แสงแดดตอนเที่ยงส่องลงมากระทบกับร่างสูงโปร่งของอคินซึ่ง กำลังเดินลัดเลาะไปตามทางเล็ก ๆ เพื่อมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านหลังเล็กกลางป่าพร้อมกับข้าวกล่องที่ถือติดมือไปด้วย
“อ่ะ ทานข้าวซะสิ” เขาว่าพลางส่งข้าวในมือวางไว้ตรงหน้าหญิงสาวที่ได้แต่นั่งหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ตรงแคร่ไม้หน้าบ้าน เมื่อเห็นชายหนุ่มเดินขึ้นมามือเรียวจึงหันไปหยิบข้าวในถุงเขวี้ยงลงพื้นอย่างไม่ใยดีก่อนจะยืนขึ้นแล้วตวาดกร้าวไปที่อีกคนราวกับว่าอดกลั้นมานาน
“เมื่อไหร่นายจะพาฉันกลับบ้านซักที ฉันเบื่อที่จะมานั่งกินนอนกินอยู่ในป่าแบบนี้จะตายอยู่แล้ว”
“คุณจะให้ผมไปส่งที่ไหนล่ะ ในเมื่อคุณเองก็ยังไม่รู้เลยว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหน” อคินตอบอย่างใจเย็น เขาหันไปถอดเสื้อคลุมตัวใหญ่โคร่งแขวนไว้กับตะปูบนฝาผนังแล้วถอดเสื้อยืดสีขาวด้านในออกเพื่อระบายความร้อนจากสภาพอากาศ
“ก็ฉันบอกแล้วไง ว่าอยู่กรุงเทพ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
“รู้แล้วว่าอยู่กรุงเทพ แต่มันส่วนไหนของกรุงเทพล่ะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถาม ปรายตามองหญิงสาวด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ หล่อนหน้าตาสระสวยก็จริงแต่กริยามารยาทนี่ตรงข้ามกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว
“...” ปลายฟ้าจนด้วยคำพูด เพราะเธอไม่ใช่คนที่นั่นตั้งแต่เกิดเพิ่งจะย้ายเข้าไปอยู่ได้ไม่นานก็ถูกเสี่ยอำนาจจับตัวมาเสียก่อน อย่าว่าแต่ที่อยู่เลย ถนนหนทางในเมืองหลวงเธอก็แทบจะไม่รู้จักเพราะวัน ๆ เอาแต่กินนอนอยู่ในห้องไม่กล้าออกไปไหนกลัวว่าจะเจอลูกน้องของเสี่ยอำนาจเจอตัว และมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ
“แล้วข้าวนี่จะกินไหม ผมไม่ได้เอามาหลายกล่องนะ ถ้าอยากกินก็ตักกินจากบนพื้นนั่นแหละ เรื่องมากนัก”
“นี่นาย ฉันไม่ใช่หมานะ นายคิดว่านายเป็นใคร เป็นแค่คนงานในไร่กล้าดียังไงมาอวดดีกับฉัน ไอ้ขี้ข้า!” นิ้วเรียวจรดไปที่อกเปลือยเปล่าของชายหนุ่มด้วยความรังเกียจ ถึงผิวเขาจะเนียนละเอียดผิดวิสัยของคนทำงานกลางแดด แต่ใบหน้ากลับมีหนวดเคราขึ้นปกคลุมจนรกครึ้มจนไม่เหลือเค้าความหล่อเหลาเอาเสียเลย
“ใช่ ผมมันขี้ข้า ขี้ข้าของเสี่ยอำนาจไง ถ้าคุณยังปากดีอีกขี้ข้าคนนี้แหละจะเอาตัวคุณไปส่งให้เสี่ย เดี๋ยวนี้เลย”
“นี่นายกล้าขู่ฉันเหรอ”
“ไม่ได้ขู่ แต่ผมเอาจริง” เจ้าของดวงตาคมกริบตวัดมือขึ้นจับแขนเรียวเอาไว้แล้วออกแรงลากหญิงสาวลงไปจากบ้านทันที
“ไม่นะ ไม่เอา...ฉันขอโทษ อย่าพาฉันไปให้เสี่ยอำนาจเลยนะ ฉันขอโทษ” ปลายฟ้าเห็นท่าไม่ดีจึงรีบพนมมือไหว้คนตรงหน้าอย่างไม่มีทางเลือก
อคินขบกรามแน่น ปรายตามองร่างบางที่กำลังสวมเสื้อผ้าตัวใหญ่โคร่งของเขาด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ในเมื่อหล่อนอุตส่าห์ร้องขอความเห็นใจเขาเองก็คงจะใจร้ายไม่ลง
“ถ้าไม่อยากกินอะไรก็ขึ้นไปนอน ไปดูทีวีก็ได้แล้วอย่าแหกปากอีก”
“นี่ใจคอนายจะให้ฉันเฝ้าอยู่แต่ในกระท่อมนี่เหรอ ฉันไม่ใช่ผีบ้านผีเรือนนะ ฉันเบื่อได้ยินไหม” ปลายฟ้าระบายความอัดอั้นตันใจออกมา “ฉันอยู่ที่นี่คนเดียวรู้ไหมมันทรมานแค่ไหน หันไปทางไหนก็มีแต่ป่า ฉันคิดถึงแม่ นายเข้าใจไหมว่าฉันคิดถึงแม่ ฉันอยากกลับไปหาแม่ ถ้าไม่ให้ฉันกลับบ้านก็พาฉันออกไปข้างนอกบ้างสิ”
“ออกไปข้างนอกเหรอ ลืมไปแล้วรึไงว่าเสี่ยกำลังตามหาตัวคุณอยู่ ทะเล่อทะล่าออกไป ไม่กลัวรึไง” เหตุผลของอคินทำให้หญิงสาวนิ่งเงียบไปอีกครั้ง เขาชอบทิ้งให้เธออยู่ที่นี่เพียงลำพัง หากแค่ตอนกลางวันพอทำใจ แต่ในยามดึกรอบกายมีแต่ความมืด ถึงภายในบ้านหลังเล็กจะมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบครันแต่มันก็ไม่ได้คลายความหวาดกลัวให้ลดน้อยลงได้เลย
“ก็ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่คนเดียวนี่”
“อยากเข้าไปในไร่ด้วยงั้นสิ”
“ใช่ ไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่แค่ในกระท่อมนี้อ่ะ”
ชายหนุ่มเม้มริมฝีปากเข้าหากันเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะลากหญิงสาวให้ขึ้นไปบนบ้าน เขาควานหาบางอย่างในชั้นเก็บของแล้วส่งมันไปให้ปลายฟ้าที่กำลังยืนงงเป็นไก่ตาแตก
“กรรไกร เอามาให้ฉันทำไม หรือว่านายจะฆ่าฉัน ไม่นะ...ฉันยังไม่อยากตาย” หญิงสาวตีโพยตีพายเอามือปิดหน้าปิดตาเป็นการใหญ่จนอีกคนเริ่มขัดใจ
“เอามาตัดผมต่างหาก”
“ตัดผมใคร อย่าบอกนะว่าตัดผมฉัน ไม่ได้นะกว่าฉันจะเลี้ยงให้ยาวมันนานมากแค่ไหน นายจะมาตัด...”
“มานี่เดี๋ยวผมจัดการเอง” อคินไม่รอให้เจ้าของผมยาวสลวยอนุญาต เขาตวัดเอวบางมากอดไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวส่วนอีกข้างใช้มันตัดผมสีดำขลับของหญิงสาวทันที
“กรี๊ด! นายเป็นบ้าไปแล้วรึไง” ปลายฟ้าร้องเสียงดังลั่นมองผมตัวเองที่ถูกตัดออกไปพร้อมกับน้ำตาที่ไหลนองอาบแก้ม นึกถึงตอนที่ยังอยู่บ้านนอกเธอกับแม่มักใช้วิธีนี้จัดการกับปรานปราลินน้องสาวนอกไส้จนอดคิดไม่ได้ว่านี่มันเป็นเวรกรรมที่กำลังตามสนองเธออย่างแน่นอน
“ตัดอีกค่ะแม่ ตัดอีก ตัดให้สั้นไปเลย” ตอนนั้นเธอสะใจมากที่เห็นปรานปราลินร้องไห้ คลานเข้าไปเก็บผมของตัวเองมาสวมกอดไว้อย่างน่าเวทนา
“ทำไมต้องทำกับหนูแบบนี้ด้วย ฮือ ๆ”
“เพราะว่าพวกเราเกลียดแกไง แกมันตัวเสนียด เป็นหนามตำใจฉัน ถ้าฉันฆ๋าแกได้ ฉันทำไปแล้ว” พิมพิลายืนท้าวสะเอวมองภาพผมที่เหว่งของลูกเลี้ยงอย่าสาแก่ใจ เพียงเพราะปรานปราลินกลับมาขออนุญาตไปรำงานโรงเรียนแต่บิดาไม่อยู่ มันเลยทำให้ปลายฟ้านึกอิจฉาที่น้องสาวนอกไส้จะได้แต่งตัวสวย ๆ เลยยุยงให้ผู้เป็นแม่ตัดผมที่ยาวสลวยของปรานปราลินจนมันสั้นกุดเหลือแค่ติ่งหู
เมื่อประวีร์กลับมา หล่อนก็แค่บอกสามีไปว่าลูกเลี้ยงหัวดื้อโมโหที่เธอไม่อนุญาตให้ไปรำแล้วประชดประชันด้วยการตัดผมตัวเอง
“อยู่นิ่ง ๆ สิ ถ้าดิ้นแล้วผมตัดไปโดนหูอย่ามาว่าผมนะ” เสียงของอคินปลุกให้หญิงสาวตื่นขึ้นจากภวังค์ จ้องมองผมตัวเองที่ร่วงหล่นลงพื้นใช้มือรวบมันมาสวมกอดไว้อย่างห่วงแหน คำขู่ของชายหนุ่มมันทำให้เธอไม่กล้าจะดิ้นหนีอีกต่อไป
“นายมันบ้า บ้าที่สุดเลย ฮือ ๆ ผมฉัน...”
“เสร็จเรียบร้อย”
“ผมฉัน...” คนตัวเล็กยกมือขึ้นจับศีรษะของตัวเอง พาสองเท้าที่เหมือนจะไร้เรี่ยวแรงไปยืนอยู่หน้ากระจกก่อนจะพบว่าผมของเธอถูกตัดซอยสั้นระดับต้นคอเท่านั้น “นายทำบ้าอะไรเนี่ย”
“ก็คุณบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอยากออกไปข้างนอก ไม่อยากนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่นี่ ผมก็ช่วยคุณแล้วนี่ไง”
“ช่วยด้วยการตัดผมฉันนี่อ่านะ”
“ช่วยปลอมตัวต่างหาก” พูดจบเขาจึงเดินหายไปจากบ้านแล้วกลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับถ่านสีดำในมือ
“จะทำอะไร”
“มานี่...”
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า!” ปลายฟ้าเบิกตาโตเมื่อเขาค่อย ๆ ละเลงถ่านในมือบนใบหน้าของเธอจนมันดำมอมแมม ไม่เหลือเค้าโครงความงามแต่อย่างใดแต่ถึงกระนั้นมันก็ยังไม่เป็นที่น่าพอใจอยู่ดี “ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย”
“มันยังไม่เนียนพอ” ดวงคมกริบจ้องมองไปหน้าอกหน้าใจของหญิงสาวซึ่งไร้บราปกปิด ขนาดที่ใหญ่โตมองผ่าน ๆ ก็คงเดาได้ไม่อยากว่าเจ้าหล่อนเป็นผู้หญิงต่อให้ผมจะถูกตัดสั้นไปแล้วก็ตาม
“มองอะไร” มือเรียวยกขึ้นปิดของรักของตัวเองไว้อย่างหวงแหน เพราะชุดที่ติดตัวมามีแค่ชุดเดียว พอซักมันก็ไม่มีอะไรจะใส่นอกจากเสื้อผ้าตัวใหญ่ของเขานี่แหละ
“รอผมแป๊บนึงละกัน เดี๋ยวผมมา” เขาหายออกไปจากบ้านนานนับสิบนาทีก่อนจะกลับมาพร้อมกับผ้าผืนยาวสีขาว
“นายจะทำอะไร เอามาให้ฉันผูกคอตายรึไง”
“จะทำเองหรือว่าให้ผมทำล่ะ” ชายหนุ่มแกล้งแหย่เมื่อเห็นว่าปลายฟ้ายังนั่งมองผมตัวเองอยู่บนพื้นด้วยความอาลัย
“นายทำขนาดนี้แล้ว นายก็ฆ่าฉันเลยสิ”
“ได้ งั้นถอดเสื้อสิ เดี๋ยวผมทำให้“ พูดจบเขาจึงเดินเข้าไปทรุดกายเคียงข้างหญิงสาว ใช้มือเลิกชายเสื้อขึ้นเพื่อจะช่วยถอดให้อีกแรง
“นายทำบ้าอะไรเนี่ย”
“นี่ผ้า ผมไปขอจากน้านิด...เอ่อ ขอจากบ้านใหญ่มา ให้คุณรัดหน้าอกไว้คนเขาจะได้ไม่สงสัย”
“รัดหน้าอก ทำไมต้องรัดด้วย”
“ก็ผมอยากให้คุณปลอมตัวเป็นผู้ชายไง คนอื่นเขาจะได้ไม่สงสัย ทีนี้เข้าใจรึยัง จะให้ผมทำให้หรือจะทำเอง ผมทำได้นะถ้าคุณไม่ถือ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม ปรายตามองเนินเนื้อคู่งามอีกครั้ง
“ไม่ต้อง เดี๋ยวฉันทำเอง” ปลายฟ้ารีบคว้าผ้ามาแล้วเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ใช้มันพันรอบหน้าอกอยู่หลายครั้งเมื่อแน่ใจว่ามันแบนราบแล้วจึงสวมเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่ที่อคินหามาให้พร้อมกับกางเกงขายาว ด้วยรูปร่างที่ค่อนข้างสูงหากมองเผิน ๆ แทบไม่มองไม่ออกเลยสักนิดว่าเจ้าหล่อนเป็นผู้หญิง
“หล่อเหมือนกันนะเนี่ย” อคินคลี่ยิ้มมองภาพตรงหน้าอย่างพอใจ นำหมวกในมือไปสวมให้หญิงสาว ปัดแต่งทรงผมให้คนที่ยืนหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ครู่นึงแล้วจึงลากแขนให้หล่อนเดินตามออกจากบ้านไป
“นายจะพาฉันไปไหน”
“ก็เข้าทำงานในไร่ไง ก็คุณบอกเองนี่ว่าไม่อยากอยู่ที่นี่อ่ะ” ชายหนุ่มอธิบาย
“แต่ฉันยังไม่ได้บอกเลยนะว่าจะเข้าไปทำงาน”
“ก็ผมบอกอยู่นี่ไง”
“ถ้าอย่างนั้นฉันไม่ไป ฉันไม่อยากทำงาน นายดูสิแดดร้อนขนาดนี้ผิวฉันต้องไหม้แน่ ๆ ” ว่าแล้วจึงพยายามสะบัดมือออกทว่าอีกคนกลับไม่ยอมปล่อย
“อย่าดื้อได้ไหม”
“นายเป็นใครถึงกล้ามาสั่งฉัน ฉันบอกว่าฉันไม่ไปไง ปล่อย!”
“ถ้าไม่ไปทำงานก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วผมจะพาคุณไปหาเสี่ยอำนาจ เอาไหมล่ะ” อคินขู่เสียงเข้ม ปลายฟ้าได้แต่ขบกรามแน่น เมื่อไม่มีทางเลือกที่ดีไปกว่านี้หญิงสาวจึงต้องเดินตามเขาไปที่รถอย่างเลี่ยงไม่ได้
กระบะคู่ใจค่อย ๆ ถอยหลังออกมาจากบ้านหลังเล็ก ก่อนจะมุ่งหน้าสู่ไร่อำนาจเบื้องหน้า มีไร่องุ่น ไร่ชาทอดออกไปสุดลูกหูลูกตาสลับกับไร่สตรอเบอร์รี่และทุ่งดอกไม้สีสันต่าง ๆ ดูสวยงาม ทว่าหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ กลับไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ไปกับมันเลยสักนิดเพราะกำลังครุ่นคิดกับสิ่งที่ตัวเองจะต้องประสบพบเจอในอีกไม่หลังจากนี้
เอี๊ยด!
เสียงล้อรถบดกับพื้นดินจนฝุ่นตลบอบอวนไปทั่วเมื่ออคินขับมาถึงโรงอาหารของไร่ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพักเที่ยง คนงานในไร่จึงดูหนาตามากเป็นพิเศษ
“ลงมาสิ” ร่างสูงโปร่งเดินไปเปิดประตูรถแต่ปลายฟ้ากลับไม่ยอมลง หญิงสาวปรายตามองไปรอบกายด้วยสีหน้าที่เหมือนกำลังหวาดกลัว
สภาพแวดล้อมที่แปลกตากับผู้คนที่ไม่คุ้นหน้ามันทำให้เธอไม่ไว้ใจผู้ชายตรงหน้านี้เลยสักนิด
“ฉันไม่ลงไปหรอก”
“ลงมา...” เขาเอ่ยเสียงเข้มกว่าเดิมเล็กน้อยแต่คนที่นั่งอยู่ในรถกลับไม่สนใจจะทำตาม
“ก็บอกว่าไม่ไปไง”
“จะลงมาดี ๆ หรือจะให้อุ้มลงมา”
“ไม่!”
“งั้นผมพาคุณไปหาเสี่ยแทน”
“นายไม่ต้องมาขู่ฉันหรอก”
“คุณอคิน มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าคะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นท่ามกลางสงครามขนาดย่อมที่กำลังจะเกิดขึ้นภายในรถ ทำให้ทั้งสองรีบหันไปมองผู้มาใหม่ในทันทีก่อนจะพบกับร่างหญิงวัยสี่สิบปลาย ๆ ขยับแว่นตาหนาเตอะบนใบหน้าเดินเข้ามาอคินด้วยท่าทางนอบน้อม
“อ้าวป้าไพ ผมว่าจะพาคนงานคนใหม่ไปฝากงานอยู่พอดี”
“ห้ะ! นี่นาย...” คนที่ไม่ได้ตั้งหลักรีบสวนขึ้นแต่ก็โดนชายหนุ่มตวัดวงแขนคล้องคอแล้วลากลงมาจากรถเสียก่อนจนเกือบจะล้มหน้าคะมำลงบนพื้น
“นี่ไอ้ปลายครับ เป็นเพื่อนของเพื่อนผมมันเพิ่งกลับมาจากทำงานฝั่งพม่ากำลังตกงานอยู่พอดี”
“อ้อ ค่ะ ๆ ” รำไพคนงานในไร่แต่รุ่นบุกเบิกขยับแว่นตาเหลือบมองผู้ชายร่างเล็กที่อคินฝากไว้ให้อีกครั้ง
“ฝากป้าด้วยนะครับ ไอ้ปลายมันค่อนข้างอ่อนแอจะให้ไปทำงานรวมกับพวกผู้ชายก็คงจะไม่ไหว ส่วนเรื่องที่พักเดี๋ยวผมจัดการเอง”
“นี่นาย...” หญิงสาวนิ่งเงียบไปเมื่อเห็นสายตาของอคินที่กำลังบอกเป็นนัย ๆ ว่าเธอเป็นผู้ชายให้ปรับคำพูดเสียใหม่
“เอาไว้เจอกันตอนเลิกงาน โชคดีนะเว้ย!” เขาไม่ให้โอกาสเจ้าหล่อนได้อธิบายอะไรเลยสักนิด หลังจากตบไหล่หญิงสาวแล้วจึงหมุนตัวกลับขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างอารมณ์ดี
“ใครเหรอป้า” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นพร้อมกับร่างบางระหงอยูในชุดเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่โคร่งกำลังสวมถุงมือเตรียมเข้าไปในไร่หลังจากหมดเวลาพักเที่ยง
“คนงานใหม่น่ะ ชื่อปลาย คุณอคินเขาพามา” รำไพหันไปแนะนำผู้มาใหม่ให้อีกคน
“หล่อซะด้วย เราชื่อเรไรนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” หญิงสาวคลี่ยิ้มพร้อมกับยื่นมาทักทายอีกคนอย่างเป็นมิตร ปลายฟ้าได้แต่ยิ้มเจื่อน ๆ แล้วเลื่อนไปจับมือของเรไร ถึงจะไม่เต็มใจก็ตาม
“ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ”
“ได้สิ จะฝากหัวใจไว้ด้วยก็ได้ เราเองก็ยังไม่มีใคร” สาวเจ้าเขินอายจนตัวเป็นเกลียวมองไม่ออกเลยสักนิดว่าปลายฟ้าเป็นผู้หญิง
“นี่แน่ะนังตัวดี เผลอเป็นไม่ได้เห็นพนักงานผู้ชายเมื่อไหร่จ้องจะจับกินตลอด” ผู้เป็นป้าตีเข้าที่ต้นแขนฉาดใหญ่เมื่อเห็นเรไรทำท่าระริกระรี้
“ป้าอ่ะ ตีซะแรงหนูเจ็บนะ”
“ไป ๆ ไปทำงานได้แล้ว อ่ะนี่ถุงมือ” รำไพเปลี่ยนเรื่องด้วยการควานหาถุงมือแบบผ้าในกระเป๋าส่งให้ปลายฟ้า หญิงสาวรับมาสวมไว้อย่างนึกรังเกียจ เมื่อลองดมดูก็พบว่ามันมีกลิ่นเหม็นอับจนน่าขนลุก
“มีอันใหม่...”
“ว่าแต่ปลายมากับคุณคินได้ไงเหรอ” ไม่ทันจะได้เอ่ยปาก เรไรก็พูดสวนขึ้นมาเสียก่อน
“เอ่อ...” ปลายฟ้าพยายามไหลลื่นไปตามเรื่องราวที่อคินเป็นคนก่อไว้เพื่อที่ทุกคนจะได้ไม่สงสัย "เราเป็นเพื่อนของเพื่อนคุณคินเขาน่ะ บังเอิญเจอเขาในเมือง เขาเลยชวนมาทำงานที่นี่"
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง”
หญิงสาวถอนหายใจเมื่อเรไรไม่ได้นึกสงสัยหรือเอ่ยถามอะไรต่อ พยายามกวาดสายตามองไปรอบไร่องุ่นที่ล้อมรอบกายเพื่อหาเจ้าของร่างสูงที่เป็นคนลากเธอให้มาทำงาน แต่หายังไงก็หาไม่เจอ
ไหนบอกทำงานในไร่ไงแล้วแอบไปหลบอยู่ที่ไหนกันล่ะ
“มองหาอะไรเหรอปลาย ถามเราได้นะ เราอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็ก เรารู้ทุกเรื่องเลย” เสียงใสช่างเจรจาหันหน้ามาคุยด้วยพลางส่งกรรไกรที่ใช้ตัดพวงองุ่นส่งให้หญิงสาว
“หาอคินน่ะ เห็นบอกว่าทำงานในไร่นี่ด้วยไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ แต่เข้ามาเฉพาะตอนเช้าแล้วก็ตอนมีประชุมคนงานเท่านั้น ตอนบ่ายส่วนมากคุณคินจะเข้าไปทำงานในออฟฟิศน่ะ”
“ทำงานในออฟฟิศ เป็น รภป.เหรอ” ปลายฟ้าเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วเขาจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้แน่นอกจากพนักงานรักษาความปลอดภัย
“ไม่ใช่หรอก ที่นี่น่ะนอกจากจะเป็นไร่องุ่น ไร่ชา ไร่สตรอเบอร์รี่แล้ว อีกฟากหนึ่งจะเป็นรีสอร์ทด้วย คุณคินเขารับผิดชอบเรื่องที่พักก็เลยต้องปลีกตัวไป”
“อย่างตานั่นนี่อ่านะ หน้ายังกับโจรลูกค้าเห็นแล้วไม่พากันกลัวหรอกเหรอ”
“ไปว่าคุณคินแบบนั้นได้ไง ถ้าเกิดใครได้ยินปลายจะเดือดร้อนนะ” มือเรียวรีบเลื่อนมาปิดปากของปลายฟ้าเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว มองซ้ายมองขวาด้วยความหวาดระแวง
“ทำไมจะว่าไม่ได้ คนงานเหมือนกันต้องกลัวอะไร”
“คนงานที่ไหนกัน นั่นมันคุณอคิน อัครพิพัฒน์ ลูกชายคนเดียวของเสี่ยอำนาจเจ้าของไร่นี้เลยนะ”