“ขวัญไม่ได้ใส่ถุงมือนะ” ดีแลนเหลือบตาหันมามองพี่ชายฝาแฝดอย่างไม่สบอารมณ์
“สามีกับภรรยาถือว่าเป็นคนคนเดียวกัน”
“เหรอ....” อีวานมองน้องชายอย่างหมั่นไส้ แต่เมื่อหันไปมองสาวน้อยก็อดยิ้มไม่ได้ ขวัญก้มหน้าก้มตาพิมพ์อะไรอยู่นั่นเขาก็ไม่รู้ แต่ที่เขารู้ตอนนี้คือ เขาได้เห็นหญิงสาวที่สามารถทำลายกำแพงในตัวน้องชายเขาได้แล้ว
“มองน้องสะใภ้นานแบบนั้น รู้สึกมีกำลังใจไปต่อสู้กับคุณย่าแทนน้องชายแล้วใช่มั้ย”
“เคยได้ยินมาเหมือนกันนะคำที่ว่าพี่น้องฝาแฝดคนที่เกิดก่อนนั้นแท้จริงแล้วคือน้อง เพราะคนเป็นพี่เสียสละให้น้องได้ออกมาก่อน...ฉันชักจะเชื่อแล้วเพราะฉันที่เป็นพี่ตามเวลาทางการแพทย์ต้องฟังคำสั่งแกที่แท้จริงแล้วเป็นพี่ตัวจริงตามเวลาของพระเจ้า” ดีแลนยิ้มและยักคิ้วให้พี่ชายหนึ่งที
“แต่ซูซี่โตขึ้นมาสวยมากๆเลยนะโว้ย ไม่ลองเจอกับหล่อนหน่อยเหรอ”
“เปลี่ยนเรื่องพูดเถอะ”
“เออ...นี่ถ้าไม่ใช่เพื่อมาร์คแล้วนะ ฉันไม่มีทางยอมให้แกแน่ๆ ทำไมนะพระเจ้าไม่ให้แกเป็นไบเซ็กชวลด้วยนะ”
“ถ้าพี่กบฎผมรู้แน่ๆ”
“เออ ไม่ต้องขู่ ยังไงฉันก็ประเภทเลือดข้นกว่าน้ำ” ดีแลนยิ้มแต่อีวานไม่ยิ้มด้วย เพราะตอนนี้เขาก็ไม่ต่างทำตัวเป็นนกสองหัว แต่จริงๆแล้วเขาเลือกเข้าข้างน้องชายของเขาอยู่แล้ว
ตอนที่คุณย่ารู้ว่าเขาเป็นไบเซ็กชวล ตอนนั้นไม่ต้องบรรยายเลยว่าคุณย่าจะรู้สึกอย่างไร แต่เนื่องจากยังมีดีแลนอีกคนเขาจึงถูกบังคับกึ่งต่อรองว่าเขาจะมีมาร์คต่อไปได้ก็ต่อเมื่อดีแลนแต่งงานมีลูกกับซูซี่ อย่างหลังเขารู้ว่ายากเพราะไม่มีใครหรอกนะที่จะบังคับดีแลนได้ เพราะฉะนั้นเขาจึงลุ้นอย่างแรกคือต้องมีลูกให้ได้ เมื่อคิดมาถึงตอนนี้สายตาก็พลันหันไปมองหญิงสาวที่ถูกเลือกไว้แล้วอีกครั้ง
“แล้วเรื่องที่คุยกันเมื่อคืน แกคิดยังไง จะจัดการเมื่อไหร่”
“ผมก็บอกไปแล้วว่ายังโตไม่เต็มที่ ไม่ใช่ตอนนี้ และจะไม่คุยเรื่องนี้กันอีก...ตามนั้น”
“แล้วถ้าซูซี่มาละ”
“อยากมาก็มา ไม่เกี่ยวกับผม”
“เบื่อว๊ะ เชิญแกทำตัวเป็นปลากัดไปแล้วกัน หวังว่าคงจะสำเร็จนะ ฉันไปเที่ยวดีกว่า...เออ อย่าลืมส่งแบบด้วยนะ ทางโน้นเร่งมาแล้ว เย็นเจอกัน” ดีแลนพยักหน้า
ผลั๊วะ เสียงประตูเปิดปิดลงอีกครั้งและห้องก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง “ขวัญ ไปเอาน้ำเข้ามาให้หน่อย” ขวัญที่ลุกจากเก้าอี้พอดีพยักหน้าและเดินออกจากห้องไป ดีแลนเดินไปนั่งแทนที่ทันที เขามองรายการหนังสือที่ขวัญพิมพ์ไว้ในระบบและยิ้มน้อยๆ ก่อนที่จะย่อหน้าจอไว้และเปิดงานของตัวเองขึ้นมา
“หนังสือบนโต๊ะนี้ขวัญเอาไปเรียงจัดเข้าหมวดหมู่ได้เลยมั้ยคะ” แก้วน้ำถูกวางไว้ในตำแหน่งของมันบนโต๊ะ
ดีแลนเลือกหยิบหนังสือออกมาสองสามเล่มและก้มหน้าทำงานต่อโดยไม่ได้พูดอะไร ขวัญก็รู้และเข้าใจเธอเริ่มคว้าหยิบหนังสือที่ไม่ได้ถูกเลือกเอาออกจากโต๊ะไปอย่างรู้งาน
ขวัญและเขาก็เป็นแบบนี้เสมอไม่ค่อยมีคำพูดอะไรมากมายนัก ที่เป็นแบบนี้เพราะเขามากกว่า คุณฟงไม่ใช่คนช่างพูด แตกต่างกับเธอที่ปกติจะเป็นคนช่างพูดแต่กับเขาเธอกลับพูดน้อยมาก
อึ้บ! อึ้บ! ขวัญชนกที่ไม่ประมาณตัวเองพยายามจะเก็บหนังสือตามหมวดที่อยู่สูงเกินมือเอื้อมสำหรับเธอโดยที่เธอเกิดขี้เกียจเดินไปหยิบบันไดเล็กมา หมับ! มือที่ใหญ่กว่าพร้อมไออุ่นของคนจากด้านหลัง
“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยโดยที่ไม่กล้าหันกลับไปมองแม้เขาจะสูงกว่ามาก แต่เธอก็เคยดูซีรี่ห์นะ หันปุ๊บจุ๊บปั๊บ ว่าแต่ทำไมคุณฟงยังไม่ไปอีกละ เอาไงดีละคราวนี้ ขวัญลังเลใจเต้นแรงมากขึ้น ในห้องที่เงียบและมีเพียงแสงสลัวกับเสียงลมหายใจของเขาและเธอ
“คืนนี้ขวัญต้องออกงาน”
ควับ! “งาน?” ร่างกายตอบรับหันกลับมาดวงตาเบิกกว้างเมื่อต้องเจอกับใบหน้าคมสันที่โน้มลงมารออย่างรู้อนาคต....
ลมหายใจหอมอ่อนๆของคุณฟงเป่ารดที่ใบหน้าขาวที่ตื่นนิดๆ ดวงตากลมยังคงเบิกกว้างจับจ้องมองทุกอย่างบนใบหน้าของคนที่สูงกว่าที่โน้มลงมาใกล้มาก ความใกล้ชิดที่มากกว่าครั้งไหนๆตั้งแต่ที่อยู่ด้วยกันมา
และภาพจากความฝันที่ยังตกค้างอยู่ในความทรงจำของหญิงสาวก็ปรากฎขึ้น ใบหน้าเห่อร้อนจนแดงจัด
ยามที่เธอกำลังควบกลืนกินร่างใหญ่อยู่ด้านบนขยับโยกไปมาซ้ายขวาบนลงล่างสลับไปมาอย่างเมามันส์ ซึ่งขวัญไม่รู้เลยว่าไปเอาบทรักท่าแบบนี้มากจากไหน ยิ่งยามที่แท่งเนื้อขนาดใหญ่ที่ผลุบๆโผล่ๆเป็นจังหวะตามแรงโยกแรงขยับของสะโพกของเธอแล้ว แค่คิดต่อร่างกายเธอก็แปลกๆ และภาพแก่นเนื้อขนาดใหญ่สะท้อนก็ยิ่งแจ่มชัดมากคิดจนเธอหายใจไม่สะดวกเมื่อเข้าของภาพมโนอยู่ใกล้แบบนี้
“ขวัญ!” และทุกอย่างก็มืดลงอย่างเฉียบพลัน
“นี่คือ?” คำถามเสียงบางเบาของขวัญที่พึ่งฟื้นขึ้นมาจากการหมดสติกะทันหัน
“คุณฟงให้ป้าเอามาให้และบอกให้ป้าเข้ามาช่วยคุณขวัญแต่งตัว” ขวัญเปลี่ยนสีหน้าทันทีและค่อยๆขยับพยุงตัวขึ้นจากเตียงนอนที่เธอไม่สงสัยเลยว่าใครเป็นคนพาเธอมาที่นี่
สาเหตุของการเป็นลมหมดสติไปนั่นก็คือว่า...ทำไมคุณฟงผู้หยิ่งยโสถึงดูเปลี่ยนไป เขาเข้าถึงเนื้อถึงตัวเธอมากเหลือเกินแล้วเธอเป็นลมหมดสติไปได้อย่างไรกันแต่ตอนนั้นเธอรู้สึกถึงการเต้นของหัวใจที่รุนแรงมาก มากกว่าครั้งไหนๆ อะไรเป็นสาเหตุกันแน่ระหว่างการนอนไม่เพียงพอเพราะความฝันบ้าๆ หรือสิ่งที่ได้ยินพี่น้องฝาแฝดคุยกัน แต่ทั้งหมดนั้นก็เกี่ยวข้องกันทั้งนั้น
“ป้าภา...” ขวัญทอดกายลงนอนอีกครั้งเมื่อรำลึกสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นกับคำพูดของเขาตอนนั้น “ขวัญรู้สึกไม่ค่อยสบาย...” ควับ! พูดจบพร้อมกับดึงผ้าห่มผืนใหญ่คลุมโปงทันที
ป้าภาทำทีจะเอ่ยอะไรก็ต้องเงียบลงเมื่อร่างสูงปรากฎตัวขึ้น ป้าภาจึงต้องเป็นฝ่ายเดินออกจากห้องตามสัญลักษณ์มือของคนที่พึ่งเข้ามา
ฮะแฮ่ม!!! !!!! เสียงกระแอมทำให้คนที่อยู่ใต้ผ้าห่มโผล่ออกมาทันที
“ขวัญไม่ค่อยสบายอยากพักค่ะ”
“พักยาวจวบจนงานโรงเรียนที่อยากไปด้วยมั้ย” ดีแลนพูดพร้อมกับเดินเข้าไปนั่งบนเตียงข้างกายครึ่งร่างที่อยู่ใต้ผ้าห่ม ขวัญเบิกตากว้าง เธอพึ่งจะเป็นลมล้มพับมาเองเพราะความใกล้ชิดกันแบบนี้ในที่รโหฐาน
“เข้าใจแล้วค่ะ...เอ่อ คุณฟงถอยไปหน่อยได้มั้ยคะ” เสียงเบาไปอีกและร่างใต้ผ้าห่มพยายามจะขยับถอยออกห่างเสียเอง เมื่อคนที่เธอขอร้องยังคงนิ่งเฉย ดีแลนยกยิ้มมุมปากน้อยๆ เมื่อเห็นอาการเอียงอายตัวสั่นๆของคนตรงหน้า
“ไม่อยากเชื่อว่าเด็กวัยแบบขวัญจะอินโนเซ้นท์” คำพูดแบบนี้ทำให้สาวน้อยเลือดขึ้นหน้านิดๆเสียแล้ว
“แล้วคุณฟงไม่ใช่ด้วยเหรอคะ ถ้าคำว่าอินโนเซ้นท์ เราสองคนเข้าใจตรงกันว่าคือเวอร์จิ้น” ดีแลนหลี่ตาทันที ยายเด็กนี้จริงๆด้วยที่แอบฟังพวกเขาเมื่อคืนนี้
“ควรให้ลาออกจากโรงเรียนดีมั้ยที่ไม่สอนมารยาทผู้ดีติดตัวให้แก่ศิษย์เสียบ้าง” ขวัญทำหน้ามู่ทู่กลับไปทันทีซึ่งเธอทำได้แค่นั้น
พึ่บ! ดีแลนในชุดสูทหรู ปกติเขาก็เนี๊ยบอยู่แล้วแต่วันนี้ทุกอย่างคูณสองทำให้เขาเป็นดั่งเทพบุตรบนสวรรค์ที่แปลงกายมายังโลกมนุษย์
ดีแลนมองหญิงร่างบางในชุดเดรสสีขาวบริสุทธิ์ เป็นชุดที่เหมาะกับขวัญจริงๆ ปกติขวัญจะไม่แต่งหน้าแต่ค่ำคืนนี้เธอกลับแต่งหน้าอ่อนๆ ดูมีออร่าเปล่งประกายมากขึ้น เสื้อผ้าหน้าผมผ่านร้อยเต็มร้อย เด็กคนนี้เป็นผลงานชิ้นดีของธรรมชาติอีกชิ้นหนึ่งจริงๆ
“คุณฟง พวกเครื่องประดับไม่ใส่ได้มั้ยคะ”