ท่านหญิงลั่วที่มิได้มาร่วมงานแต่งงานของท่านแม่ทัพโจว เกิดอยากเห็นใบหน้าของสตรีที่แต่งกับท่านแม่ทัพโจวขึ้นมาซักคราหนึ่ง นางอยากรู้ว่าสตรีนั้นมีดีอันใดกว่านางหรือ ท่านแม่ทัพรูปงามจึงปฎิเสธนางเรื่อยมา นางใกล้จะพ้นวัยแต่งงานแล้ว หากว่ามิได้แต่งเป็นภรรรยาเอกนางย่อมมิอาจแต่งออกไปเป็นอนุรอง ท่านหญิงลั่วยืนกายสั่นระริกถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาแล้ว
“อิ่นเซิง เหตุใดท่านจึงใจร้ายนัก วันวานที่ผ่านมา ท่านรอคอยสตรีผู้นั้นมิใส่ใจข้า หากว่าท่านตบแต่งข้าตั้งแต่ยามนั้น ป่านนี้พวกเราสองคนย่อมมีบุตรออกมาวิ่งเล่นอยู่ในจวนแล้ว ท่านคงมิต้องออกไปที่ชายแดนเฉกเช่นนั้น ท่านมันใจร้ายนัก โจวอิ่นเซิง “
ลั่วอี้ชิงทุบต้นเถาฮวาในจวนของนางจนมือเจ็บ นางปลูกดอกไม้นี้ขึ้นมาพร้อมกับแม่ทัพโจวในยามเยาว์ แม่ทัพโจวในยามนั้นทำสิ่งใดก็จะเดินตามนางไปทุกที่ มิคิดว่าหลังจากที่แม่ทัพโจวนั้นขึ้นเป็นแม่ทัพและแม่ทัพผู้พ่อนั้นตกตายลงไปในข้ามราตรีหนึ่ง โจวอิ่นเซิงก็มิสนทนากับนางอีก กลอนนกคู่รักก็มิตอบกลับมาต่อนาง
หัวใจของลั่วอี้ชิงแตกละเอียดลงไปโดยมิมีเหตุผล โจวอิ่นเซิงและสกุลโจวเกิดเรื่องมากมายในหลายปีนี้ ท่านพ่อเองก็แปลกไปคอยแต่จะไต่ถามว่านางนั้นสนทนาสิ่งใดบ้างกับโจวอิ่นเซิง ทั้งที่นางนั้นหวังเอาไว้ว่า อีกมินานนางจะได้เป็นเจ้าสาวของอิ่นเซิงแล้ว
เมื่อมีสงครามที่ชายแดนเหนือ นางไปส่งบุรุษออกนอกเมืองไปและร่ำไห้อยู่เช่นนั้น ยามนั้นเสียใจจนหัวใจแทบขาด บุรุษมิสนทนากับนางอีกเลยแม้แต่ครึ่งคำ ยามที่สงครามสงบลงแล้ว มิคาดว่านางกลับได้ข่าวร้าย ว่าแม่ทัพโจวนั้นแต่งกับสตรีสาวชาวบ้านป่าที่หมั้นหมายเอาไว้โดยบิดาของแม่ทัพโจว ด้วยหยกประจำการของแม่ทัพโจว หยกที่นางเคยขอเพื่อดูชม แต่ทว่าโจวอิ่นเซิงมิเคยให้
”หยกของข้ามีความลับ ลวดลายของหยกประจำการนั้นมีข้อความลับที่ฝ่าบาทพระราชทานให้ พอถึงยามคับขันผู้ใดจะรู้ถ้อยคำนี้มิได้ จนกว่าจะถึงยามที่ข้านั้นต้องใช้มัน “
ในยามนั้นนางนำกลับมาเล่าขานต่อท่านพ่อ ท่านพ่อของนางนั้นกลับไต่ถามนางขึ้นมา
”แล้วเจ้ารู้หรือไม่ ว่าหยกนั้นสุดท้ายแล้วสลักเอาไว้เช่นใด “
”มิรู้เจ้าค่ะท่านพ่อ อิ่นเซิงนั้นซุกซ่อนมันเอาไว้ มิให้ข้าดูชมอีก ทั้งข้อความนั้นก็มิบอกลูกอีกด้วย ช่างน่าโมโหนัก คอยดูเถิดท่านพ่อ ข้าจะต้องรู้มันให้ได้ “
”อ้อ ฮ่า ฮ่า ฮ่า หยกพวกนี้มีคำสั่งเฉพาะ ใช้สั่งการเหล่าแม่ทัพ หากว่าเจ้าค้นพบได้ก็มาบอกพ่อด้วยเสียเล่า พ่อจะขยายความต่อไปให้เจ้าฟัง ว่าข้อความนั้นคือสิ่งใดกันแน่ “
”เจ้าค่ะ ท่านพ่อ ข้านั้นจะล่อลวงอิ่นเซิงด้วยความงดงามของข้า แล้วนำข้อความนั้นมาให้ท่านพ่อถอดความนะเจ้าคะ “
”อรืม เด็กดี เมื่อถึงยามนั้นเจ้าคงสำคัญมากต่อแม่ทัพโจว เพราะข้อความลับนั้นคือข้อความของนักรบเผยแพร่ออกไปมิได้ แต่เจ้าคือท่านหญิงลั่ว เรื่องราวในบ้านเมืองนี้ อันใดจะรู้ความมิได้กัน เรื่องนี้ง่ายดายนัก เพียงมิบอกผู้ใดออกไปก็พอแล้ว มิมีผู้ใดรู้ฝ่าบาทจะลงโทษเจ้าได้อย่างไรกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า “
ในยามนั้นนางมีความสุขมาก ท่านพ่อจะไต่ถามเรื่องราวของอิ่นเซิงไปทุกวัน ท่านพ่อเองก็คงคาดหวังในตัวของอิ่นเซิงมาก ด้วยอิ่นเซิงนั้นคือแม่ทัพหนุ่มที่รูปงาม แต่หลายปีมานี้นั้น อิ่นเซิงออกไปรบแล้วแปรเปลี่ยนไปมา เกิดสิ่งใดขึ้นมาในสนามรบกันแน่ แล้วสกุลโจวนั้นเกิดเรื่องใดกันแน่ อิ่นเซิงจึงมิสนทนากับนางอีกต่อไป ลั่วอี้ชิงทุ่มกระถางดอกไม้จนแตกละเอียดและหวีดร้องเสียงดังลั่นขึ้นมา
หากเป็นยามก่อน ท่านพ่อของนางคงมาปลุกปลอบแล้ว แต่ในยามนี้ ท่านพ่อนั้นให้นางและท่านแม่นั้นแยกเรือนออกมา และท่านพ่อนั้นได้รับบุตรชายของอนุขึ้นเป็นผู้สืบทอดต่อไปแล้ว แม้แต่การแต่งงานของนางท่านพ่อนั้นก็มิใส่ใจอีกต่อไป แต่นางหรือจะเป็นอนุของผู้ใดได้ ผู้อื่นคงหัวเราะนางไปทั้งเมือง
“ฮึ่ก อิ่นเซิง เหตุใดจึงมิบอกสิ่งใดเลย เหตุใดเจ้าจึงทอดทิ้งข้าไปเช่นนั้น ”
ลั่วอี้ชิงร่ำไห้จนน้ำตาเป็นสายเลือด นางทุกข์ทรมานกับความรักที่เลื่อนลอยนี้เสียแล้ว
“หรือที่แท้เพราะสกุลโจวติดหนี้เลือดกับสตรี้บ้านป่านั้นอยู่กัน แต่สตรีบ้านนอกเฉกเช่นนั้น แต่งนางขึ้นเป็นอนุรองก็พอแล้ว อิ่นเซิงนั้นมีความลับใดที่บอกนางมิได้กัน ทั้งที่ตลอดมานั้น ท่านพ่อของนางนั้นก็รักอิ่นเซิงเสมือนเป็นบุตรของตนเองไปเสียแล้ว หรือเพราะราชสำนักนั้นมีเรื่องราวอันใดแน่ นางนั้นเป็นสตรีจะไต่ถามผู้ใดออกไปได้กัน“
ลั่วอี้ชิงทุบฝ่ามือลงไปในผืนดินนับสิบครา จนสาวใช้ของนางมาพบเข้าจึงเร่งดึงฝ่ามือของนางขึ้นมา เอ่ยอย่างตระหนกขึ้นมาสิ้น
”ท่านหญิงท่านอย่าทำร้ายตนเองเฉกเช่นนี้ หากพระมารดามาพบเข้า พระมารดาคงเสียใจต่อท่านมาก ในยามนี้ท่านผ่านเรื่องราวมามากแล้ว เหตุใดท่านหญิงจึงมิรักษาใจให้ดี แล้วใช้ช่วงเวลานี้ปลุกปลอบพระมารดาเสียเล่าเจ้าคะ ท่านมิรักพระมารดาแล้วหรือเจ้าคะ“
”ฮึ่ก รักผู้ใดมิรักผู้ใดแล้วอย่างไรกัน ท่านแม่นั้นรักแต่ท่านพ่อ แต่ท่านพ่อนั้นอยากได้เพียงทายาทสืบสกุล เพียงเพราะต้องการให้ซื่อจื่อน้อยมีมารดาอยู่เคียงข้าง ก็ถึงกับปลดท่านแม่ลงจากตำแหน่งชินหวางเฟย สตรีที่เคยสูงส่งเช่นท่านแม่ จะมีชีวิตต่อไปได้เช่นใด มินับรวมว่าข้าจะแต่งไปกับบุรุษต้อยต่ำที่ใดได้ ข้านั้นคือท่านหญิงของสกุลลั่วแท้ๆ แต่ท่านพ่อนั้นก็ขับไล่ข้าออกมา ท่านหญิงผู้หนึ่งตกต่ำแล้ว ต่อไปข้าจะแต่งกับบุรุษชั้นสูงได้เช่นใดกัน สตรีที่ตกต่ำเช่นนี้จะมีที่ยืนที่ใดได้อีกกัน โฮ ท่านพ่อมิใส่ใจเลย ข้านั้นเพียงเกิดเป็นสตรี แต่สตรีชั้นสูงเฉกเช่นข้า สมควรแล้วหรือที่จะต้องถูกบิดาทิ้งขว้างเฉกเช่นนี้ “
”ท่านหญิง โถ่ ท่านหญิง “
ท่านหญิงลั่วร่ำไห่ฟูมฟายออกมามิจบสิ้น ก่อนที่สตรีชราผู้หนึ่งจะลักลอบส่งข่าวสารออกไป นางยิ้มเยาะคนขึ้นมาและเร้นกายหายไปเสียแล้ว
”ฮ่า ฮ่า ฮ่า สกุลลั่วจะต้องพบจุดจบลงไปในมิช้า อีกมินานกรรมต้องสนองกลับผู้คนแล้ว “
หญิงชราหัวเราะขึ้นมาแล้ว เดินไปตามทางที่หลังจวน นางยิ้มเยาะขึ้นมาอีกครั้ง ที่สตรีโง่เขลานั้นยังมิรู้ว่าตนเองนั้นถูกทอดทิ้งเช่นนี้ เพราะมิใช่สายเลือดจริงๆของลั่วชินหวางหรอก ในยามนั้นลั่วชินหวางแย่งชิงสตรีของผู้อื่นมา ด้วยต้องการขุมกำลังจากฉางซี
สุดท้ายแล้วบุตรีของแม่ทัพของฉางซีนั้นก็เคยมีบุรุษอยู่ก่อนแล้ว แต่ทว่าลั่วชินหวางนั้นกลับใช้อุบายเข้าไปในกระโจมของนางแล้วหลับนอนกับนางเสีย ต่อมาบุรุษของนางสิ้นใจในสนามรบไป ลั่วชินหวางจึงรับสตรีนางนั้นแต่งเข้ามาในวัง มินานนางก็มีบุตรสาว ขุมกำลังของฉางซีก็ติดตามรับใช้นายของมัน
แต่ต่อมานั้นจากทัพสุดท้ายในภาคกลาง ทหารของฉางซีถูกสังหารไปจนสิ้น ลั่วชินหวางมิเพียงมิเสียใจ แต่ทว่ายังมิทุกข์ร้อนใดๆอีก ต่อมาก็มีอนุรองขึ้นมาอีกหลายคน และหนึ่งในนั้นก็ให้กำเนิดบุตรชายน้อยๆหน้าตาคล้ายคลึงตนเองขึ้นมา
ลั่วชินหวางฟูมฟักบุตรชายมานานปี จนถึงยามที่บุตรชายนั้นเริ่มต้องการอาจารย์แล้ว แทนที่ชินหวางเฟยจะได้รับเลี้ยงบุตรชายของอนุ กลับกลายเป็นว่าทั้งชินหวางเฟยและท่านหญิงนั้น ถูกลั่วชินหวางขับไล่ออกไปจากวัง บุตรสาวกาฝากของนางก็ถูกขับไล่ไปตามกัน เรื่องนี้น่าตลกมากมายยิ่ง