13
“โอ๊ย!…” ปุณณ์ละปากห่างจากปากจิ้มลิ้มน่าจูบ ร้องอุทานเจ็บและจุก เมื่อกล่องดวงใจถูกเล่นงานโดยที่เขาไม่รู้ตัว
อักษราใช้สติและคิดหาทางออกได้สำเร็จ เธออาศัยจังหวะที่เขากำลังจูบตนเองอยู่ ใช้มือสอดเข้าไปตรงเป้ากางเกงของเขา รวบรวมความกล้าบีบตรงแก่นกายชาย จากนั้นก็ดึงสุดแรงเกิด ส่งผลให้ปุณณ์ถึงกับร้องจ๊าก
โอกาสหนีของเธอมาถึงแล้ว อักษรารีบลุกขึ้นยืนขยับผ้าถุงที่หล่นหลุดมาพันรอบอก ก้าวเท้าวิ่งไปยังประตูห้อง หนทางหนีทางเดียวของเธอ ทว่า…
“โอ๊ย!…โครม” คราวนี้เป็นเสียงของอักษราบ้าง เธอเดินไปไม่กี่ก้าวร่างสาวก็คะมำลงไปนอนวัดพื้น เป็นเพราะเธอลืมไปว่า มีโซ่คล้องข้อเท้าอยู่ เมื่อโซ่ตึงร่างสวยจึงล้มไม่เป็นท่า หมดหนทางหนีเช่นเคย
“หนีสิ กระเสือกกระสนหนีไปให้รอดนะ เพราะถ้าเธอหนีไม่รอด เธอตายคาที่นอนแน่”
เสียงคำรามห้าวดังลอดผ่านปากของปุณณ์ หลังจากที่หายจุก แรงโทสะก็โหมไหม้จิตใจเขาอย่างรุนแรง เจ้าของเกาะลุกขึ้นยืน ดวงตาคมกริบมองไปยังหน้าของเชลยสาวนิ่ง นัยน์ตาคู่นั้นแข็งกระด้างเสียจนอักษรากลัวจับจิตจับใจ นั่งชันเข่าพนมมือไหว้ร้องขอความเมตตา
“อย่าทำฉันเลย ฮือ…ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ฉันไม่ได้ทำร้ายน้องของคุณ ฉันไม่ได้ทำใครทั้งนั้น ฮือ”
อักษราขอร้องอ้อนวอนเขาทั้งน้ำตา แต่ทว่าปุณณ์ไม่มีความปรานีสำหรับสาวตรงหน้าเขาถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นๆ อย่างใจเย็น ในขณะที่สายตาไม่ละไปจากดวงหน้าอาบน้ำตาของอักษรา
หญิงสาวผู้ไม่มีความผิด ตาเบิกโพลง หัวใจเต้นรัวกระหน่ำเมื่อเห็นเขาปลดเปลืองเสื้อผ้าออกจากกาย สมองของเธอหาทางหนีแต่ถึงคิดก็คงหนีไม่พ้น เพราะข้อเท้าข้างหนึ่งถูกพันธนาการด้วยโซ่เส้นใหญ่ คงจะมีทางเดียวที่จะหยุดยั้งการกระทำของเขาได้คือ หยุดที่ตัวปุณณ์เอง
ซึ่งมันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ…
“คำว่าหนีเธอก็ได้แค่คิดเท่านั้นแหละ เพราะในความเป็นจริงมันไม่มีทางเลยด้วยซ้ำ”
เขาถอดกางเกงชั้นในตัวสุดท้ายออกจากร่าง ใช้ปลายเท้าเขี่ยให้มันพ้นทาง ก่อนจะก้าวเดินไปยังร่างของเชลยสาวที่คลานหนีไปด้วย หลับตาแน่นไปด้วย เพราะเธอไม่ต้องการมองเห็นความน่ากลัวตรงศูนย์กลางร่างหนา
“ช่วยด้วย ช่วยด้วย ช่วยฉันด้วย ฮือ”
อักษราร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ น้ำตาสาวไหลอาบแก้ม ฝ่ามือเล็กคลานหนีร่างใหญ่ที่ไม่รู้เลยว่า บัดนี้เขาอยู่ตรงไหนของห้อง เนื่องจากเธอไม่กล้าลืมตาขึ้น เธอกลัว…กลัวทุกภาพที่จะเห็น
“มานี่” มือใหญ่กระชากแขนสาว จนร่างเธอลอยมาปะทะกับแผงอกกว้างหนั่นแน่น
“อย่าทำฉัน อย่าทำ ฮือ” เธอร้องไห้โฮ น้ำตาไหลพราก
“อย่าทำเหรอ?” เขาพูดเชิงถาม น้ำเสียงเยือกเย็น “มันสายไปแล้วน้ำหอม”
ปุณณ์พูดชิดดวงหน้าสวยที่ร้องไห้ไม่หยุด มือใหญ่กระตุกผ้าถุงให้หลุดร่วงไปกองปลายเท้า ก่อนจะผลักร่างงามล้มลงไปบนที่นอน
“อย่าๆ อย่าทำฉัน อย่าทำ อย่าค่ะ”
เพี้ยะ อั้ก อั้ก
มือนุ่มทั้งทุบ ทั้งตีร่างหนาที่โถมกายทาบทับ ไม่พอยังเอื้อมมาหยิกใบหูของเขาอย่างแรง ใช้ปลายเล็บข่วนไปตามผิวคล้ำของเขาจนเกิดรอยเล็บเป็นทางยาว บางรอยมีเลือดซึมออกมา อักษราต่อสู้ดิ้นรนให้ตนเองได้รับอิสระทุกทาง ไม่ยอมแพ้เขาง่ายๆ
“ฤทธิ์มากนักนะ อยากเจอดีใช่ไหม?”
เขาคำรามพูด รู้สึกเจ็บกับมือเล็กๆ คู่นี้ไม่น้อย มีทางเดียวที่จะทำให้มือทั้งสองข้างของเธอสิ้นฤทธิ์คือ จับมัดด้วยเศษเสื้อคอกระเช้าที่ถูกเขากระชากขาดอย่างไม่ไยดี
“อย่านะ ได้โปรด อย่าทำกับฉันแบบนี้ อย่า…ฮือ ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย อย่าทำฉันแบบนี้ ฮือ”
อักษราลืมตาขึ้นมองชายใจร้ายที่กำลังมัดข้อมือของเธออยู่ เธอหวังว่าเขาจะมองเห็นดวงตาอ้อนวอนร้องขอของเธอ จากนั้นเขาก็จะปล่อยเธอไป แต่ไม่เลย ไม่ได้เป็นเช่นนั้น ปุณณ์มองเธอจริงๆ ทว่าเขากลับไม่ใส่ใจ
“ฉันจะไม่ทำเธอเลย ถ้าเธอไม่ทำตัวเองก่อน คนที่ทำให้ฉันเจ็บต้องเจ็บยิ่งกว่าฉันสิบเท่า”
อักษราเหมือนคนหมดสิ้นความหวัง มือทั้งซ้ายขวาก็ถูกมัด ข้อเท้าเล็กก็ถูกโซ่พันธนาการเอาไว้ ร่างกายก็ถูกร่างสูงบึกบึนคร่อมทับ หนทางหนีจึงริบหรี่ลงทุกขณะ
“ไม่…อย่า ยะ…” ปากบางอิ่มถูกปิดทับอีกครั้ง แต่ครั้งนี้อักษรารู้สึกร้าวระบมไปทั้งปาก เป็นเพราะเขากระแทกปากลงมาเต็มแรง บดเคล้าประหนึ่งลงโทษจน ส่งลิ้นเข้าพันรัดลิ้นเล็กอย่างจาบจ้วง ไร้ความอ่อนโอน เขาดุนดันรัดเร้าลิ้นนุ่มด้วยความโกรธ ไม่มีความอ่อนโยนปรานีเลยแม้แต่น้อย
มือแกร่งก็กำลังสร้างความเจ็บปวดกับเรือนร่างสาวทีละนิด เริ่มจากลูบไล้หนักมือไปตามผิวกายขาวอมชมพูเปล่งปลั่ง บีบจับกระชับมือจนผิวขาวๆ มีรอยฝ่ามือกระจายไปทั่วร่าง เธอเจ็บกับการกระทำของเขาแต่ว่าไม่อาจปล่อยเสียงใดๆ ออกมาได้
“อื้อ อื้อ” จะมีเพียงเสียงประท้วงที่ดังในลำคอเท่านั้นที่อักษราทำได้ในเวลานี้
อักษราขนลุกซู่ขึ้นมาทันใด เมื่อฝ่ามืออุ่นร้อนของเขาคว้าหมับตรงบัวหงายคู่งาม ปุณณ์บีบเคล้นด้วยความเมามัน เพราะก้อนเนื้อที่เขาบีบจับอยู่นี้ เด้งรับน้ำหนักมือเหลือเกิน ราวกับว่าไม่เคยมีชายใดแตะต้องมาก่อน คลึงเบาๆ ด้วยฝ่ามือ ก่อนจะขยำหนักขึ้นๆ ในลำดับต่อมา
ปุณณ์ไม่รู้ว่าเขาใช้เวลาจุมพิตปากสาวนานเท่าใด แต่ที่แน่ๆ เขาไม่อยากจะดึงปากออกห่างปากนุ่มๆ หอมๆ นี้เลย มันเหมือนกับว่าเขากำลังเข้าไปอยู่ในดงดอกไม้ที่เบ่งบานเต็มสวน กลิ่นหอมของมันจรุงใจ สูดดมแล้วสดชื่นไปทั่วอุรา
แต่เขาก็ถอยปากออกห่างในที่สุด เลื่อนใบหน้าไปยังลำคอระหงสูดดมกลิ่นกายสาวหอมๆ เย้ายั่วใจเข้าไปเต็มปอด ขยับศีรษะหมุนไปรอบๆ ลำคอสาวไล่หาความสดชื่นที่มีทุกที่บนร่างกายของเธอ
ร่างกายของอักษราค่อยๆ ลดอาการขัดขืนทีละนิด เธอกำลังย่างกรายเข้าสู่ห้วงพิศวาส จากการนำทางของชายแปลกหน้า ปากได้รูปของเขาแม้ว่าจะร้ายแต่ก็มีมนต์คาถา เสกให้แรงขัดขืน สตินึกคิดของเธอลดลงเรื่อยๆ มือใหญ่ที่กอบกุมเต้าขาวเต่งตึง แล้วหยอกเล่นกับยอดถันกำลังผลักร่างสาวให้ตกลงไปในบ่อเสน่หา ที่ไม่รู้ว่าหากตกไปแล้วอักษราจะเป็นเช่นไร
“ไม่…ไม่…อย่า อืม…อย่า”
อักษรารู้สึกตัวเมื่อน้ำในปากอุ่นๆ ของปุณณ์สัมผัสกับปทุมถันสีชมพูสวย เธอพยายามสะบัดตัวไปมา เพื่อไม่ให้เขากลืนกินยอดดอกบัวได้อย่างสะดวก มือทั้งสองข้างที่ถูกมัดไม่ใช่ว่าจะเคลื่อนไหวไม่ได้ เธอกำมือไว้แน่นก่อนจะทุบไปกลางหลังของชายแปลกหน้าเต็มรัก ทว่าร่างกายของเขาคงใหญ่เกินไป น้ำหนักกำปั้นที่อักษราคิดว่าสุดแรง ไม่ระคายผิวเขาเลย ปุณณ์ยังคงสำราญกับการสลับผลัดเปลี่ยนดึงรั้งยอดถันทั้งซ้ายขวาหายเข้าไปในปากต่อเนื่อง โดยมีลิ้นสากคอยกระหวัดไล้เป็นของแถม