ตอนที่ 5 หวั่นไหว (1)

2724 Words
ผัวะ ! ฝ่าเท้าเล็ก ๆ ปะทะเข้ากับอกกว้างของชายหนุ่มอย่างแรงทันทีที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนค่ำแล้วพบว่าเขากำลังเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้ “ตื่นมาก็อาละวาดเลยนะคุณ” อคินบ่นอุ่บอิบ มือหนายกขึ้นลูบหน้าอกตัวเองเพื่อหวังบรรเทาอาการปวด “ทำไมนายไม่ฆ่าฉันให้ตาย ๆ ไปซะ นายจะปล่อยฉันไว้ทำไมอีก ฮือ ๆ ฉันไม่เหลืออะไรให้นายแล้ว ไอ้คนสารเลว...” “นี่คุณ ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลย” ชายหนุ่มรีบแก้ตัวเมื่อสาวเจ้าตื่นขึ้นมาแล้วตีโพยตีพายเสียยกใหญ่ “ไม่ได้ทำได้ยังไง นี่นายคงจะเรียกพวกคนงานมาย่ำยีฉันจนหนำใจแล้วล่ะสิ” “ไปกันใหญ่แล้ว ผมแค่แกล้งคุณเล่นเท่านั้น ไม่ได้ทำจริง ๆ เสียหน่อย ลองตรวจดูเนื้อตัวคุณก่อนสิว่ามีส่วนไหนหักไปบ้างแล้วค่อยมาโวยวาย” ปลายฟ้าก้มหน้าตรวจดูตามร่างกายของตัวเองทันทีที่เขาพูดจบ เมื่อไม่เห็นว่ามีร่องรอยการถูกทำร้ายนอกจากรอยเชือกบาดตรงข้อมือหญิงสาวจึงแอบถอนหายใจออกมาแผ่วเบา แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่หายโกรธอีกคนอยู่ดี “แต่ฉันจำได้ว่าก่อนฉันหมดสติไปนาย...” ริมฝีปากบางต้องหยุดชะงักแต่เพียงเท่านั้นเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้ามันน่าอายเสียจนไม่กล้าพูดออกมา “คุณหลอนไปเองหรือเปล่า ถ้าผมจะทำอะไรคุณจริง ๆ ผมทำตั้งแต่วันแรกที่เจอคุณแล้ว ไม่ปล่อยให้คุณรอดมาได้จนถึงวันนี้หรอก” “ใครจะไปรู้ บางทีนายอาจจะหลอกให้ฉันตายใจแล้วพาฉันไปส่งให้พ่อนายทีหลังก็ได้” คำพูดของปลายฟ้าทำให้อคินต้องหยุดชะงักลง เขาขบกรามแน่นพยายามเก็บอารมณ์ที่กำลังคุกกรุ่นเอาไว้ภายในให้ได้มากที่สุด “ถึงเขาจะเป็นพ่อ แต่ผมก็ไม่ได้เหมือนเขา เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงไม่ปลีกวิเวกมาอาศัยอยู่กลางป่าคนเดียวแบบนี้หรอก” “ก็...ฉันไม่รู้นี่” หญิงสาวถึงกับจนด้วยคำพูด เหมือนว่าเพิ่งจะรู้ตัวว่ากำลังสะกิดไปโดนแผลใจของเขาเข้าอย่างจัง “ผมเล่าให้ฟังได้นะ คุณจะได้เลิกมองผมในแง่ร้ายสักที” ครั้งนี้ดูเหมือนอคินจะใจเย็นลงกว่าเดิมมาก เขาหมุนตัวเดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์ที่ทำจากไม้เล็ก ๆ เพื่อเตรียมเครื่องดื่มร้อน ๆ ส่งให้อีกคน “ไม่ต้องเล่าหรอก ใครเขาอยากฟังเรื่องราวชีวิตของนายกัน แล้วอีกอย่างฉันเองก็ไม่ได้อยากอยู่ที่นี่นานนักหรอก” “ผมรู้ ถ้าคุณยังติดต่อแม่คุณไม่ได้ เอาไว้ผมจะพาคุณไปตามหาแม่ที่กรุงเทพละกัน” ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ เขาเดินกลับมาทรุดกายนั่งลงเคียงข้างหญิงสาว หยิบรูปถ่ายใบเก่าจากลิ้นชักส่งให้ปลายฟ้าดู “ผมเองก็คิดถึงแม่เหมือนกัน” “นี่แม่นายเหรอ” คนตัวเล็กกว่าจ้องมองรูปถ่ายในมือซึ่งเป็นภาพขาวดำ มีรอยเปื้อนจนแทบมองไม่ออกด้วยความสงสัย “อืม แม่ผมหนีไปตั้งแต่ผมอายุสิบห้า ผ่านมายี่สิบปีผมยังไม่รู้เลยว่าแม่ผมไปอยู่ที่ไหน สบายดีหรือเปล่า” “เอ่อ...ถ้าจะให้ฉันเดาสาเหตุที่แม่นายหนีไปเพราะความบ้ากาม...เอ่อ...ความเจ้าชู้ของพ่อนายแน่ๆ” “ก็คงอย่างนั้นแหละ พ่อหิ้วผู้หญิงเข้าบ้านแทบจะไม่ซ้ำหน้า นานวันเข้าแม่ผมเลยหอบหิ้วความเจ็บปวดหนีไปกับคนงานในไร่นี่แหละ” นัยน์ตาคมกริบวูบไหวเหมือนจะมีน้ำตาไหลรื้นออกมา ปลายฟ้าทำใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ เอื้อมมือไปตบไหล่กว้างของเขาแผ่วเบา “นายยังโชคดีนะที่ได้เห็นหน้าพ่อหน้าแม่ ดูฉันสิ หน้าพ่อก็ยังไม่เคยเห็นแถมต้องมาพลัดพรากจากแม่มาอีก มันคงเป็นเวรกรรมที่ฉันเคยทำไว้ยัยแป้งแน่ ๆ ” “แป้ง...ใครเหรอ” “ลูกติดพ่อเลี้ยงฉันอ่ะ ฉันไม่ชอบหน้ามันก็เลยทะเลาะกันบ่อย ๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้ยัยนั่นจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” หญิงสาวหัวเราะออกมาแผ่วเบาเมื่อนึกถึงชะตากรรมอันน่าสมเพชของตัวเอง แต่ก็อดคิดถึงปรานปราลินไม่ได้เพราะตอนนี้โดนจับตัวมาเธอจำได้ว่าน้องสาวนอกไส้แอบหนีไปเสียก่อน “ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ฉันคงไม่ถูกจับมาแบบนี้หรอก” “อะไรกันคุณ เห็นสีหน้าเมื่อกี้ผมคิดว่าคุณจะปลงได้แล้วเสียอีก” “ก็มันจริงไหมล่ะ พ่อนายอยากได้ตัวมันแท้ ๆ แต่ฉันดันมาซวยแทน คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ ขนาดแก่จะลงโลงอยู่แล้วยังบ้ากาม ตัณหากลับ นี่นายรู้ไหมตอนที่ฉันมาที่นี่ใหม่ ๆ นะ บรรดาเมียพ่อนายจ้องฉันเหมือนจะฆ่าให้ตายเสียเดี๋ยวนั้น ทำยังกับฉันอยากจะใช้ผัวร่วมด้วยเสียใจจะขาด แหวะ! ให้ฉันผูกคอตายซะยังดีกว่า” ปลายฟ้าร่ายยาวเพราะความอดกลั้นที่ถูกสะกดเอาไว้มานานมันทำให้ต้องระเบิดออกมา “เอ่อ...