ตอนที่3

2295 Words
“คุณเหงี่ยมจักออกจากห้องมาทำกระไรเจ้าคะ ประเดี๋ยวต้องลมต้องแดดจักไม่สบายเอาหนาเจ้าคะ” นางบ่าวหน้าห้องกล่าวปรามทำหน้าเป็นห่วง วุ่นวายนักนางพวกนี้ กูก็อยากออกไปอ่านกินบ่าวไพร่กล้ามใหญ่กล้ามโตบางซี ให้ขลุกแต่อยู่ในห้องหอ ไม่ถูกลมถูกแดดซี คุณหนูมึงจึงได้ป่วยตาย กูไม่เอาด้วยดอกหนา มิอยากตายอีกรอบ เจ้าเอื้อยู่หน้าว่าบ่นในใจ “จักไปเดินเล่น” เจ้าเอื้อพูดด้วยเสียงอันเบาไม่มั่นใจในสำเนียง อีบ่าวสองนางชื่อแม้นแลเยื้องจึ่งตามติดมาด้วย พร้อมเครื่องยาหอมในตะกร้า ร่มคันใหญ่แลพัดวี ชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาผุดผ่องผู้ดี เดินเล่นเรื่อยภายในเขตเรือนสำรวจดูที่ทาง พวกบ่าวไพร่ได้พบเห็นเป็นฉงนสนเท่ห์นัก นางบ่าวผู้ติดตามก็พูดบ่นไม่หยุดปากว่าให้คุณหนูกลับเรือนเสียเป็นดีกว่า “ที่เรือนครัวไม่มีกระไรงามตาดอกเจ้าค่ะคุณเหงี่ยม กลับห้องหอเถิดหนาเจ้าคะ คุณเพิ่งฟื้นไข้ได้ไม่กี่วัน อิฉันเกรงจักเจ็บป่วยขึ้นมาอีก” เจ้าเอื้อไม่ฟัง ร่างกายนี้อ่อนแอนักจนผู้อาศัยรู้สึกได้ทุกส่วน ไม่ได้การ หากขืนยังใช้ชีวิตเยี่ยงเจ้าของเดิมเป็นได้มีจุดจบเช่นเดียวกันเป็นแน่ ร่างผอมเดินลึกเข้าไปในส่วนทาส มองเพลินได้เห็นวิถีชีวิตของผู้ไร้อิสระ เพลาว่างงานก็ตั้งวงผ่อนคลายด้วยการเล่นถั่วบ้างตีไก่บ้างไปตามประสา เสียงเอะอะร้องเชียร์ไก่ชนดังจากลานเล็กๆ ใต้เงาต้นมะม่วง ดึงความสนใจเจ้าเอื้อได้ครู่หนึ่งให้หันมอง กลุ่มทาสชายทั้งหนุ่ม แก แลเด็ก ต่างจับจ้องที่ไก่ตัวที่ตนเองลงใจลงอัฐหวังให้ชำนะ ไม่มีกระไรน่าสนใจ หากแต่ดวงตางามก็ไปสะดุดกับชายหนุ่มร่างกำยำใบหน้าหล่อเหลาผู้หนึ่งเข้า ชายผู้นั้นช่างโดดเด่นงามตา ไม่มีแววแห่งทาสไพร่เลยแม้สักนิด ท่วงท่าองอาจหากแต่เป็นกันเอง เขากำลังทำการรักษาพยาบาลไก่หัวแตกบาดเจ็บอยู่ไม่ไกลวง มีรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏบนใบหน้าคมบาดใจ กระแทกเบ้าตาช็อกกะรีเก่าอย่างจัง “นั่นผู้ใดกัน” เจ้าเอื้อถามด้วยความสนใจในทันที “พ่อก้อนทองเจ้าค่ะ คริๆ” นางบ่าวแม้เลยวัยสาวยังมีทีท่าอายม้วนเมื่อมองไปยังชายหนุ่ม “เป็นใครกัน” เจ้าเอื้อถามซ้ำชะเง้อคอมอง “โถ คุณหนูลืมพ่อคนซื่อสมบัติเรือนไปได้เช่นไรเจ้าคะ ต่อให้ข้าทาสมีเป็นพัน ยังต้องจำพ่อก้อนทองก้อนเงินได้หนาเจ้าคะ” นางแม้นหัวล่อขวยเขิน “พ่อก้อนทองเป็นชาย คุณเหงี่ยมจักไปสนอกสนใจได้เช่นไร มึงนี่ก็” นางเยื้องตำหนิเพื่อนบ่าว เจ้าเอื้อไม่สนใจพวกบ่าวว่าเถียงกันเอาหน้าเอาใจนาย อยากรู้จักแต่พ่อคนหุ่นล่ำน่าปล้ำตรงนั้น “ทาสรึ?” “เจ้าค่ะ พ่อถูกขายขาดเป็นทาสในเรือน” “ทาสกระไรท่าทางงามสง่าเช่นนั้น” เจ้าเอื้อยังไม่อยากเชื่อ ต่อหน้าทาสบางผู้บางคนจะงามกว่าเจ้านายก็จริง แต่ที่ทาสไม่อาจมีคือผิวพรรณที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิงจากผู้รากมากดี ชายผู้นั้นก็มิใช่ว่าผิวงามเยี่ยงเจ้านายดอก หากแต่ไม่กร้านกรำแดดดังทาสผู้อื่น ออกจะไปทาง พวกชื่นชอบออกกำลังฝึกดาบกลางแดดก็เท่านั้น “นั่นซีเจ้าคะ คิคิ” นางบ่าวสองคนเห็นด้วย “แล้วเมียมันเล่า” เช่นไรก็ไม่ทราบไอ้เอื้อจึ่งอยากรู้เรื่องทุกอย่างของทาสผู้นี้นัก “ไม่มีดอกเจ้าค่ะ ซื่อออกอย่างนั้น พวกนางบ่าวนางทาสตามเทียวไล้เทียวขื่ออยู่เป็นนานพ่อก็ไม่มีทีท่าว่าสนใจผู้ใด คนก็ยังจ้องจะกินพ่อกันทั้งเรือน” “ซื่อหรือสติไม่ดี เอาให้แน่ มีด้วยหรือ คนไม่มักชอบในกาม” เจ้าเอื้อถามสงสัย ก็แหม…ดูรูปร่างเจนสวาทนั่นซี จักให้เชื่อได้เช่นไรว่าไม่นิยมชมชอบกิจกาม “ก็คุณเหงี่ยมอีกคนเช่นไรเล่าเจ้าคะ” นางบ่าวเผลอหลุดปากพูด แลทันทีต่อมาก็รีบแก้สถานการณ์ได้ทัน ด้วยเกรงนายน้อยจักเคือง “อ เอ่อ…หากคุณหนูไม่ว่ากระไร อิฉันจักเรียกพ่อก้อนทองมาสนทนาถามไถ่ว่าพ่อสติไม่ดี หรือซื่อบื้อกันแน่ดีไหมเจ้าคะ” นางบ่าวขวยเขิน ออกอุบายได้ทีหวังใช้อำนาจคุณหนู ให้ได้ใกล้ชิดพ่อก้อนทองเป็นกรณีพิเศษ เจ้าเอื้อมองบนนึกหมั่นไส้นางปลากระดี่สองคนนี้นัก แต่ก็เอาเถิด ดีเหมือนกันเพราะเขาเองก็อยากกิน เอ๊ย! อยากรู้จักมักจี่ สนิทสนมพ่อหนุ่มรูปงามนั่นเหมือนกัน “ไปเรียกมันมาซี” เจ้าเอื้อสวมรอยเป็นคุณหนูสั่งเสียงเบา เก็บอาการร่านเกือบไม่อยู่ ที่ศาลาข้างท่าน้ำ เจ้าเอื้อพินิจดูลักษณะรูปร่างทุกส่วนของพ่อก้อนเงินก้อนทองก็ให้เกิดอาการวูบวาบร้อนผ่าวๆ ดังพวกนางๆ ทั้งหลาย แลหมายมั่นในใจแล้วว่า จักเอาคนผู้นี้แลมาเป็นผัว ร่างกำยำดุดันหากแต่แววตาคมใสซื่อ มองเห็นแต่เพียงโลกในแง่ดีแง่เดียว หากเรื่องงานการก็ฉลาดเฉลียวใช้ได้อยู่ “คุณหนูเหงี่ยม เรียกกระผมมา มีกระไรให้รับใช้หรือขอรับ” พ่อก้อนทองถามสงสัย ก็คุณหนูเอาแต่มองเขามากว่าครึ่งชั่วยามแล้วนี่ “พวกหล่อนออกไปทางกระโน้นก่อนไป” เจ้าเอื้อออกปากไล่สองนางบ่าว ให้ไปพ้นตา สองนางท่าทางอิดออด แต่ก็ยอมไปแต่โดยดี เมื่ออยู่ลำพัง เจ้าเอื้อก็ขอวัดขนาดสิ่งสงวนของพ่อก้อนทองก้อน ด้วยอดใจไม่อยู่ อาศัยความหน้ามึนแสร้งทำเป็นเซล้มใส่ทาสชายที่นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า “อุ๊ย!!!” มือเรียวมุ่งมาดอย่างแม่นยำ กำหมับเข้าที่ก้อนเอ็นอ่อนของอีกฝ่าย พ่อก้อนทองเป็นสะดุ้ง ไม่รู้ควรจะผละหนีมือลามก หรือจะช่วยประคองคุณหนูร่างผอมบางก่อนดี “เป็นกระไรหรือไม่ขอรับ” ทาสหนุ่มถามทำกระไรไม่ถูก เจ้าเอื้อกำขยับหนุบหนับอีกครั้ง แสร้งทำเป็นยันร่างลุกขึ้น ต เต็มมือเต็มไม้ ขนาดยังอ่อนอยู่หนา หากตื่นเต็มตุงละก็…ซู้ดดดด “ม ไม่เป็นกระไร อ เอ็งลุกขึ้นซี ไปนั่งเรือเล่นกันเถอะ” ความใหญ่โตทำให้คนหื่นกามถึงกับเขิน แทบอยากจะฉุดคนตัวโตกว่าเข้าห้องหอไม่ไหวแล้ว บนเรือแจวลำไม่ใหญ่ หลังคามุงด้วยไม้ไผ่สาน นายน้อยสั่งให้ทาสหนุ่มพานเรือมาไกลจากเรือนพอสมควร ก่อนจะเลือกจอดที่คุ้งน้ำเปลี่ยวรก ใต้ร่มต้นไม้ใหญ่ เจ้าเอื้อให้พ่อก้อนทองเอาตักมาหนุนต่างหมอน แล้วจึงเริ่มต้นซักประวัติชายหนุ่มที่ถูกตีตราเป็นผัวทิพย์แล้วแต่ไม่รู้ตัว “เอ็งมีเมียหรือไม่?” “ไม่มีขอรับ” “ทำไมเล่า อายุอานามก็น่าจะเลยขวบไปไกลโข” พ่อก้อนทองคิดอยู่ครู่ ก่อนจะก้มหน้าตอบคำถามคุณชายน้อย “ไม่อยากมีห่วงขอรับ” เจ้าเอื้อยิ้ม “แล้ว เอ็งมาจากที่ใด หรือเกิดที่เรือนนี้ ลักษณะช่างผิดแผก ข้าแปลกใจนัก เล่าเรื่องราวเอ็งมาซี ข้าอยากฟัง” ร่างบางกรีดหางตาอ่อย จีบปากจีบคอทำเสียงสองถาม เกือบจะเผลอไผลกอดคล้องคอหนา โน้นใบหน้าหล่อคมลงมาจูบแล้วเชียว พ่อก้อนทองจึงเล่าความเป็นมาของตนแต่ต้นด้วยเสียงสดใส ได้ความว่าก่อนนี้เคยอยู่วัด ติดตามหลวงปู่หลวงตาจวนเจียนจะได้บวช หากแต่ชีวิตมาพลิกผันเมื่อมีชายผู้หนึ่งอ้างตนว่าเป็นพ่อผู้ทิ้งร้าง มารับตัวมันในวันหนึ่ง จากนั้นชายผู้อ้างตนก็พาพ่อก้อนทองมาขายเป็นทาสยังเรือนหลวงศรีบาน