12

1449 Words
12 อักษรานั่งเอามือปิดหูอยู่ภายในห้องเล็กๆ ห้องที่ติดกับห้องนอนของชายใจร้ายที่จับตัวเธอมา ห้องนี้ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเลยแม้แต่ชิ้นเดียว มีเพียงที่นอนกลางเก่ากลางใหม่แต่พอจะนอนได้กับหมอนและผ้าห่มเท่านั้น ดีที่ว่ายังมีพัดลมอีกหนึ่งตัวไว้ดับความร้อน วันแรกปุณณ์ให้เธอนั่งตากน้ำค้างนอกบ้านทั้งคืน พอย่างเข้าวันที่สอง เขาสั่งให้เอียดนำตัวเธอมาห้องนี้ ปล่อยข้อมือให้เป็นอิสระ ทว่าข้อเท้ายังคงถูกโซ่เส้นใหญ่คล้องไว้ข้างหนึ่ง เจ้าของเกาะให้เธอนั่งและนอนอยู่ในห้องนี้ ห้องที่มีหน้าต่างสามบานแต่ติดเหล็กดัดอย่างแน่นหนา ประตูห้องก็เช่นกัน มันถูกล็อกจากทางด้านนอก อักษรามองหาทางหนีไม่ได้เลย จะร้องตะโกนคงจะเสียเวลาเปล่าเพราะไม่มีใครที่ไหนจะมาช่วยเธอ ในหัวของอักษรามีแต่คำถามมากมาย เธอพยายามนึก พยายามคิดครั้งแล้วครั้งเล่า หาเหตุผลที่ตนเองถูกจับตัวมาไว้ที่นี่ จะว่าเธอไปขัดแข้งขัดขาหรือมีเรื่องกับใครก็คงไม่ใช่ เธอนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก จะถามเอียด เอียดก็ไม่รู้เรื่อง จะถามปุณณ์ก็คงไม่ได้ความ เนื่องจากอักษราไม่เคยเห็นหน้าเขาอีกเลยตั้งแต่เธอเข้ามาอยู่ในห้องนี้ เสียงฟ้าร้องควบกับเสียงฟ้าผ่าดังแข่งกับสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ยังมีลมกรรโชกแรงที่พัดกระทบกับต้นไม้น้อยใหญ่ ต้นไม้หลายต้นที่ไม่แข็งแรงลู่ไปตามแรงลม เสียงใบไม้ กิ่งไม้พัดตีกันประสานเสียงกันอย่างน่ากลัว คนที่กลัวฟ้ากลัวฝนกลัวเสียงฟ้าพิโรธ เอาแต่นั่งนำมือมาปิดหู หลับตาแน่น อักษราลืมตาเงยหน้ามองประตูห้องที่เปิดผลัวะออกมาก่อนจะถูกปิดลงดังโครมใหญ่ ใจเธอเต้นตุ้บๆ ไม่เป็นจังหวะ เมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของชายร่างสูง จอมใจร้าย “เธอกล้าดียังไงทำร้ายน้องฉัน เธอกล้าดียังไง?” เสียงของเขานั้นดังยิ่งกว่าเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องด้านนอกเสียอีก สาวร่างเล็กถึงกับสะดุ้งโหยง หัวใจกระดอนกระเด็นจนเธอต้องนำมือนุ่มๆ มาแนบตรงหน้าอกด้วยความตกใจ “คะ…ใครทำน้องคุณ แล้วน้องคุณคือใครคะ คุณพูดอะไรฉันไม่เข้าใจ?” อักษราถามกลับเพราะไม่เข้าใจคำพูดของชายหน้าดุ “อย่ามาทำไขสือ เธอกล้ามากที่ตามไปด่า ตามไปทำร้ายน้องสาวฉันถึงที่ เธอจะต้องได้รับบทเรียนในครั้งนี้น้ำหอม” ปุณณ์ไม่เพียงแค่พูด ยังก้าวเท้าเดินมาหาอักษราอย่างเอาเรื่อง คนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวคลานหนีปุณณ์ด้วยความหวาดกลัว แต่เธอจะหนีรอดเงื้อมมือของเขาไปได้อย่างไรเล่า ในที่สุดร่างงามก็ถูกลากกลับมายังที่นอน ใช้ร่างกายสูงใหญ่กักขังอักษรา “อย่าทำอะไรฉัน ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ฉันไม่รู้จักน้องสาวของคุณ ไม่รู้จักคุณ แล้วฉันจะทำน้องสาวของคุณได้ยังไง ปล่อยฉันเถอะค่ะ ฮือ” เธอร้องขอเขาทั้งน้ำตา พยายามอธิบายให้เขาฟังแต่ดูเหมือนว่า เวลานี้คำพูดของอักษราจะไม่เข้าไปในหู เพราะในหูของเขามีแต่คำพูดของปนัดดาเท่านั้น “อย่ามาสตอกับฉัน ผู้หญิงไร้ยางอายอย่างเธอไม่ยอมรับเรื่องชั่วๆ ของตัวเองอยู่แล้ว ฉันไม่คิดเลยว่าผู้หญิงหน้าตาสวยๆ จะมีจิตใจดำมืดมากขนาดนี้ แย่งผัวชาวบ้านเขาไปทั่ว” ปุณณ์ว่ากล่าวเธอด้วยถ้อยคำรุนแรง อีกฝ่ายถึงกับหน้าชาแล้วมีความไม่เข้าใจตามติด เธอนี่หรือไปแย่งผู้ชายกับหญิงอื่น เธอนี่หรือเป็นคนโกหกพกลม เธอนี่หรือมีจิตใจดำมืด เขาเอาอะไรมาพูด เขาพูดเรื่องอะไรอยู่ อักษรามีแต่ความมึนงงสงสัย “คุณพูดอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันไม่เคยแย่งคนรักของใคร ไม่เคยเลย” อักษราโต้กลับ ทว่าปุณณ์ไม่ฟังวาจาของอักษราแม้แต่นิดเดียว “ฉันไม่สนใจ ไม่ฟังคำพูดของเธอหรอก เธอกล้าทำร้ายน้องฉัน ฉันก็จะทำร้ายเธอให้สาสมกับความเลวของเธอ” แควกๆๆ เสื้อคอกระเช้าที่อักษราสวมใส่ถูกฉีกกระชากด้วยมือหนา ผิวเนื้อขาวลออของอักษราเป็นปื้นแดงจากแรงเสียดสีของเศษเสื้อผ้ากับผิวเนื้อ “อย่านะ อย่าทำฉัน อย่าทำฉันแบบนี้ ช่วยด้วย ช่วยด้วย อย่า” ปากนุ่มเผยอร้องห้ามไม่หยุด มือเล็กก็ผลักและปัดมือใหญ่เป็นพัลวัน แม้ว่ามือเล็กจะปัดป้องก็ไม่เป็นผล ในที่สุดร่างกายส่วนบนก็เปลือยเปล่าต่อหน้าปุณณ์ ลำแขนเรียวเล็กไขว้ปิดดอกบัวตูมที่เบ่งบานอวดสายตาร้อนแรงของเขา มือแข็งแรงจับแขนเล็กแสนเกะกะตานั้นออก ก่อนจะตรึงแขนสวยของเธอไว้ข้างศีรษะ ก้มมองภูเขาสองลูกที่สะท้อนขึ้นลงตามแรงหายใจเร็วแรงของเจ้าตัว “อย่านะ คุณอย่าทำอะไรฉันเลย ฉันไม่รู้เรื่องที่คุณพูดจริงๆ ฮือ…ไม่รู้จักน้องของคุณ ไม่เคยคิดแย่งคนรักของใครด้วย ปล่อยฉันไปเถอะ…ฮือ” อักษราขอร้องทั้งน้ำตา ช่างน่าสงสารเหลือเกิน ทว่าความสงสารไม่ได้เกิดในใจของปุณณ์ เพราะเวลานี้เขากลับมีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ “สวยอย่างนี้นี่เองไอ้พีมันถึงรักมันถึงหลง มันถึงได้ไม่สนใจน้องของฉัน” เขาพูดไม่ดังมาก จ้องมองทรวงอกคู่สวยตาเป็นประกาย ประโยคของเขาที่ไหลผ่านปากหนาเธอได้ยินไม่ชัดนัก เพราะมัวแต่ต่อสู้ดิ้นรนให้ตนเองได้รับอิสรภาพ จึงไม่รู้ว่าชื่อที่เขาเอ่ยมานั้นแสนจะคุ้นหู “อย่าทำฉัน ปล่อยฉันนะ ปล่อยนะ อุ๊บ…” เสียงของอักษราขาดหาย เป็นเพราะถูกปากหนาปิดทับสกัดกั้นเสียงทุกเสียงที่กำลังลอดออกมา ฉกจูบเธออย่างรวดเร็วโดยที่สาวเจ้าไม่ทันได้ตั้งตัว ลิ้นใหญ่ที่พุ่งล้ำเข้ามาในโพรงปากสาว กำลังทำให้ร่างกายของอักษราแข็งทื่อ เธอแทบหยุดหายใจ อีกทั้งลมหายใจยังแปรปรวนเอาดื้อๆ ติดขัด หายใจไม่สะดวก ทำอะไรไม่ถูก หยุดดิ้นรนขัดขืนคล้ายกับอาการอึ้งแกมตกใจ เป็นโอกาสให้ปุณณ์สำรวจช่องปากสาวได้ตามสะดวก กระหวัดเกี่ยวลิ้นเล็กที่ทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่ปากหนาทำหน้าที่บดเบียดกลีบปากนุ่มแสนนุ่ม ร่ายคาถาใส่สาวน้อยไร้เดียงสาที่เขาคิดมาตลอดว่าเธอเป็นสาวไฟแรงสูง เวลานี้ในสมองของอักษรากำลังหมุนติ้วๆ เธอคิดอะไรไม่ออก เสมือนกับว่ากล่องความคิดมันถูกล็อกเอาไว้ ทุกอย่างรอบกายขาวโพลน ราวกับว่ากำลังเดินผ่านม่านหมอก อักษราลืมหมดสิ้นว่าเขาคือชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จัก จะมาทำล่วงเกินเธอแบบนี้ไม่ได้ “ถึงกับเคลิ้มเลยเหรอ” ปุณณ์เอ่ยชิดเรียวปากหอมหวานที่เขาเริ่มติดใจ บดปากซ้ำๆ “คุณ…ไม่…อย่า” อักษราพูดได้เพียงแค่นี้ ริมฝีปากนุ่มก็ถูกปิดทับอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ปุณณ์ได้มอบจูบที่เร่าร้อน ดุดันให้กับเชลยสาว มือแกร่งปล่อยข้อมือเล็กให้เป็นอิสระข้างหนึ่ง ก่อนจะนำมือของตนข้างนั้นมากอบกุมทรวงอกอวบที่เขารับรู้ถึงความหนุ่มหยุ่นในครั้งแรกที่ได้สัมผัส ดอกบัวสวยช่างเด้งรับน้ำหนักมือยามออกแรงบีบเคล้นลงไปเหลือเกิน ทำให้ปุณณ์เกิดความเมามันในการออกแรงเคล้นเป็นอย่างมาก “อื้อ…อื้อ” แรงนวดเฟ้นที่ค่อยๆ หนักมือขึ้นเรียกสติของอักษราให้หวนกลับมา เธอดิ้นไปมาบนที่นอน ส่งเสียงร้องประท้วงในลำคอ มือที่ได้รับอิสระปัดมือใหญ่ที่บีบเคล้นบงกชงาม สุดท้ายแล้วเธอก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ เพราะเขาก็ยังจูบและเคล้นคลึงภูเขาลูกย่อมต่อไป แต่เธอก็ไม่ยอมง่ายๆ ไม่ยอมให้ชายแปลกหน้ามาทำกับตนเองเหมือนกับผู้หญิงข้างถนน เธอพยายามตั้งสติให้มั่น แล้วคิด คิด คิดหาทางออก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD