“นั่งนิ่งๆ อย่าได้ขัดคำข้า” เจ้าเอื้อสั่งหน้าดุ ให้พ่อก้อนทองนั่งอยู่เฉย
“ค คุณหนูเหงี่ยม” พ่อก้อนทองชักรู้สึกแปลกประหลาด แม้คุณหนูเหงี่ยมเอาแต่ลูบคลำความเป็นชายเขาจนมันแข็งโด่ราวท่อนไม้
“หยุดเรียกข้าด้วยชื่อนั้นสักครู่ จำไว้ว่าเพลาอยู่กันในที่ลับตา ให้พี่เรียกข้าว่าน้องเท่านั้น เรียกซี” เจ้าเอื้อบอกแกมสั่ง รู้สึกพึงใจในอำนาจนี้นัก
“น น้องขอรับ”
ใบหน้าหวานวาดยิ้มพอใจ แล้วจึงหันไปเค้นคลึงแท่งใหญ่ของทาสหนุ่ม ภายในโสร่งต่อ
ได้เวลาเติมความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกายอ่อนปวกเปียกนี่เสียที
มือเรียวสวยปลดผ้าสีเลือดหมูของพ่อก้อนทองออกให้พ้นหูพ้นตา ปลาชะโดตัวเขื่อนก็ดีดผละเด้งออกมาเกือบฟาดหน้า
ทาสชายรูปงามนั่งเกร็งไม่กล้ามีคำถาม สองมือเท้าจิกเกร็งแน่น ร่างเล็กบางนั่งพักเพียบอยู่ตรงหน้าระหว่างขา สองมือนวดคลึงความเป็นชายให้ตั้งผงาดตรงใหญ่ขึ้นไปอีก พ่อก้อนท้องมองการกระทำของคุณหนูตาไม่กะพริบ
แลเมื่อปากอิ่มเผยออ้า ครอบดูดลำเอ็นใหญ่ของเขาเข้าไปเต็มปาก ทาสหนุ่มเป็นสะดุ้งผละ อยากรีบหนีห่างทั้งยังเขินอาย หากแต่พ่อก้อนทองต้องหยุดอยู่เท่านั้น เมื่อถูกสายตาคุณหนูห้ามไว้เสียก่อน ทาสในเรือนเบี้ยอย่างเขาจึงจำต้องทำตามบัญชา เตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับความรู้สึกประหลาดไม่เคยพบเคยเจอ ที่ไหลบ่าท่วมท้นแผ่ซ่านไปทั่วกายกำยำ
“อาาาา น้องขอรับ!!!!!!” พ่อก้อนทองร้องครางเสียงเสียว ถูกคุณหนูดูดอม ถกถูมือชักขึ้นชักลงด้วยความชำนิชำนาญอยู่ครู่ ก็เกิดความรู้สึกเหมือนจะระเบิด พ่อก้อนทองทนต่อการปรนเปรอชนิดที่ว่าลิ้นพระกาฬ ก็แตกพุ่งปลดปล่อยความอัดอั้นออกมาเป็นครั้งแรก พร้อมเผลอจับหัวเล็กกดจุ่มเข้าหาลำเอ็นยาวใหญ่จนสุด
กระนั้นน้ำกามมหาศาลก็มากล้นออกมาจากปากเล็ก ซ้ำฉีดพ่นกระเซ็นสาดใส่หน้าคุณหนูจนเปอะเปื้อนอีกด้วย
“ความรู้สึกพี่ไวจริงเชียว” เจ้าเอื้อว่าเย้า ลิ้นเล็กเลียกินน้ำกามที่ไหลหยดเลอะใกล้ขอบปาก
ทาสหนุ่มเลิ่กลั่ก เมื่อครู่เขาเป็นกระไรไม่ทราบ ควบคุมตนเองไม่ได้จนระเบิดน้ำกระไรพุ่งใส่หน้าคุณหนูไม่รู้ อยากจะลุกไปหาผ้ามาเช็ดออก หากคุณหนูก็ไม่ยอมปล่อยมือจากความเป็นชายอันใหญ่ของเขาเลย
“ข้ายังไม่อิ่มดอกหนา” ว่าแล้วใบหน้าเล็กก็ก้มมุดลงไปคราบดูดเลียก้อนเอ็น ให้พองใหญ่ขึ้นมาอีก
อืมมมมม หอมหวาน ใหญ่คับปากจนปวดกรามไปหมดแล้ว
อยากมากอยากเหลือ จักเอาพี่ก้อนทองบนเรือหรือก็ไม่ง่าย เห็นจะลากขึ้นไปเอาบนเรือนในเพลานี้คงหาใช่ที เช่นนั้นไอ้เอื้อจักอดเปรี้ยวไว้กินหวานก็แล้วกัน
"เพลาใดพี่ว่างจากงานการบ้าง"เจ้าเอื้อถาม
“ห หากท่านๆ ไม่มีเรื่องอะไรเรียกหา เพลาปกติว่างก็คือบ่ายแก่เป็นต้นขอรับ” ร่างสูงกำยำก้มหน้าบอกอายแก้มแดง ช่างดูน่าขัน
“แล้วก่อนหน้านั้นพี่ทำกระไรบ้าง”
“หากไม่มีงานไร่ ก็ตัดฟืน หาบน้ำ บ้างก็หาปลา แลงานเรือนทั่วไปขอรับ”
ไอ้เอื้อมองปราดเดียวก็รู้ ว่าบ่าวไพร่ผู้อื่นคงกินแรงอ้ายก้อนทองทุกเมื่อเชื่อวันเป็นแน่ แล้วทาสหนุ่มผู้นี้ก็ดูจะเต็มใจทำการงานทุกอย่างไม่มีความเคืองขุ่นทุกข์ร้อนใดๆ
เอาเถอะ คิดเช่นนั้นก็สงบใจดี
“งานการพี่หาสาระไม่ได้ ยกให้ผู้อื่นมากมายที่เรือนทำไปก็แล้วกัน ส่วนพี่ ข้าจะตั้งให้เป็นคนสนิทแทนแม่สองคนนั่น จากนี้ไปพี่ต้องมาดูแลข้า” นายน้อยออกคำสั่ง
“ต แต่คุณท่าน…”
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นดอก ข้ามีวิธีเจรจากับท่านทั้งสอง ว่าแต่ กริยาที่ข้ามักมีต่อท่าน เป็นเช่นไรหรือ พี่บอกข้ามาให้ละเอียด”
.
.
มึง อ้ายหลวงจัญไร กูจักใช้ร่างกายนี้แก้แค้นมึงให้เจ็บปวดแสบแสน!!
“คุณแม่เจ้าขาขอรับ” เจ้าเอื้อแสร้งยิ้มอ้อน โผเข้ากอดผู้เป็นนายหญิงของเรือน
“ลูกแม่ เจ้าไปเที่ยวเล่นที่ใดมาหือ เห็นบ่าวบอกลงไปที่เรือนครัว ซ้ำหายไปที่ใดก็ไม่มีคนทราบตั้งนานสองนาน แม่เป็นห่วงเจ้านัก เจ้าไปทำกระไรมา” คุณหญิงปิ่นถามด้วยความเป็นห่วง
“เหงี่ยมไปเที่ยวเล่นรับลมรับแดดขอรับ…”
“ตายแล้ว!!!!” ยังพูดไม่ทันจบคุณหญิงก็ร้องโวยวายเป็นการใหญ่ “ที่พื้นดินแสนโสโครกเต็มไปด้วยมูลกามูลไก่ มีแต่พวกไพร่ทาสหนังหนาเท่านั้นจึงสู้ทนอยู่ได้ เช่นนี้ลูกแม่จะไม่ติดโรคร้ายมาแล้วหรือ”
ออ เลี้ยงลูกดังนี้เอง มันถึงได้ป่วยกระเสาะกระแสะทนลมทนฝนมิค่อยได้ เจ้าเอื้อคิด ข้อดีอย่างหนึ่งของมันคือชอบแสวงหาความรู้ ไม่มีผู้ใดสอนก็ครูพักลักจำเอา โชคดีโรงชำเราบุรุษอยู่ในย่านชุมชนใหญ่ ไอ้เอื้อจึงได้พบเห็นสิ่งต่างๆ มากมายหลากหลาย ทั้งความรู้เดิมจากคนถิ่น แลความรู้ใหม่จากผู้มาเยือนถิ่นไกล
“คุณแม่เจ้าคะเจ้าขาฟังเหงี่ยมสักนิด คือว่าเหงี่ยมทราบมาว่า หากไม่ออกไปถูกลมถูกแดดบ้าง ร่างกายจักอ่อนแอ…” เจ้าเอื้ออธิบาย
“ทราบกระไร ทราบมาจากไหน พ่อไม่เคยไปไกลเรือนเลยหนา”
“เอ่อ…ลูก…” เจ้าเอื้อเลิ่กลั่กรีบใช้หัวคิด “ฝ ฝันขอรับ” ช่างเป็นการโกหกคำโตที่ไม่แนบเนียนเอาเสียเลย
“จริงหรือลูก เทวดาเข้าฝันพ่อหรือ อพิโธ่อพิถัง ผ่านเคราะห์กรรมหนักมาได้เพราะมีเทวดาอารักษ์คอยช่วยเหลือนี่เอง แม่ว่าแล้ว ว่าแล้วเชียว ว่าแค่สู่ขวัญยังไม่พอ ต้องบวงสรวงยิ่งใหญ่ด้วย” คุณหญิงปิ่นเชื่อเป็นตุเป็นตะ “แล้วๆ ท่านเทวดาต้องการสิ่งใดเป็นเครื่องเซ่น ท่านได้บอกลูกไว้หรือไม่”
“ท่านไม่ได้ต้องการกระไรขอรับ เพียงบอกวิธีรักษาตนให้เหงี่ยมมีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงเท่านั้น”
“ด้วยการไปเหยียบขี้เป็ดขี้ไก่นี่นะ!?”
“มันไม่ได้สกปรกมากมายเสียจนเหยียบย่ำมิได้ดอกขอรับคุณแม่ แลคำบอกของท่านเทวา เพียงให้ลูกได้ออกแรงบ้างเท่านั้น จักเดินเหินไปที่ใดก็จงอย่าขัด เพราะเทวดาท่านพาไป” ได้ทีเจ้าเอื้อก็แต่งเติมเสริมไปยกใหญ่
“เช่นนั้นหรือ วิเศษกระไรเช่นนี้ ลูกแม่ช่างมีบุญมาก เรื่องนี้จักประกาศให้รู้กันทั่ว”
“ย อย่าขอรับท่านแม่ ท่านเทวดาท่านว่า หากคำถึงหูคนโฉดชั่ว จักมีภัยมาถึงตัวลูกได้” เจ้าเอื้อไม่อยากแพร่งพรายความลับ เพราะหากเคราะห์หาม มีผู้มีอาคมแวะเวียนมาเยือน หากมีผู้รู้ตัวตนแท้จริงของเขา เจ้าเอื้อเป็นเดือดร้อนแน่
“ตายจริง เยี่ยงนั้นก็อย่างแพ่งพลายสิหนา”
“ขอรับ รู้แค่ในหมู่เรือนเรา”
“แม่จักกำชับพวกมันให้มั่น ผู้ใดฝ่าฝืนจักโบยให้หลังลายกันเลยเทียว”
“มีอีกเรื่องขอรับ” เจ้าเอื้อยิ้มกริ่ม
“เรื่องกระไรหรือลูกแม่”
“พี่ก้อนทอง…”
“เจ้าก้อนทอง?”
“เป็นผู้ถูกโฉลกดวงค้ำดวงหนุนปกปักเหงี่ยมขอรับ เช่นนั้นเหงี่ยมจึงใคร่ขออนุญาตคุณแม่เจ้าคะเจ้าขา ให้พี่ก้อนทองมาดูแลแทนแม่แม้นแลแม่เยื้องได้หรือไม่ขอรับ”
“ว่าไปมันก็ลักษณะดี แต่เรื่องการเรือนจะสู้สตรีได้หรือ? เอาเยี่ยงนี้ก็แล้วกัน ให้นางบ่าวมันอยู่ทำหน้าที่คงเดิม แต่เพิ่มเจ้าก้อนทองเข้ามาคอยช่วยเป็นอย่างไร”
นางบ่าวทั้งสองได้ฟังก็หูตาลุกวาวดีใจใหญ่ เจ้าเอื้อแอบมองบนขัดในใจ ถ้ามีนางบ่าวสองคนอยู่ใกล้ แล้วจักหาเพลาใดสำเริงสำราญกับพี่ก้อนทองคนซื่อได้เล่า
“คือเยี่ยงนี้ขอรับ เหตุที่ร่างกายเหงี่ยมอ่อนแอ มีผลมาจากดวงชังสตรีขอรับ” เจ้าเอื้อปั้นเรื่อง
“ดวงชังสตรี!?”
“คือว่าหากคลุกคลีมากตลอดเวลา เหงี่ยมจักป่วยออดแอดไม่หายสักที หากได้พี่ก้อนทองมาเสริมดวง ลูกก็จักแข็งแรงสุขภาพดีได้ดังร่างกายกำยำองอาจของพี่นั้น”
“เช่นนี้เอง โธ่เอ๋ย แม่ก็หนาไม่เคยรู้เลย ดันให้อีสองบ่าวมาฆ่าลูกได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ถึงว่าซี เพราะพวกมึงสองตัวนังตัวเสนียด”
“คุณหญิงเจ้าขา ม ไม่จริงหนาเจ้าคะ พวกอิฉันดูแลคุณเหงี่ยมเป็นอย่างดีมาตลอด” นางบ่าวสองคนเลิ่กลั่กร้อนรน อยู่ดีๆ ก็มีเคราะห์ภัยมาถึงตัวซะอย่างนั้น
“แต่ดวงพวกมึงเป็นชังกับลูกกู เอามันไปลงหวาย!!”
“อ เอ่อ คุณแม่เจ้าคะเจ้าขาใจเย็นๆ ก่อนขอรับ” เจ้าเอื้อคิดหาทางแก้ให้ ไม่อยากสร้างกรรมให้ใครมาเดือดร้อนเพราะคำตน
“คือมันก็ไม่ใช่ความผิดของพี่ทั้งสอง”
“ไม่ใช่ก็ช่าง แม่ยังอยากให้มันถูกเฆี่ยน”
“แต่…”
“อย่าไปเวทนาพวกมันนักเลย ก็แค่บ่าวไพร่ ไม่มีค่าอันใดให้ห่วงหาดอก ว่าเรื่องเจ้าต่อดีกว่า แล้วเป็นอย่างไรอีก ท่านได้ทำนายทายทักว่าท่านพ่อเจ้าจะได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่งแล้วหรือไม่” คุณหญิงซักถามราวกับเจ้าเอื้อเป็นพ่อหมอดูดวง เจ้าเอื้อมองตามนางบ่าวสองคนที่ถูกลากลงเรือนไปด้วยไม่สบายใจ ความผิดบาปตนเองแท้ๆ ไม่น่าพูดมากดังนั้นเลย
อภัยให้กูด้วยหนา จักโทษก็โทษนังคุณหญิงใจยักษ์ใจมารนี่
“ฮ่าๆๆๆ นี่สิหนาลูกพ่อ ผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ แม้นตายยังฟื้นคืนชีวี” หลวงศรีบานเชื่อสนิทใจที่คุณหญิงปิ่นเล่าให้ฟัง เจ้าเอื้อก็แค่ต้องแสดงละครยี่เกให้แนบเนียนไม่ให้ถูกสงสัยจับได้เท่านั้น
“ท่านว่าอย่างไรอีก”
“ว่าท่านสถิตอยู่ที่เหงี่ยมแล้ว โรคภัยจักไม่มีเบียดเบียนขอรับเจ้าท่านพ่อ” เจ้าเอื้อทำทีกอดหลวงศรีบานเอาใจ ทั้งที่ในใจรังเกียจมากเหลือ
“ฮ่าๆๆๆ ดีแท้ๆ” คุณหลวงพึงพอใจ
“ว่าภายภาคหน้า เจ้าคุณพ่อจะได้เลื่อนยศเลื่อนขั้น เป็นใหญ่เป็นโตด้วยหนา”
“ฮ่าๆๆ ดีจริง ดีจริงๆ เช่นนี้ต้องบูชาท่านเป็นการใหญ่เสียแล้ว ฮ่าๆๆๆ”
เพลาต่อมา พ่อก้อนทองถูกเรียกตัวให้ขึ้นมาที่เรือนใหญ่เพื่อทำหน้าที่ดูแลคุณหนูเหงี่ยมทุกอย่าง อบรมกันอยู่นานพ่อก็จดจำได้ขึ้นใจจนหมด
ความคล่องแคล่วเป็นที่ถูกใจแลไว้วางใจของนายทั้งสองนัก ยิ่งเมื่อเห็นว่าบุตรชายขี้โรคของตนดูมีเนื้อหนังเรี่ยวแรงมากกว่าแต่ก่อนเก่า ยิ่งทำให้เชื่อสนิทใจในเรื่องมุสาที่เจ้าเอื้อแต่งเติมขึ้นมาหลอก