คอยช่วยงานต่างๆ ในเรือน ด้วยความที่เป็นผู้มีความกตัญญูขยันขันแข็ง แลมีน้ำอดน้ำทนจิตใจกว้างขวาง พ่อก้อนทองจึงเป็นที่รักของทั้งหญิงชายแลเจ้านายในเรือน “อยู่มาได้จะครบขวบปีแล้วขอรับ” “อยู่มานานแล้วนี่ เช่นนั้นเอ็งเคยเห็นข้าบ้างหรือไม่ เอ่อ…ข้าหมายถึง เราเคยได้เสวนากันบ่อยไหนหนา ข้าจำไม่ค่อยได้” เจ้าเอื้อเลียบเคียงถาม ไม่แน่ว่าเขาพอสืบรู้บุคลิกคุณเหงี่ยมจากชายผู้นี้ได้ก็ได้ “ขอรับ?” พ่อก้อนทองทำหน้างง ก่อนจะยิ้มน่าเอ็นดูแล้วบอก “คุณเหงี่ยมใจดี มีขนมอร่อยมาแจกจ่ายบ่าวไพร่เสมอ แลไม่ถือตนสักนิด ซ้ำยังเรียกทุกผู้ทุกคนที่มีอายุมากกว่าว่าพี่อีกด้วย กระผมซึ้งในหัวใจนักขอรับ” พี่หรือ? เจ้าคุณหนูนี่ใจงามขนาดนั้นเชียว ช่างผิดกับพ่อมันราวฟ้ากับเหว เจ้าเอื้อเบะปากหมั่นไส้ “เรา…สนิทสนมกันหรือ?” “อ้ายก้อนทองมิบังอาจเอื้อมไปตีตนเสมอนายดอกขอรับ” “เออ เอาเถิด ประเดี๋ยวก็สนิทแนบชิดกันเอง” “ขอรับ?” เจ้าเอื้อมองทาสหนุ่มด้วยครุ่นคิด ความหล่อเหลาทำให้น่าไว้วางใจไปแล้วส่วนหนึ่ง หากอีกใจก็ระแวงกลัว เพราะไม่รู้ใครเป็นใครในเรือนนี้ เช่นนั้น เจ้าเอื้อจึงเจรจาพูดคุยกับพ่อก้อนทองอยู่นาน จนจับสังเกตได้ว่า ชายผู้นี้ช่างผิดแผกแตกต่างจากคนอื่นๆ นัก หรือจะเป็นเพราะอยู่ในโลกทางธรรมมานานก็ด้วยประการหนึ่งกระมัง จึงมีความคิดใสซื่อบริสุทธิ์สะอาด เจ้าเอื้อตัดสินใจเสี่ยงดวง ต้องรีบเตรียมการ ก่อนจะถูกไอ้คุณหลวงจับได้ “คือ…เอ็งว่า ข้าไม่เหมือนข้าคนเดิมเช่นนั้นอย่างนั้นหรือ?” “ขอรับ คุณเหงี่ยมเมื่อก่อนสุขุมแลเงียบขรึม” “ทำไม? ข้าคนนี้สันดานหยาบช้าหรือ?” “หาใช่ขอรับ คุณเหงี่ยมผู้นี้สนุกสนานเบิกบานอารมณ์ขันนัก” เจ้าเอื้อยิ้มพอใจคำตอบ “แล้ว เจ้าชอบข้าแบบไหนมากกว่ากัน” “ผู้นี้ขอรับ” พ่อก้อนทองยิ้มตอบทันที หากเป็นคนผู้อื่นคงคิดตรองหาคำตอบที่ตรงใจนาย แต่พ่อทาสผู้นี้หาใช่เช่นนั้นไม่ ยิ่งทำให้เจ้าเอื้อมั่นใจไปใหญ่ ว่าจะพึ่งพาคนผู้นี้ได้แน่ “นี้หนา ข้าขอเรียกพี่ว่าพี่ก็แล้วกัน คือ ข้าขอพูดตามจริงเลยนะ” เจ้าเอื้อตั้งต้นเข้าเรื่อง “ก่อนนี้พี่รู้ใช่หรือไม่ว่าฉันล้มป่วย” “ขอรับ วิ่งกันวุ่นทั้งเรือนเลย” “นั่นแหละ แล้วรู้หรือไม่ว่าฉัน…ตาย เลยหนา” พ่อก้อนทองหน้าสลด ดูลำบากที่จะตอบ “ขอรับ คุณสิ้นไปครู่ชั่วยาม จวบจนคุณหลวงกลับถึงเรือน เดชะบุญชีวิตจึงคืนกลับมาราวปาฏิหาริย์” “เกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้ามีความลับลมคมในบางอย่างจะบอก แต่ข้าไว้ใจพี่ได้หรือไม่” “ได้ขอรับ อ้ายก้อนทองเอาหัวเป็นประกัน” “จริงหนา?” “จริง ขอรับ” “คือว่า…ข้าความจำขาดหายไป จดจำได้เพียงว่าตนเองคือใคร” เจ้าเอื้อกลืนน้ำลายลงคอ วัดดวงกันไปก็คราวนี้ “แต่ข้าจำผู้คน แลเรื่องราวระหว่างพวกเขาไม่ได้ จักบอกกล่าวผู้ใดก็เกรงกลัว ประเดี๋ยวได้หาว่าข้าผีเข้า ได้เอาหวายมาเฆี่ยนตีข้า ครานี้คงได้ตายไม่ฟื้นเลยเป็นแน่” พ่อก้อนทองมองตาคมใสซื่อตั้งใจฟัง เมื่อไม่เห็นความตื่นตระหนก หากมีแต่ความเข้าอกเข้าใจ เจ้าเอื้อจึงพูดต่อ “พี่ก้อนทอง พอจะช่วยข้าได้ไหมหนา?” “เช่นไรขอรับ?” “บอกสอนข้า ว่าเมื่อก่อนข้าเป็นเช่นไร พูดเช่นไร อย่างคำพูดที่ใช้เรียกคนผู้อื่น หรือสิ่งใดที่ข้ามักทำเป็นประจำ” “กระผมคิดว่า เช่นไรพ่อแม่ก็รักแลรับฟังลูก คุณเหงี่ยมเป็นดวงใจของท่านทั้งสอง บอกความจริงแก่ท่านเห็นจักเป็นการดีกว่าขอรับ” “ไม่ได้!!! เช่นไรก็ไม่ได้ หากข้าถูกเฆี่ยนตีจนตาย พี่รับผิดชอบไหวหรือ” เจ้าเอื้อลุกพรวดขึ้นมาจ้องมองหน้า “ก็ได้ขอรับ อ้ายก้อนทองอยากช่วยเหลือ หากแต่คงไม่รู้ละเอียดดังสองนางพี่เลี้ยง” “ข้าไม่ไว้ใจผู้ใด ข้ารู้สึกไว้ใจแค่พี่” เจ้าเอื้อมองสบนัยน์ตาคม “เช่นนั้นอ้ายก้อนทองจักพยายามขอรับ” “ดี อันดับแรก ข้ามักแทนตนเองว่ากระไร” “กระผมเคยเห็นอยู่กลายๆ ว่าคุณเหงี่ยมจะแทนตนกับคุณท่านว่า เหงี่ยม ขอรับ” “แล้วกับคนผู้อื่น เช่น พวกบ่าวไพร่เล่า” “ก็เรียกข้ากับเอ็งปกติขอรับ” ‘เหงี่ยม’ ไม่ชินปากเสียเลย “คุณเหงี่ยมอยากรู้สิ่งใดอีกขอรับ” ก้อนทองตั้งหน้าตั้งตาจะตอบคำถาม หลังจากที่โล่งใจได้เปลาะหนึ่งแล้ว เจ้าเอื้อก็ผ่อนคลายลง สายตาเจ้าเล่ห์มองร่างกำยำน้ำลายสอ อยากมากเหลือเปรี้ยวปากไปหมด “ข้าอยาก……"ใบหน้าหล่อสวยไล่สายตามองเรือนกายกำยำของอีกผู้ตรงหน้า ตั้งแต่อกแกร่งเรื่อยลงมาจนถึงบริเวณต่ำกว่าหน้าท้องเป็นก้อนลอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD