ตอนที่ 4 วิญญาณปริศนา 2/2

2866 Words
กลิ่นอายที่ชวนขนหัวลุก มันส่งมาที่หญิงสาวโดยตรง อย่างกับว่ามีดวงตาคู่ใหญ่กำลังจับจ้องมาที่เธอไม่วางตา มันเป็นดวงตาที่แข็งกร้าว แถมยังเป็นไปด้วยแรงอาฆาตอย่างที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ชวนให้อยากจะอาเจียนนำของเก่าออกมาเสียตอนนี้ “คุณเป็นใครครับ?” เสียงทุ้มลึกเรียกให้ดวงตาที่ยังค้างเติ่งเสไปดูที่มาของเสียง แต่ก่อนจะตอบจะต้องให้แน่ใจเสียก่อน ว่าที่ทักทายมาหา เป็นมนุษย์หรือไม่ใช่ “คุณได้ยินที่ผมพูดหรือเปล่า ผมถามว่าคุณเป็นใคร?” ร่างบึกบึนในชุดสูทเต็มยศ มันไม่มีอะไรเหมาะกับวิวรอบข้างเลยสักนิด เสียงอยู่ในระดับปกติ ไม่ได้มีกระแสที่แปลกประหลาดอย่างที่เคยพบประจำ ดวงตายังคงมีสีสัน ไม่นิ่งสงัดราวกับไม่มีชีวิต ใบหน้าเข้มด้วยผิวสีแทน แต่งแต้มด้วยเม็ดเหงื่อไหลตกไปข้างใบหู ทุกอย่างล้วนแล้วแต่มีเพียงมนุษย์เท่านั้นที่ทำได้ โดยเฉพาะ เงาของเขากำลังฉายอยู่บนพื้นของเจ้าของ ‘คนสินะ’ “ฉัน... มาตามที่อยู่ค่ะ” พอเริ่มแน่ใจอะไรหลายอย่าง สิงหาจึงเอามือถือของตนและข้อความที่ได้รับไปให้ผู้มาทักทายดู “ใช่ที่นี่หรือเปล่าคะ?” อาทิตย์มองดูหญิงสาวที่มีแผนที่ของไร่แห่งนี้ พร้อมเจ้าของข้อความก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เลขาหน้ามนคนกวนประสาทของเจ้านายตนนั่นเอง แต่ไม่เห็นรู้เรื่องว่าจะมีใครมาเลยนี่สิ “ผมขอโทรถามก่อนนะครับ” อาทิตย์ใช้มือถือของเจ้าหล่อนนั่นแหละ กดโทรออกหาเจ้าของข้อความทันที และสิ่งที่ได้รับ “แกมีเมียตั้งแต่เมื่อไหร่วะนที” “เดี๋ยวค่ะ เดี๋ยว ๆ ๆ” สิงหารีบกระโดดคว้ามือถือของตัวเองทันที ดูเหมือนชายผู้นี้จะเข้าใจผิดไปไกล “ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะคะ” “ผมก็แค่ตั้งข้อสมมุติฐานเฉย ๆ เองครับ ไม่ใช่ก็จบ” อาทิตย์ตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “แล้วสรุปคุณนัดกับนทีไว้ใช่หรือเปล่าครับ?” “สักครู่นะคะ” เมื่อเห็นปลายสายยังต่ออยู่ สิงหาเลยจัดการถามเรื่องรายละเอียดให้ครบถ้วน “โอเคค่ะ เจ้านายของคุณให้ฉันเข้าไปด้านในได้” “หมายถึงนทีเหรอ?” “ก็ใช่สิคะ เขาเป็นเจ้านายคุณไม่ใช่เหรอ?” “ผมมีเจ้านายคนเดียวครับ ถ้าไอ้นที แค่เพื่อนร่วมงาน กรุณาทำความเข้าใจเสียใหม่” อาทิตย์เริ่มมีความหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย จนคิ้วเข้มขมวดเบา ๆ เมื่อได้ยินว่าตัวเองเป็นลูกน้องของไอ้เลขาจอมกวนประสาทนั่น! “อ่อ... รับทราบค่ะ” หญิงสาวจะไม่รู้ก็ไม่แปลก เพราะเจ้านทีอะไรนั้นแทบจะไม่ให้ข้อมูลอะไรกับเธอเลย และยังแอบหมั่นไส้เจ้าตัวล่ำบึ้กผู้นี้ขึ้นมานิดหน่อยแฮะ ถ้าไม่ติดว่าเป็นคนแม่จะซัดให้หงาย! เก่งแต่กับผีนั่นแหละ ร่างสูงใหญ่เดินนำ ใช่ แค่เดินนำ สัมภาระอะไรเขาให้เจ้าหล่อนจัดการด้วยตัวของเธอเอง เพราะมันไม่ใช่หน้าที่ แถมทางก็เป็นหญ้านิ่ม ๆ ลำบากต่อการลากกระเป๋าใบใหญ่ของเธอเป็นอย่างมาก ท้องฟ้าที่เคยสว่างสดใส จู่ ๆ ก็มืดลงกะทันหัน ไม่ใช่เพราะเมฆมาบังพระอาทิตย์แต่อย่างใด ไอ้ความเย็นวาบที่เข้ามาปะทะสันหลังทั้งเส้นของหญิงสาว เธอจนจำมันได้ดี มือเล็กที่ประคองกระเป๋าเดินทางมาเป็นร้อยกิโลเมตรอย่างทะนุถนอม ตอนนี้ถึงกับต้องยอมปล่อยมันลงอย่างง่ายดาย หันไปมองความน่าขนลุกที่ลอยเคว้งอยู่ใกล้ ๆ เงาดำขนาดใหญ่อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน มันมีทั้งกลิ่นอายของความอาฆาต และกลิ่นเหม็นจะคละคลุ้งไปทั่ว จนเธอต้องเอามือทั้งสองมาปิดทั้งปากและจมูกของตนเอาไว้ “ไม่ไปเหรอคุณ?” อาทิตย์หันมาด้วยความสงสัย ร่างเล็กหยุดเดินไปเสียดื้อ ๆ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีอะไรผิดปกติสักนิด “น่าสะอิดสะเอียนเป็นบ้า!!” ร่างเล็กสั่นไปทั้งกาย ตั้งแต่เกิดมาเธอไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อนเลยสักนิด เมื่อตอนยังเล็ก เธอเห็นก็คิดว่ามันน่ากลัวแล้ว แต่ตอนนี้มันยิ่งกว่า “หมายถึงอะไรคุณ ช่วย...” “ฝากกระเป๋าด้วยค่ะ!” เสียงที่ดูกระวนกระวาย กับท่าทีที่แตกตื่น สิงหาสลัดเอากระเป๋าเป้ใบใหญ่ออกจากหลังทันที ก่อนจะค้นเอายันต์สีแดงที่เหลือเพียงไม่กี่ใบขึ้นพร้อมสู้ ไม่รู้หรอกว่าเจ้าเงาดำนั้นจะไปไหน แต่ที่ที่มันจะไป ต้องมีคนตายแน่! ชายหนุ่มเจ้าของไร่กำลังเดินดูความภาคภูมิใจของตน เจ้ากิ่งองุ่นไซมัสแคท ที่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น กำลังแตกกิ่งเป็นก้างปลาสวยงาม แถมยังเจริญเติบโตไวอีกต่างหาก เลยทำให้ทุกครั้งที่มาเดินโรงเรือนแห่งนี้ ออสมักจะมีความสุขจนลืมเวลาอยู่เสมอ “จุ่มโฮร์โมนแล้วใช่หรือเปล่าครับ?” ออสหันไปถามคนงานที่กำลังจะดัดกิ่งให้ไปในทิศทางที่ต้องการของเจ้านาย “อย่าลืมนะครับ มันมีผลต่อขนาดของลูกองุ่น” “ครับนาย ทุกช่อจะถูกดูแลอย่างดีครับ” พอเห็นคนงานตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ ออสก็เบาใจ เพราะโดยนิสัยแล้ว เขาค่อนข้างเคร่งครัดในเรื่องงาน หากมีอะไรผิดพลาดเล็กน้อย มันจะทำให้เขาอารมณ์เสียไปทั้งวัน! “ขอบคุณครับ อีกสัก 10 วันค่อยจัดการใหม่อีกรอบ” แต่ที่ทำให้คนงานประทับใจ ก็คงเป็นความเป็นกันเองของเขานี่แหละ อีกทั้งความฉลาดที่สร้างอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ทำให้ทำงานได้ง่ายขึ้น ความผิดพลาดก็น้อยลงอีกด้วย กลายเป็นเจ้าของไร่ที่มีคนงานในไร่รัก แต่ก็มีเอ็นดูแอบแซวอยู่บ่อยครั้ง “ได้นอนบ้างหรือเปล่าครับคุณออส?” เสียงตะโกนไล่หลังมา ออสทำได้แค่หันไปยิ้มและก้มหัวให้เป็นคำตอบ “มีเมียได้แล้วนะครับ อยู่คนเดียวเหงาแย่” คนงานที่กำลังเดินผ่านก็ไม่วายจี้ใจดำ “นั่นสิคะ คุณออสควรหาใครสักคนมานอนข้าง ๆ ได้แล้ว จะได้หลับสบาย ๆ” ป้าจิตที่ดูแลเรื่องตกแต่งกิ่งอีกคนก็เอ่ยปากเรื่องเดิม “ครับ ๆ ผมจะรีบหา” แน่ล่ะ มันเป็นคำพูดที่เขาพูดบ่อยที่สุดแล้ว และพูดมายาวนานนับปีได้ แต่สุดท้ายก็ไม่มีคนนอนข้าง ๆ เสียที หากถามว่าอิจฉาเพื่อนของตนหรือไม่ ที่ได้นอนกอดแฟนเด็กทุกวัน ก็มีบ้าง แต่ใครจะมาอยู่กับคนแบบเขาได้กัน ในหัวตอนนี้นอกจากเรื่องงานในไร่แล้ว ก็แทบไม่มีเรื่องอื่นมาทำให้เขาสนใจเลย เงาดำทมิฬล่องลอยตามหาเป้าหมาย จนกระทั่งได้เห็นเป้าหมายที่ตามหามาพักใหญ่ ที่แห่งนี้ไร้เจ้าที่ จะบอกว่าไม่มีก็ดูจะใจร้ายเกินไปหน่อย ให้เรียกว่าไม่ถูกดูแลจะเหมาะกว่า จากชายชุดขาวร่างโต ตอนนี้เหลือเพียงตัวเท่าก้านไม้ขีด เพราะเจ้าของไม่คิดจะเลี้ยงดูเพิ่มความสัทธาแก่ท่าน เลยไม่มีพลังอำนาจที่มากพอจะปกป้องจากสิ่งอันตรายนี้ได้ ร่างสูงโปร่ง กำลังเดินดูโรงเรือนอีกแห่งอย่างสบายอารมณ์ เขาไม่รู้เรื่องว่าตอนนี้ตนกำลังตกเป็นเป้าจากความอาฆาตของวิญญาณกลุ่มใหญ่ สิ่งที่มันต้องการก็คือชีวิตของชายผู้นี้ ไม่ได้มีความแค้น แต่เพราะเป็นคำสั่งที่ขัดไม่ได้ มีแต่ต้องทำเท่านั้น “อย่า!!” ร่างสีขาวปรากฏขึ้น พยายามปกป้องยอดดวงใจของตนเอาไว้ แต่เพราะนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกชายของเธอถูกหมายหัว และครั้งนี้ก็ดูจะรุนแรงกว่าครั้งไหน ๆ พลังที่สั่งสมมานานก็เหลือไม่มาก หากจะปกป้องแล้วตนต้องสลายไป แม่ผู้นี้ก็ต้องยอม! “ออส หนีไป!” แม้จะเอื้อนเอ่ยดังแค่ไหน แต่เพราะอยู่กันคนละโลก คนเป็นกับคนตายไม่สามารถสื่อสารหากันได้ แต่ถึงกระนั้น เธอก็ยังจะกู่ร้องจนสุดเสียง เสียงที่แสนอบอุ่น แต่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันกระทบเข้าโสตประสาทของหญิงสาวที่วิ่งไม่หยุด ทำให้เธอสามารถตามหาเป้าหมายของกลุ่มเงาดำปริศนาได้ ร่างสูงที่เคยถูกวินิจฉัยว่าปกติทุกอย่าง มีเพียงความเครียดและอ่อนเพลียเท่านั้น กำลังถูกเงาดำกลืนกิน แม้หญิงร่างขาวรายล้อมไปด้วยแสงสว่างจะพยายามฝืนช่วยสักเพียงใด ก็ไม่สามารถหยุดเงาอันชั่วร้ายนี้ได้เลย “โอ๊ย!!” มนุษย์ร้องเสียงหลง เพราะจู่ ๆ แรงบีบอัดที่อกด้านซ้ายก็เริ่มแน่นขึ้น จนไม่สามารถทรงตัวอยู่ได้ “อะไรอีกวะ!?!” ร่างสูงค่อย ๆ ทรุดลงอย่างช้า ๆ พร้อมมือที่กุมอกด้านซ้ายเอาไว้แน่น ก่อนจะมีอาการลมตีขึ้นมาจุกที่ปาก พร้อมพ่นของเหลวสีแดงผสมสีดำออกมาเต็มพื้นไปหมด “คุณออส! เป็นอะไรไปครับ” คนงานใกล้ ๆ เริ่มเห็นอาการผิดปกติ ก็รีบรุดเข้าไปหมายจะช่วยเหลือผู้เป็นนาย “ห้ามจับนะคะ ห้ามจับตัวเขาเด็ดขาด!!” เหมือนฟ้าจะยังเข้าข้าง สิงหามาถึงทันเวลาพอดี ไม่อย่างนั้นก็คงมีคนเจ็บตัวอีกหลายคน ร่างเล็กสาวเท้ายาว ๆ เข้าไปหาต้นตอของเรื่อง ตอนนี้เขาโดนปกคลุมไปด้วยเงาดำ ไม่รู้ว่ามีจิตอาฆาตกี่ตน แต่ที่รู้แน่ ๆ คือชายที่อยู่ด้านในกำลังแย่ “แล้วแบบนี้จะช่วยอย่างไรล่ะหนู” ลุงคนหนึ่งถามขึ้น “มีแค่ฉันที่ช่วยได้ค่ะ ช่วยออกไปห่าง ๆ หากได้ยินเสียงอะไรแปลก ๆ ห้ามทักเด็ดขาดนะคะ ถ้าไม่อยากตาย!” เธอไม่ได้ขู่ แต่เธอแค่เตือน สายสิญจน์สีแดงค่อย ๆ เปล่งแสงออกมา แน่นอนว่าคนธรรมดาไม่สามารถมองเห็น มันทำมาจากโลหิตของผู้มีอาคมทั้ง 4 (ก็พี่ชายทั้งหลายของเจ้าหล่อนนั่นแหละ) มันแข็งแกร่งมาก มากพอที่จะจัดการกับอวิชชาตรงหน้าได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องเรียนรู้วิชาอาคมเลยด้วยซ้ำ! มือเล็กของเธอทั้งจับ ทั้งผลัก ทั้งตบเงาดำที่เกาะตามร่างชายหนุ่มออกทีละชิ้น เพื่อให้ได้มีช่องว่างมากพอที่จะส่งยันต์ของตนเข้าไปด้านใน “อดทนหน่อยนะคุณ!” ยันต์สีแดง นอกจากจะถูกปลุกเสกมาอย่างดีแล้ว ยังถูกร่ายคาถา 8 ทิศเอาไว้ด้วย แม้จุดประสงค์ของมันจะเพื่อให้หญิงสาวใช้ป้องกันตัวเอง แต่เจ้าหล่อนก็เล่นแจกเขาไปทั่วด้วยความสงสาร ทำให้เหลือแค่ไม่กี่ผืนแล้วตอนนี้ ดวงตาที่หนักจนแทบลืมไม่ขึ้น ภาพของคนตรงหน้ามันช่างเหนือกว่าที่จินตนาการเอาไว้ เพื่อนสนิทของตนเคยบอกเอาไว้ว่า หากได้เจอใครสักคนแล้ว จะสามารถรู้สึกได้ทันที แล้วแบบนี้ล่ะ ใช่หรือเปล่า? สีหน้าที่ดูห่วงใยเขาเป็นพิเศษ คิวสวยเรียงตัวกันพอดีขมวดมุ่น พร้อมกับดวงตากลมโตจ้องมองเขาดั่งจะเข้ามาสิงในร่าง ริมฝีปากที่ขยับทั้งเร็วและแรง มันทำให้หูที่กำลังอื้อค่อย ๆ เปิดออก “นี่คุณ!! ตื่นขึ้นมาค่ะ อย่าหลับเด็ดขาดนะ ถ้ายังไม่อยากโดนพวกมันเอาตัวไป ห้ามหลับนะ!” สิงหาพยายามปลุกสติที่กำลังเลือนหายไปของชายหนุ่มให้ตื่นขึ้น ร่างกายของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยยันต์สีแดง เจ้าหล่อนแปะเอาไว้แทบทุกส่วนเท่าที่ยันต์ของเธอจะเหลือ แต่พอเห็นชายหนุ่มที่เธอช่วยแทบตายกำลังจะหลับไป ก็ใจเสียขึ้นมากกว่าเก่า “โธ่เอ๊ย!” หลังจากที่เอาเงาดำปริศนาออกไป แต่ดูเหมือนว่าชายคนนี้อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่จะให้นอนตรงนี้ก็ดูจะเสี่ยงเกินไป เธอเลยมองหาคนที่พอจะช่วยได้ “คุณ... มาช่วยฉันหน่อย” แต่ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถช่วยได้ อย่างน้อยก็ต้องมีดวงที่แข็งพอที่ไม่โดนสิงสู่ง่าย ๆ แม้เงาดำนั้นจะออกไป แต่สิงหายังสัมผัสได้ว่ามันยังอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ “คุณด้วย มาช่วยฉันหน่อย ต้องแบกเขาไปที่พัก” สิงหาชี้ไปที่อีกคนซึ่งยังมีพลังชีวิตเต็มเปี่ยม มันแสดงออกมาอย่างชัดเจนด้วยออร่ารอบกายที่นาน ๆ เธอจะได้พยายามมองมันสักครั้ง อาจจะไม่ได้เก่งเหมือนอย่างพี่ ๆ ของเธอก็ตาม ชายหนุ่มทั้ง 2 ซึ่งก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องเป็นตน ต้องเป็นคนช่วยหิ้วปีกเจ้าของไร่ไปที่ห้องด้วย ทั้ง ๆ ยังมีคนอีกตั้งมากมาย แต่คิดไปก็เท่านั้น เพราะในเมื่อหญิงสาวคนนี้เป็นคนสั่ง ก็มีแต่ต้องทำตาม ว่าแต่... เธอเป็นใครล่ะเนี่ย? “เกิดอะไรขึ้น!?!” บอดี้การ์ดเพียงหนึ่งเดียว วิ่งเข้ามาดูอย่างตื่นตระหนก เมื่อเห็นผู้เป็นนายอยู่ในสภาพไร้สติ “ห้ามจับนะคะ!” สิงหาร้องเตือน ก่อนที่ชายร่างใหญ่จะทำอะไรไม่เข้าท่า “คุณไม่สามารถจับตัวเขาได้ค่ะ ตอนนี้เขากำลังอยู่ในสภาพไม่น่าไว้ใจ ให้ฉันจัดการก่อน จากนั้นคุณจะทำอะไรก็เชิญ” “นี่คุณ เขาเป็นเจ้านายผมนะ เห็นแบบนี้คุณจะจัดการอะไรได้อีก มีแต่ต้องรีบพาส่งโรงพยาบาลเท่านั้น!” อาทิตย์ไม่ยอม ยังตะโกนลั่นจนคนที่กำลังทำงานอยู่ใกล้ ๆ เรือนไทยรีบออกมาดูสถานการณ์ด้านนอก “โรงพยาบาลเหรอ? รักษาไม่ได้หรอก เพราะสิ่งที่เขากำลังเผชิญ คือโรคกรรมต่างหาก” สิงหายังคงยืนยันเจตนาของตน ก่อนจะเดินนำขึ้นไปบนเรือน ประหนึ่งตนเองรู้ว่าเขาอยู่ห้องไหน “ช่วยมาบอกด้วยค่ะว่าเขาอยู่ห้องไหน” บอกเลยว่าอายมาก เดินมาอย่างมั่นใจขนาดนั้น! ไม่มีเสียงค้านจากใคร มีแต่ต้องยอมทำตามที่หญิงสาวแปลกหน้าสั่ง ร่างของออสถูกวางลงบนเตียงของตนอย่างช้า ๆ สติที่มีอันน้อยนิดถูกดับเป็นที่เรียบร้อย เหลือเพียงร่างไร้สติของตนนอนไม่รู้เรื่องอยู่ “ขอบคุณ” เสียงที่เธอเคยได้ยิน เอ่ยขึ้นทันทีที่เห็นว่าลูกชายของตนปลอดภัย แต่ไม่มีพลังมากพอจะปรากฏให้หญิงสาวได้เห็น สิงหาได้แต่ยิ้มเบา ๆ เป็นคำตอบ และมองดูชายที่หลับใหลอยู่บนเตียง “ทนอยู่แบบนี้ได้อย่างไรกันนะ” ไม่พูดเปล่า สิงหาเอายันต์ที่แปะอยู่รอบตัวของชายหนุ่ม มาแปะรอบห้องแทน ของมันเหลือน้อย ต้องใช้สอยอย่างประหยัด เหลือเพียงยันต์สีแดงใบใหญ่ ซึ่งแปะเอาไว้กลางอกกว้างของร่างสูงเท่านั้น “โอ๊ย!!” แรงปะทะรุนแรงที่เข้ามาชั่วขณะหนึ่ง ทำให้สายสิญจน์ข้อมือขวาของเธอขาดลง อาจจะเพราะเสื่อมสภาพตามกาลเวลา หรือไม่ก็มีอะไรบางอย่าง ที่ต้องการจะทำลายเธอด้วย! ดวงตาเข้มหลับอยู่นาน ค่อย ๆ เปิดขึ้นอย่างช้า ๆ พร้อมความกังวลใจแล่นเข้ามาชั่วครู่ คิ้วได้รูปขมวดเข้ม ไม่เพียงแค่เขา แต่อีก 3 คนก็รู้สึกเหมือนกัน “ไปทำเรื่องอะไรอีกล่ะ ยัยตัวป่วนสิงหา!” “พี่กระทิง ๆ สิงหากำลังมีภัย” เสียงเล็กน่ารักโผล่มาพร้อมกับร่างเด็กอ้วนผิวขาวมัดจุก แต่แต่งกายทันสมัย ไม่เคยเลยจะปล่อยวางของเล่นออกจากมือ จนทุกวันนี้ แทบจะไม่มองว่าเป็นกุมารทองอยู่แล้ว แถมไอ้ความช่างพูดนี่ก็ด้วย ไม่รู้ว่าไปเรียนมาจากใคร “ให้ทวิตชัยไปหาสิงหาดีมั้ย?” “ยังไม่ถึงเวลา” กระทิงตอบด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แม้ในใจจะเริ่มกังวลอยู่บ้างก็ตาม แต่ในเมื่อบอกแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับเรื่องพวกนี้ มันก็ต้องโดนสั่งสอนเสียบ้าง! “ถึงคราวจริง ๆ ค่อยไปช่วย ทวิตชัยเองก็ไม่ต้องเป็นห่วงเกินไป เดี๋ยวสิงหาจะเสียนิสัย เข้าใจหรือเปล่า?” “โธ่! ~ อดเจอสิงหาเลย” เด็กน้อยงอนแก้มป่อง หายวับไปพร้อมกับของเล่นในมือทันที กระทิงส่ายหน้าไปมา ไม่รู้ว่ากุมารทองที่อาจารย์ของตนส่งต่อมาให้เลี้ยง ไม่รู้จักโตบ้างเลยหรืออย่างไร เพียงแค่ไปเล่นกับสิงหาไม่กี่วัน ก็ติดนิสัยช่างพูดมาเสียแล้วแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องกังวล ที่น่าเป็นห่วงตอนนี้ก็คือ “ใครกัน ที่สามารถทำให้สายสิญจน์ขาดได้?”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD