“แป้ง” ชาวีรีบผละออกจากอ้อมกอดของพัสกรทันทีที่เห็นปรานปราลินก้าวออกมาจากห้องซึ่งนั่นทำให้พัสกรฉุนจัดขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่ได้ตั้งใจงั้นก็เก็บเสื้อผ้าย้ายออกไปสิ”
“พอได้แล้วน่ะกร” เจ้าของห้องรีบปราม เขาไม่อยากให้หญิงสาวเข้าใจผิด ปรานปราลินเจอเรื่องราวร้าย ๆ มามากพออยู่แล้ว ถ้าเกิดเขาปล่อยให้เธอออกไปเผชิญโลกกว้างแต่เพียงลำพังอีกก็คงจะดูใจร้ายเกินไป
“นี่วีเข้าข้างมันเหรอ วีเห็นมันดีกว่าเราตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่ที่กรเริ่มเป็นคนไม่มีเหตุผลไง ถ้าขืนยังเป็นอยู่แบบนี้เราไม่ต้องมาเจอกันเลยจะดีกว่า” ชายหนุ่มตวาดกร้าว ความอดทนเขาเองก็ขาดสะบั้นลงไม่ต่างจากอีกคน ตลอดเวลาที่ผ่านมาพัสกรยอมอยู่ในที่ของตัวเองไม่เคยก้าวล้ำมายุ่งเรื่องส่วนตัวของเขาเลยจนกระทั่งมีปรานปราลินเข้ามา
“วี...”
“พอเถอะค่ะคุณวี หนูเข้าใจ...ถ้าเกิดหนูเป็นคุณกร หนูก็คงไม่อยากให้คุณไปเข้าใกล้ผู้หญิงคนอื่นเหมือนกัน” คนตัวเล็กเห็นท่าไม่ดีจึงเข้ามาขวางเอาไว้ เมื่อเห็นว่าพัสกรยังมีสีหน้าไม่พอใจ หญิงสาวจึงพยายามอธิบายให้เขาฟังอีกครั้ง “หนูไม่ได้ตั้งใจจะแย่งคุณวีไปจากคุณเลยนะคะ สำหรับหนูคุณวีเขาเป็นเหมือนพ่อ เหมือนแม่ พี่ชายแล้วก็พี่สาว เขาเป็นทุกอย่างที่หนูไม่เคยมีในชีวิต หนูไม่เคยคิดเกินไปกว่านั้นเลยจริง ๆ หนูรู้ว่าเขาไม่ได้ชอบผู้หญิง แล้วของแบบนี้มันก็เปลี่ยนกันไม่ได้ด้วยนะคะ”
“พอได้แล้วแป้ง อธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
“ไม่ได้ค่ะ ถ้าเกิดยังเป็นอยู่แบบนี้หนูเองก็ไม่สบายใจ” ปรานปราลินยืนกราน แต่เมื่อได้ยินประโยคถัดมาจากปากของพัสกร ใบหน้าหวานก็ดูจะเจื่อนลงในทันที
“ถ้าไม่อยากให้เราสองคนทะเลาะกันก็ย้ายออกไปได้แล้ว มีเธออยู่ห้องเดียวกับวีเขาแบบนี้ ฉันเองก็ไม่สบายใจเหมือนกัน....”
“เราบอกแล้วไงว่าถ้ากรยังไม่มีเหตุผลอยู่แบบนี้เราก็ไม่ต้องมาคุยกันอีก” ชาวีสวนกลับทันควันทั้งที่อีกฝ่ายยังพูดไม่จบ
“วี...”
“ออกไปได้แล้ว”
“ไม่นะวี เราไม่ไปไหนทั้งนั้น คนที่ต้องไปคือยัยนี่ต่างหาก” นิ้วเรียวจรดไปทางคนตัวเล็กที่ได้แต่ยืนนิ่งไม่กล้าปริปากพูดอะไร
“เราบอกให้ออกไปไง”
“คุณกรไม่ต้องไปหรอกค่ะ เดี๋ยวแป้งไปเอง” ท้ายที่สุดปรานปราลินก็ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยคำนั้นออกมา ถึงแม้เธอจะไม่ได้คิดอะไรกับชาวีแต่ในเมื่อการมีอยู่ของเธอมันทำให้เขาต้องเดือดร้อนเธอก็คงจะไม่รบกวนเขาอีกต่อไป
หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้ชายหนุ่มตรงหน้า ผู้ให้ที่พักพิงและอาหารรวมถึงเสื้อผ้าชุดนักศึกษาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาแล้วจึงหมุนตัวกลับเข้าไปในห้องของตัวเองเพื่อจะเก็บเสื้อผ้าออกไปจากที่นี่ตามความต้องการของพัสกร
“ฉันยังไม่อนุญาตให้เธอไปไหนนะแป้ง” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะเข้ามาคว้าข้อมือเล็กของหญิงสาวเอาไว้
“นี่มันอะไรกันวี อย่าบอกนะว่าที่วีหงุดหงิดกับเราเพราะว่าวีชอบมัน” พัสกรขบกรามแน่น นัยน์ตารูปพระจันทร์เสี้ยวเหมือนจะมีหยาดน้ำไหลรื้นออกมา
ชาวีไม่ได้ตอบคำถามนั้นแต่กลับหันไปกระซิบบางอย่างกับปรานปราลินแทน
“แป้งเข้าไปนอนได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้าไม่ใช่เหรอ”
“แต่ว่า...” หญิงสาวยังอ้ำอึ้ง ปรายตาไปมองพัสกรอีกครั้งด้วยความไม่สบายใจ ชายหนุ่มจึงต้องเน้นย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“ฉันบอกว่าให้ไปนอนไง”
“ก็ได้ค่ะ” ปรานปราลินก้มหน้ารับอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขามีพระคุณกับเธอมาก...มากเสียจนเธอไม่กล้าจะขัดใจ
เมื่อหญิงสาวเข้าห้องไปแล้ว ชาวีจึงหันกลับไปอธิบายให้คนตรงหน้าฟัง ในครั้งนี้เขาดูใจเย็นลงกว่าเดิมจึงทำให้พัสกรยอมเปิดใจรับฟัง
“กรฟังเรานะ ตอนนี้เรายังไม่พร้อมจะมีใครเหมือนที่เราเคยบอกกับกรนั่นแหละ” เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าประตูห้องของปรานปราลินปิดสนิทไม่มีคนแอบฟัง เขาจึงเริ่มอธิบายต่อ “ส่วนเรื่องแป้งเราแค่อยากทำความดีด้วยการให้ชีวิตใหม่กับใครสักคนเพื่อความดีของเราจะได้ลบล้างสิ่งที่เราเคยทำไว้ในอดีตบ้างก็เท่านั้น”
“นี่หมายความว่าวียังไม่เปิดใจให้เราอีกเหรอ”
“ถ้าจะให้เราพูดตรง ๆ เรายังทำใจลืมเขาไม่ลงน่ะ ถ้าจะให้ใครสักคนเข้ามาในชีวิต เราอยากจะให้แน่ใจว่าเรารักเขาจริง ๆ ไม่ใช่มีใครเพื่อลืมอีกคน” ชาวีหลุบตาตอบ ซึ่งพัสกรเองก็พอจะเข้าใจว่าเขาที่ชาวีหมายถึงนั้นคือศิวา
ต่อให้เวลาผ่านมาหกปี พี่ชายต่างสายเลือดที่เขาแอบรักจะกลายมาเป็นพ่อลูกสองแล้วก็ตาม แต่ความรู้สึกนั้นมันก็ดูเหมือนจะไม่จางหายไปเลยสักนิด
“ก็ได้...เราเชื่อใจวี แล้วเราก็ยังรอวีเปิดใจเสมอนะ”
“ขอบใจ...ที่เข้าใจเรา”
“อืม เราใจร้อนเกินไป ขอโทษด้วยละกัน เรารักวีมากจริง ๆ ” พัสกรเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก่อนจะตวัดอ้อมแขนโอบกอดอีกคน วางใบหน้าลงบนไหล่กว้างด้วยความรู้สึกผิด เมื่อเห็นว่าชาวีไม่ได้ว่าอะไรเขาจึงค่อย ๆ เชยคางมนของชายหนุ่มขึ้นแล้วจุมพิตลงบนนั้นแผ่วเบา จนเจ้าของห้องถึงกับตาลุกวาว
“กร!”
“เราก็แค่อยากจะให้แน่ใจน่ะ ว่าวีไม่ได้รังเกียจเรา” ชายหนุ่มชะงักไปชั่วครู่เพราะชาวีใช้นิ้วมือปาดเช็ดริมฝีปากตัวเองออกเบา ๆ
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ เราไม่ชอบ”
“ได้สิ วีไม่ชอบเราก็จะไม่ทำ แต่วันนี้ขออีกสักนิดเถอะนะ” พูดจบจึงโน้มกายไปด้านหน้า รั้งต้นคอของอีกคนไว้แล้วหอมแก้มของชาวีทั้งซ้ายและขวาอีกฟอดใหญ่
“กร! บอกแล้วไงว่าเราไม่ชอบ”
“อันนี้เราแสดงความเป็นเจ้าของ ห้ามให้ใครมาซ้ำรอยเราล่ะ” พัสกรคลี่ยิ้มราวกับผู้ชนะ โชคไม่ดีเอาเสียเลยที่ภาพเมื่อครู่นี้ปรานปราลินไม่ได้เห็น เมื่อได้ในสิ่งที่ตัวเองต้องการแล้วชายหนุ่มจึงรีบขอตัวกลับไปขืนอยู่ต่อคงจะได้เห็นอีกคนฉุนจัดขึ้นมาอีกครั้งแน่
ชาวีถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่หลังจากที่พัสกรกลับไปแล้วเขาจึงตัดสินใจหันไปที่ประตูห้องของปรานปราลินเพราะไฟที่ลอดออกมาผ่านช่องประตูนั้นมันทำให้เขาแน่ใจแล้วว่าหญิงสาวยังไม่หลับ
เขาใช้เวลาเคาะประตูอยู่ครู่หนึ่งเมื่อไม่มีวี่แววว่าคนด้านในจะออกมา เขาจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไปเสียเอง สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือปรานปราลินกำลังเก็บข้าวของยัดใส่ในกระเป๋าเป้คู่ใจใบเก่าของตัวเองโดยที่ไม่หันมาสนใจเขาเลยสักนิด
“ทำอะไร”
“หนูจะย้ายอออกไงล่ะคะ” อีกฝ่ายตอบแต่ไม่ได้หันมามองหน้าคู่สนทนา
“ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่อนุญาตให้เธอไป”
“แล้วคุณจะให้หนูอยู่ยังไงล่ะคะ คุณกรเขาหึงเบอร์แรงซะขนาดนั้น ต่อให้คุณยืนยันว่าไม่มีอะไรแต่หนูก็ยังไม่สบายใจหรอกค่ะ” ปรานปราลินอธิบายพลางหยิบหนังสือบนโต๊ะเครื่องเขียนของตัวเองขึ้นมาทว่าไม่ทันได้ยัดมันใส่กระเป๋าก็ถูกอีกคนแย่งไปถือไว้แล้ววางมันกลับลงไปที่เดิม
“ไหนบอกจะเป็นเด็กดี เชื่อฟังฉันทุกอย่างไง”
“ก็หนูไปอยากให้คุณเดือดร้อนนี่คะ”
“เดือดร้อนอะไรฉันไม่ได้เดือดร้อนอะไรเสียหน่อย” ร่างสูงทรุดกายนั่งลงตรงหน้าหญิงสาว ปรานปราลินหลบสายตาคมกริบของเขาด้วยการหันไปหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมไว้พับใส่กระเป๋าแทน จนชาวีทนกับความดื้อรั้นของเจ้าหล่อนนั้นไม่ไหวเอื้อมมือไปจับแก้มนุ่มนิ่มไว้ทั้งสองข้าง บีบมันเบา ๆ จนริมฝีปากเล็กเผยอขึ้น “เก็บของไว้เดี๋ยวนี้ ฉันไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น”
“แต่หนูไม่อยากให้คุณวีกับคุณกรทะเลาะกัน”
“เดี๋ยวนี้สนใจความรู้สึกของคนอื่นมากกว่าฉันแล้วเหรอ”
“ก็คุณกรเขาเป็นแฟนคุณนี่คะ แฟนกันทะเลาะกันมันไม่ดี” ปรานปราลินเอ่ยออกไปทั้งที่แก้มนุ่มนิ่มยังถูกมือหนาจับไว้
“กรไม่ใช่แฟนฉันเสียหน่อย เราเป็นแค่เพื่อนกันต่างหาก” ชายหนุ่มตอบตามความจริง แม้จะรู้ดีว่าพัสกรจะรู้สึกกับเขาอย่างไร แต่เพราะในใจเขายังมีแค่ศิวามันเลยทำให้เขายังสับสนจนเปิดรับใครมาแทนที่ไม่ได้
“อ้าว แล้วทำไมเขาต้องหึงเบอร์แรงขนาดนั้นด้วย เขาเองก็น่าจะรู้ว่าคุณไม่ชอบผู้หญิง อีกอย่างหนูก็เด็กกว่าคุณตั้งหลายปีมันเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะ...”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ”
"โอ๊ะ!" คนตัวเล็กหน้าร้อนผ่าว ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อชายหนุ่มสวนกลับทันควันพลางใช้มือที่จับแก้มนุ่มนิ่มนั้นให้ใบหน้าหวานโน้มเข้ามาใกล้จนปลายจมูกชนกัน
“เก็บของแล้วก็นอนได้แล้ว ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
คำขู่ของชาวีได้ผล เมื่อเขายอมปล่อยให้ปรานปราลินเป็นอิสระ หญิงสาวจึงรีบหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋าออกมาใส่ในตู้เสื้อผ้าตามเดิมลวก ๆ ไม่กล้าจะหันไปสบตาเจ้าของห้องเลยสักนิด
เขาเป็นเกย์ประเภทไหนกันนะ ถึงได้มีเสน่ห์ดึดดูดเพศตรงข้ามได้มากมายมหาศาลขนาดนี้ ไม่รู้ตัวเลยรึไงว่าการกระทำของเขาเมื่อครู่มันทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นผิดจังหวะ
ปรานปราลินครุ่นคิดเมื่อประตูห้องปิดลงพร้อมกับร่างสูงโปร่งที่เดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หญิงสาวจึงรีบวิ่งไปล็อคประตูแล้วหันกลับมาทิ้งตัวนอนลงบนเตียงของตัวเองด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ภาพใบหน้าของเขาที่เห็นแบบเต็มตาเมื่อครู่ยังลอยเข้ามาในหัวไม่จางหาย ถึงอายุจะปาเข้าเลขสามแต่ปฏิเสธไม่ลงเลยจริง ๆ ว่าเขาดูดีมาก ไม่แปลกใจเลยสักนิดที่พัสกรจะหวงเขาถึงขนาดนี้