ตาแก่คุณว่าน่ะ พ่อผมนะ” “หรือว่านายดีใจล่ะที่มีพ่อแบบนี้ สู้ไม่มีซะยังดีกว่า” “ใช่ ผมเองก็คิดเหมือนคุณ แต่สายเลือดยังไงมันก็ตัดกันไม่ขาดหรอก ผมก็เลยหนีจากความวุ่นวายในบ้านใหญ่มาอยู่เป็นเงาะป่าแบบนี้ไง สบายใจดี ไม่ต้องทนฟังเสียงแหลม ๆ บ่นจู้จี้ จนกระทั่งมีคุณเข้ามานี่แหละ” มือหนายกขึ้นหยิกแก้มเนียนใสนั้นอย่างนึกหมั่นเขี้ยวจนอีกคนเริ่มฉุนขึ้นมาอีกครั้ง “ทำไม ฉันบ่นแล้วมันทำไม ถ้านายรำคาญก็พาฉันไปหาแม่ได้แล้ว ฉันเองก็ไม่อยากอยู่นักหรอก ดูสิ ฉันเคยสวย เคยหน้าตาดี กลับถูกนายจับแปลงโฉมจนกลายมาเป็นไอ้ปลาย เป็นคนงานเก็บองุ่น วัน ๆ ทำแต่งาน ตากแดดจนมันเผา...” “ถ้าคุณพูดอีกคำเดียว ผมจะเปลี่ยนใจพาคุณไปหาพ่อผมเดี๋ยวนี้แหละ” อคิน ตัดบททั้งที่อีกคนยังพูดไม่จบ ปลายฟ้าจึงได้ปิกปากเงียบ กลืนถ้อยคำที่อยากจะพรั่งพรูเข้าไปจนหมด “...” “ดีมาก งั้นต่อจากนี้ไปคุณคือไอ้ปลาย คนงานในไร่ของผมไม่ต้องกลัวว่าผมจะให้ทำฟรี ๆ ผมมีค่าเหนื่อยให้ แล้วถ้าคุณยังติดต่อแม่คุณไม่ได้ผมจะพาคุณไปกรุงเทพเอง” “อืม” หญิงสาวได้พยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนจะหยิบแก้วขึ้นมาจิบเครื่องดื่มร้อน ๆ ที่เขาเตรียมมาให้ พยายามปลงกับชีวิตอยู่ครู่ใหญ่เมื่อหันไปเห็นชายหนุ่มกำลังถอดเสื้อเพื่อจะอาบน้ำอาบท่าหญิงสาวจึงรีบคว้าผ้าเช็ดตัววิ่งตัดหน้าเขาเข้าไปเสียก่อน เหนื่อยมาทั้งวันจนลืมอาบน้ำไปเสียสนิท “ขอฉันอาบก่อนนะ” อคินได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กไป เผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว จากนี้ไปเขาเองก็ได้แต่หวังว่าปลายฟ้าจะเข้ามาทำให้ชีวิตที่แสนน่าเบื่อของเขามีสีสันขึ้นมาได้บ้างในขณะเดียวกันเขาเองก็จะต้องปิดบังตัวตนของหญิงสาวไม่ให้ใครรู้ด้วยโดยเฉพาะเสี่ยอำนาจผู้เป็นพ่อ สายลมอ่อน ๆ ในตอนเช้าพัดเข้ามาปะทะกับผมสีชาของร่างสูงที่กำลังเปิดประตูด้านหลังออกไปเพื่อสูดอากาศในยามเช้า ริมฝีปากบางซีดเซียวเพราะร่างกายไม่ค่อยจะสู้ดีจิบเกลือแร่ในมือเพื่อหวังบรรเทาอาการคลื่นไส้จากอาหารเป็นพิษตั้งแต่เมื่อคืนจนกระทั่งประตูห้องฝั่งตรงข้ามถูกเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กซึ่งอยู่ในชุดนักศึกษาหอบหิ้วสัมภาระมากมายติดมือมาด้วย “จะไปเรียนแล้วเหรอ” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่าว่าพักหลังมานี้ปรานปราลินดูเหมือนจะหลบหน้าหลบตาเขา ไม่ค่อยจะเข้ามาคุยด้วยเหมือนเมื่อก่อน “ค่ะ” ปรานปราลินตอบเสียงแผ่วเบาแต่ไม่ได้หันกลับไปมองคู่สนทนาเพราะภาพจำในคืนนั้นมันยังชัดเจนจนเธอไม่กล้าจะมองหน้าเขา เพราะเขามันตัวทำลายล้างยิ่งกว่าระเบิดปรมณูเสียอีก เพล้ง! เสียงบางอย่างตกลงบนพื้นแตกกระจัดกระจายไปทั่วห้อง ทำให้คนที่กำลังเปิดประตูห้องหันกลับไปมองยังต้นเสียงทันทีก่อนจะพบกับร่างสูงโปร่งของชาวีนอนฟุบอยู่บนพื้นเย็นเฉียบ เขาไม่ได้หมดสติไปเพียงแต่ตัวเขางองุ้มคล้ายกับกำลังอาเจียน “คุณ เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ปรานปราลินถลาไปหิ้วปีกชายหนุ่มขึ้นมานั่งบนโซฟา แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อบนเนื้อตัวเขามีผื่นแดงขึ้นเป็นจ้ำ ๆ ดูน่ากลัว “คุณเป็นอะไรคะเนี่ย ทำไมเนื้อตัวคุณ...” “ฉันน่าจะแพ้อาหารน่ะ” เขาตอบเสียงราบเรียบ ไม่ได้เป็นเดือดเป็นร้อนกับอาการป่วยไข้ของตัวเองเลยสักนิด “ทำไมไม่ไปโรงพยาบาลคะ ปล่อยไว้แบบนี้ได้ยังไง” “กินยาไปแล้วเดี๋ยวก็หาย” “ไม่ได้นะคะ คุณต้องโรงพยาบาล หมอจะได้ตรวจดูให้ละเอียด” หญิงสาวว่าในขณะที่มือบางจะสาละวนอยู่ที่ชายเสื้อเชิ้ตของเขาเพื่อจะเลิกมันขึ้นดูผื่นแดง ๆ ที่โผล่ขึ้นมาทั่วหน้าท้องแบนราบไล่ไปจนถึงหน้าอกกว้าง “เดี๋ยวนี้บ่นเก่งจังเลยนะ” “ก็หนูเป็นห่วงคุณนี่คะ ดูสิผื่นขึ้นเต็มเลย...” จู่ ๆ คำพูดของตัวเองก็หายไปเสียดื้อ ๆ เมื่อละสายตาจากกล้ามหน้าท้องนั่นแล้วเงยหน้าขึ้นมาพบว่าชาวีกำลังนั่งมองเธออยู่เช่นกัน มือไม้ที่กำลังจะปลดกระดุมออกเพื่อจะทายาให้จึงรีบชักหนีทันที เหมือนเพิ่งจะรู้ตัวว่าเธอไม่ควรล้ำเส้นเขา “ขอโทษค่ะ หนูไม่ได้ตั้งใจ แค่อยากช่วยคุณ” “ก็ยังไม่ได้ว่าอะไรนี่” ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มตรงมุมปาก นึกเอ็นดูในความขี้เกรงใจไปเสียทุกเรื่องของปรานปราลินโดยไม่รู้ตัวเลยว่ามือของตัวเองกำลังจับแขนของอีกคนไว้ “ถ้าคุณไม่อยากไปโรงพยาบาลก็ต้องหาอะไรทานนะคะ จะได้กินยา” “ฉันจัดการเรียบร้อยแล้วล่ะ” “ถ้าอย่างนั้นก็พักผ่อนเถอะค่ะ หนูต้องไปเรียนแล้วด้วย” ปรานปราลินหลุบตาตอบ เมื่อเขาเอาแต่จ้องหน้าเธอนิ่งเหมือนกำลังจะมองหาอะไรสักอย่าง ต่อให้ไม่ได้คิดอะไรแต่ความใกล้ชิดแบบนี้มันก็ทำให้หัวใจดวงน้อยพองโตได้เหมือนกัน “ไม่กลัวฉันแล้วเหรอ ถึงกล้าเข้ามาหาฉันแบบนี้ได้” “คุณไม่ได้น่ากลัวนี่คะ ทำไมหนูต้องกลัวคุณด้วย” ว่าพลางแกะมือของเขาออกจนเป็นอิสระ แล้วจึงยืนขึ้นจัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผมให้เข้าที่เข้าทาง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หนูขอตัวไปเรียนก่อนนะคะ” ให้ตายเถอะ เขาจะรู้ไหมหนอว่าเขากำลังทำให้เธอหวั่นไหว ไม่ได้นะแป้ง คุณวีเขาไม่ชอบผู้หญิง แล้วอีกอย่างเขาก็มีแฟนแล้วด้วย เลิกมโนได้แล้ว หญิงสาวพร่ำบอกตัวเองในใจก่อนจะรีบถลาเดินออกไปยังประตูเพื่อหลบซ่อนใบหน้าหวานที่กำลังเห่อแดงขึ้นมา “ไก่ย่างถูกเผา ไก่ย่างถูกเผา มันจะถูกไม้เสียบ มันจะถูกไม้เสียบ เสียบ...” บรรยากาศรับน้องเป็นไปอย่างครื้นเครงและสนุกสนาน หลังจากที่เข้ามาใช้ชีวิตอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยในสัปดาห์แรก ปรานปราลินขยับกายเต้นไปตามจังหวะของเพลงด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขท่ามกลางเสียงปรบมือและสายตานับสิบคู่ซึ่งกำลังนั่งอยู่ในแถวจ้องมองมาที่เธอกันเป็นตาเดียว เพราะบทลงโทษสำหรับคนมาสายคือการเต้นไก่ย่างโชว์ให้เพื่อน ๆ ดู “ทำไมมาสายนักล่ะ ไม่รู้เหรอว่ารุ่นพี่เขานัดตอนเก้าโมง” เมลดา เพื่อนสนิทที่เพิ่งรู้จักกันเป็นคนแรกกระซิบถามหลังจากที่หญิงสาวเต้นเสร็จแล้วเข้ามานั่งประจำตำแหน่ง “พอดีตื่นสายอ่ะ” ปรานปราลินตอบไปตามตรงเพราะมัวแต่เป็นห่วงคนป่วยที่ห้องเลยพาลทำให้มาสายไปเสียนี่ “ว่าแต่ทำไมรุ่นพี่ต้องเรียกรวมแต่เช้าด้วยเนี่ย” “ก็กิจกรรมสานสัมพันธ์ทั่วไปนั่นแหละ” อีกคนตอบแบบไม่สบอารมณ์พลางก้มลงจดอะไรบางอย่างในมือต่อ ก่อนที่สายตาจะเหลือบไปเห็นร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษากำลังหันมามองที่เพื่อนสาวตาแทบไม่กระพริบ “พี่วินจ้องแกใหญ่เลยอ่ะ” “หืม” ปรานปราลินมองตามสายตาของเมลดาไปแล้วพบว่าธาวิน รุ่นพี่ปีสองกำลังนั่งมองเธออยู่จริง ๆ “พี่เขาต้องชอบแกแน่เลย” “จะบ้ารึไง ฉันไม่ได้คิดอะไรเสียหน่อย” ปรานปราลินกระซิบตอบ หญิงสาวหันมาสนใจกับกิจกรรมตรงหน้าต่อ นึกเป็นห่วงคนที่กำลังนอนซมอยู่ในห้องขึ้นมาจับจิต ไม่รู้ว่าชาวีไปกินอะไรผิดสำแดงมาตั้งแต่เมื่อวาน พอตกดึกก็อาเจียนเป็นว่าเล่นแถมเนื้อตัวก็ยังมีผื่นขึ้นเต็มอีกต่างหาก ต่อให้พยายามโน้มน้าวแค่ไหนชายหนุ่มก็ไม่ยอมไปโรงพยาบาลอยู่ดี “ตอนบ่ายไม่มีเรียน เราไปหาอะไรกินที่ห้างตรงข้ามนี่ดีไหม” เมลดาเสนอขึ้นหลังจากที่เสร็จกิจกรรมรับน้องในตอนเช้าแล้วเข้าเรียนในคาบแรกก่อนจะถึงเวลาพักเที่ยง “ฉันไปไม่ได้หรอก ฉันต้องรีบกลับไปดูคุณ...เอ่อ ไปดูพี่ พอดีพี่ฉันไม่สบายน่ะ” ปรานปราลินหลุบตาตอบ การโป้ปดว่าชาวีเป็นพี่ชายคงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพราะคงไม่มีใครคิดในแง่ดีแน่ถ้ารู้ว่าผู้หญิงกับผู้ชายจะมาอาศัยอยู่ในห้องเดียวกัน “เออ จริงสิ ตั้งแต่เรารู้จักกันมาเรายังไม่เคยไปบ้านเธอเลย งั้นเดี๋ยวเราแวะซื้ออะไรไปฝากพี่เธอสักหน่อยก็แล้วกัน” “ไม่ต้องลำบากหรอก พี่เราไม่ค่อยสบายน่ะ กินอะไรไม่ค่อยได้ ซื้อไปก็เสียของเปล่า ๆ ” หญิงสาวรีบคัดค้าน ทราบดีว่าชาวีไม่ชอบให้คนแปลกหน้าเข้าไปที่ห้อง เมลดาจึงไม่ได้เซ้าซี้หรือถามอะไรต่อ “อืม ค่อยไปวันหลังก็ได้” “งั้นเรากลับก่อนนะ” ปรานปราลินรีบชิ่งหนีด้วยการวข้ามถนนไปรอรถเมล์อีกฟากเพื่อจะเดินทางกลับไปที่คอนโดทันที “แป้งจะกลับแล้วเหรอ” ร่างสูงโปร่งอีกคนวิ่งตามหลังมาพร้อมกับรอยยิ้มที่หญิงสาวจำมันได้ขึ้นใจ “พี่วิน...” เจ้าของใบหน้าหวานดูตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นธาวิน หนุ่มรุ่นพี่คณะเดียวกันเดินขึ้นรถเมล์คันเดียวกันแล้วยังเสนอตัวช่วยหิ้วกระเป๋าให้อีกด้วย “เดี๋ยวพี่ไปส่ง” “มะ...ไม่เป็นไรหรอกค่ะ บ้านแป้งอยู่ใกล้แค่นี้เอง” หญิงสาวรีบปฏิเสธ เธอรู้ดีว่าที่ธาวินเข้าหาเธอนั้นเขามีเหตุผลอะไร “ว้า...ก็ขึ้นรถมาแล้วอ่ะ ทำไงดี” ชายหนุ่มยิ้มตอบหน้าตาเฉย พลางผายมือไปยังที่ว่างริมหน้าต่างส่วนตัวเองยืนโหนราวอยู่ใกล้ ๆ จ้องมองใบหน้าหวานตาแทบไม่กระพริบ ตั้งแต่เปิดเรียนมาในเทอมใหม่ ก็ดูเหมือนว่าเขาจะขยันมาเรียนเป็นพิเศษเพราะมีรุ่นน้องที่น่ารักอย่างปรานปราลิน หลังจากที่แอบมองมาหลายวัน วันนี้แหละเป็นที่เขาตัดสินใจดับเครื่องชน เดินหน้าจีบหญิงสาวอย่างเต็มกำลัง
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD