่มันเลวไปต่างกับพ่อนายเลยจริง ๆ เสียแรงที่ฉันอุตส่าห์ไว้ใจ”
“อย่าเอาผมไปเทียบกับเขา ถึงผมจะเป็นลูกแต่ผมก็ไม่เหมือนเขา” อคินสวนกลับทันควัน นัยน์ตาคมกริบเหมือนจะวูบไหวเมื่อหญิงสาวพูดถึงบิดาโดยที่ปลายฟ้าไม่ทันได้สังเกต สองเท้าขยับย่างสามขุมเข้าไปหาคนตัวเล็กกว่าด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ทำไม พูดเรื่องจริงแล้วรับไม่ได้รึไง นายจะไม่เหมือนกันได้ไงก็นายเป็นลูก ไม่ต้องมาอธิบายหรอกยังไงฉันก็เชื่อนายอีกแล้ว”
“ไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร งั้นผมจะทำให้คุณเห็นว่าผมเลวกว่าพ่อผมหลายเท่าเลยล่ะ” พูดจบอคินจึงออกแรงกระชากร่างเล็กขึ้นมาวางพาดไว้บนไหล่กว้างนั้นทันทีโดยที่อีกคนไม่ทันได้ตั้งตัว
“กรี๊ด! นายจะทำอะไรฉัน อยากบอกนะว่าจะพาฉันไปให้พ่อนายอ่ะ ไม่นะ ไม่ ฉันไม่อยากไป ปล่อยฉัน!” หญิงสาวพยายามดิ้นหนีเมื่อคิดว่าเขากำลังจะพาตัวไปให้เสี่ยอำนาจ แต่เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มไม่ได้เปิดประตูรถแต่กลับไปเธอเดินอ้อมไปด้านหลังของบ้านความคิดนั้นจึงหายไปในทันทีก่อนที่ความคิดใหม่จะโผล่เข้ามาในหัวแทน “นายจะฆ่าฉันเหรอ พูดความจริงแล้วรับไม่ได้ถึงกับต้องฆ่าแกงกันเลยรึไง ปล่อยฉันนะ”
“คุณพูดเองนี่ว่าผมเลว ผมก็จะเลวให้คุณดูไง”
“ไม่ ๆ ฉันไม่อยากเห็นอะไรทั้งนั้น ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้” ความกลัวเริ่มเข้าครอบงำ มือน้อย ๆ รัวกำปั้นทุบลงบนแผ่นหลังกว้างไม่ยั้งจนกระทั้งอคินหยุดเดินแล้ววางตัวเธอลงให้ยืนขึ้นตรงหน้า เขาคว้าเชือกที่แขวนอยู่บนกิ่งไม้มามัดมือหญิงสาวเอาไว้แล้วผูกโยงขึ้นไปเหนือศีรษะอย่างทะมัดแทมงราวกับว่าเคยทำมันมาก่อน
“นี่เป็นสถานที่ทรมานของพวกคนงานที่ทำความผิด และคุณก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้ใช้มัน ถือว่าโชคดีมากเลยนะรู้ไหม”
“ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต ทำร้ายคนไม่มีทางสู้ ฉันจะฆ่านาย” ดวงตากลมโตมีน้ำตาไหลรื้นออกมา พวงหน้าหวานที่เปรอะเปื้อนไปด้วยถ่านสีดำเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ พยายามดิ้นหนีจากเชือกที่ผูกข้อมือไว้เหนือศีรษะจนมันบาดข้อมือเป็นรอยแดงขึ้นมาทันตา
“ผมว่าก่อนคุณจะได้ฆ่าผม ผมคงได้ฆ่าคุณก่อนล่ะมั้ง”
“ถ้าฉันตายเป็นผี ฉันสาบานเลยว่าฉันจะกลับมาหักคอนาย คอยดู!”
“เสียดายจัง คนสวย ๆ อย่างคุณไม่น่ารีบกลายเป็นผีเลย ก่อนตายผมน่าจะทำอย่างอื่นก่อน...ดีไหม คุณจะได้ไม่ตายเปล่า อย่างน้อยร่างสวย ๆ นี้ก็ยังมีประโยชน์กับผม” ชายหนุ่มยกยิ้มมุมปาก พลางวาดปลายนิ้วมือไปตามแขนเรียวที่โผล่พ้นออกมาจากแขนเสื้อตัวใหญ่โคร่งก่อนจะหยุดอยู่ที่กระดุมเม็ดบนสุด
“นายจะทำอะไร อย่าเอามือสกปรกมาแตะต้องตัวฉันนะ ไอ้คนน่ารังเกียจ”
“ปากดีอย่างนี้แหละผมชอบ พอผมเสร็จแล้วผมจะได้ตามพวกคนงานมาต่อคิว คุณคงไม่ว่าอะไร” มือหนาเลื่อนมาปลดกระดุมเสื้อของหญิงสาวออกทีละเม็ดอย่างใจเย็น ในขณะที่อีกคนตัวชาวูบอยากจะกัดลิ้นตัวเองให้ตายไปเสียเดี๋ยวนั้น
“นายมันก็เลวเหมือนพ่อนายนั่นแหละ เอาเลย อยากทำอะไรก็เชิญ ถึงยังไงฉันก็ต้องตายอยู่แล้วนี่”
“คุณไม่ต้องท้าผมหรอก ผมทำแน่ แล้วจะทำให้เบาที่สุดละกัน คุณจะได้ไม่เจ็บ” ชายหนุ่มยิ้มตอบ เขาลูบไล้บนแก้มเนียนนั้นหนึ่งครั้งแล้วจึงบรรจงถอดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกจนหมดเหลือเพียงแค่ผ้าสีขาวผืนยาวที่เขาเป็นคนหามาให้เจ้าหล่อนพันไว้เพื่อปกปิดเนินเนื้ออวบอิ่มนั่นไม่ให้ใครสงสัย
ปลายฟ้าไม่ได้พูดอะไรต่อ หญิงสาวหลับตาพริ้มเพื่อรอรับความป่าเถื่อนที่อคินกำลังจะมอบให้ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าชายหนุ่มกำลังแอบอมยิ้มกับการกระทำนั้นอย่างนึกเอ็นดู เขาจ้องมองใบหน้าที่แสนหวาดกลัวของหญิงสาวอยู่เนิ่นนาน รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ใบหน้าค่อย ๆ โน้มเข้าไปหาอีกคนช้า ๆ
ไหน ๆ หล่อนก็เข้าใจผิดคิดว่าเขาเป็นคนเลวอยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นคงไม่เป็นไรถ้าหากเขาจะลองลิ้มรสริมฝีปากสีชมพูระเรื่อนี่สักครั้ง
หญิงสาวรับรู้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่กำลังรดอยู่ตรงซอกคอพร้อม ๆ กับปลายหนวดที่รกครึ้มที่เริ่มคลอเคลียซุกไซ้ตั้งแต่ซอกคอมาจนถึงพวงแก้ม สายลมที่พัดเข้ามามันทำให้ปลายฟ้าเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าถ้าเขาจะทำตามที่บอกไว้จริง ๆ ก็ไม่ควรจะทำในที่โล้งแจ้งแบบนี้ อย่างน้อยก็ควรให้เกียรติเธอก่อนตายสักครั้ง
คิดแล้วดวงตากลมโตจึงเปิดขึ้นเพื่อจะบอกให้เขาย้ายสถานที่ ทว่าไม่ทันจะได้ปริปากพูดอะไรออกไป ปากของอีกคนก็โน้มลงมาปิดปากของเธอไว้เสียก่อนพร้อม ๆ กับฝ่ามือหนาที่เริ่มซุกไซ้ไปตามเรือนร่าง
"อ๊ะ ! นี่นาย..." อารามความตกใจบวกกับอาการอ่อนเพลียเพราะยังไม่ได้ทานอะไรนอกจากน้ำทำให้หญิงสาวหมดสติไปในที่สุด
“ปากเก่งแบบนี้ไม่ยักรู้ว่าพอเอาเข้าจริง ๆ จะอ่อนปวกเปียก” ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ จ้องมองคนที่กำลังสลบอยู่ในอ้อมกอดอย่างนึกเอ็นดู พยายามแก้เชือกที่ผูกข้อมือเล็กไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว จากนั้นจึงออกแรงโอบอุ้มหญิงสาวขึ้นไปนอนพักบนบ้านหลังจากที่เล่นสนุกจนพอใจ
หล่อนคงถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี ไม่เคยทำงานหนักมาก่อน มันเลยทำให้เป็นลมเป็นแล้งไปอย่างง่ายดายแบบนี้
มือหนาใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรอยเปื้อนสีดำบนใบหน้าออกอย่างเบามือ นึกไม่ออกเลยว่าหากหล่อนตื่นขึ้นมาเขาจะโดนเล่นงานหนักขนาดไหน