ฉุดหญิงสาวออกมาจากงานเลี้ยงสังสรรค์ที่มีสปอนเซอร์คนสำคัญของเธอเป็นเจ้าภาพไม่พอ อังเดรไม่รู้ว่าจะพาเธอไปไหน ดันพากลับมาที่คลินิกของตัวเองเสียอย่างนั้น กว่าจะรู้ตัวว่าทำบ้าอะไรลงไป เขาก็ล็อกประตูคลินิก มานั่งกุมศีรษะอยู่ด้านในเสียแล้ว
โมรายังคงจับต้นชนปลายไม่ถูกว่าเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นชักใจไม่ดี เป็นแบบนี้แล้ว วาเลนไทน์จะไม่พอใจจนเลิกเป็นนายทุน หรือถอนตัวจากการเป็นสปอนเซอร์งานเดินแบบการกุศลหรือเปล่า ถ้าเป็นแบบนั้นเธอต้องตายแน่ จะตกงานตั้งแต่ย้ายมาประจำที่เวซาน่าเพียงไม่กี่เดือนแบบนี้ไม่ได้นะ มันอนาคตของเธอเชียว!
แต่จะให้โวยวายเสียงดังก็ไม่ใช่สไตล์ของเธอเสียด้วย หญิงสาวเอาแต่จ้องมองชายหนุ่มตรงหน้านิ่งๆ สังเกตอาการว่าเขาหายหัวเสียหรืองุ่นง่านหรือยัง พอเห็นเขาสงบลงแล้วถึงได้ออกปากถาม
“คุณหมอคะ ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”
อังเดรชำเลืองไปมองตามต้นเสียง เห็นดวงหน้าหวานมีรอยย่นยู่ที่หัวคิ้วเล็กน้อย เขาก็ถอนหายใจ
“ผมก็กำลังถามตัวเองอยู่เหมือนกัน”
ท่าทางของเขาสับสนมากเลยทีเดียว โมราจึงไม่พูดอะไร ปล่อยให้เขาได้ทำความเข้าใจกับตัวเองก่อน ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาถึงได้เปรยออกมา
“ผมขอโทษนะ”
“คะ?”
“เรื่องที่อ้างว่าคุณเป็นผู้หญิงของผม”
“...”
“แล้วก็เรื่องที่จูบคุณด้วย”
ที่ต้องขอโทษอย่างจริงจังเป็นเพราะอังเดรรู้ดีว่าการกระทำของเขาเป็นการล่วงเกิน ผู้หญิงไม่ว่าจะยุคสมัยไหน ถ้าไม่พร้อมหรือไม่ยินยอม แต่ถูกผู้ชายบังคับกระทำ ล้วนแล้วเป็นเรื่องที่ทุเรศทั้งนั้น และเขาก็กลายเป็นไอ้ทุเรศที่ไปบังคับจูบเธอแล้วด้วย ทั้งหมดก็เพื่ออยากให้วาเลนไทน์เห็นและเลิกยุ่งกับเธอไป
ทุเรศ...
ทุเรศจริงๆ!
เขาอยากจะทึ้งเส้นผมตัวเองให้หลุดร่วงเป็นกระจุกเพื่อชดเชยความผิดที่ทำกับเธอเลยด้วยซ้ำ ยิ่งเธอเป็นชาวเอเชียด้วยแล้ว เรื่องพวกนี้ยิ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
หากทว่าท่าทีของโมราที่ได้ยินคำขอโทษนั้นกลับต่างออกไปจากที่เขาคาดการณ์ราวฟ้ากับเหว นอกจากเธอจะไม่ได้โวยวายตัดพ้ออะไรแล้ว ยังส่งเสียงร้อง ‘อ๋อ’ ออกมาอีกด้วย
“ฉันไม่ถือสาเรื่องพวกนั้นหรอกค่ะ ไม่ใช่จูบแรกสักหน่อย”
อังเดรหันไปมองสีหน้าเครียด โมราก็หัวเราะ
“ฉันอายุยี่สิบห้าแล้วนะคะ ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว แค่ถูกจูบ ฉันไม่ตีโพยตีพายหรอกค่ะ”
“แต่ผมบังคับคุณจูบ...”
“ฉันรู้สึกดีกับคุณหมอด้วย ความจริงก็แอบมองริมฝีปากของคุณหมอบ่อยๆ คิดเหมือนกันว่าถ้าได้จูบจะเป็นยังไง ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ฉันโอเคกับจูบของคุณหมอนะ”
พูดพลางยิ้มกว้าง อังเดรอดคิดไม่ได้เลยว่าโมรามองโลกในแง่ดีเกินไป ขัดกับภาพลักษณ์สาวมั่นของเธอมากทีเดียว แต่ก็ถือว่าดี เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เขาไม่ต้องรู้สึกผิดมาก
“เอาเป็นว่าผมขอโทษแล้วกัน แต่ผมอยากให้คุณเข้าใจว่าที่ผมทำอย่างนั้น จริงๆ เป็นเพราะผมต้องการจะช่วยคุณ”
“ช่วยฉันเหรอคะ?”
สีหน้าของหญิงสาวฉายแววฉงน อังเดรพยักหน้ารับ
“ใช่”
“ช่วยอะไรคะ”
“ช่วยจากค้างคาวนั่น”
โมรายิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก แต่ไม่ทันจะได้ออกปาก อังเดรก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ควรหลุดปากไปแบบนั้น จึงขยายความอีกที
“ช่วยคุณจากวาเลนน่ะ หมอนั่นเสือผู้หญิงตัวฉกาจ ไม่เคยนอนกับผู้หญิงคนไหนเกินครั้งเดียว ผมไม่อยากให้คุณไปเกลือกลั้วกับคนอย่างนั้น”
เท่านี้โมราก็เข้าใจ เธอพยักหน้ารับเร็วๆ และยิ้มออกมาอีกครั้ง
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ คุณวาเลนก็ไม่ใช่สเปกฉัน ฉันไม่ชอบผู้ชายเจ้าชู้ ชอบคนใจดี เป็นสุภาพบุรุษมากกว่า”
อังเดรพยักหน้า จากนั้นก็ต้องขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเสียงของเธอดังเข้าโสตมาอีก
“เหมือนคุณ”
“ครับ?”
“ใจดี เป็นสุภาพบุรุษเหมือนคุณหมอ แบบนี้ถึงจะสเปกฉันค่ะ”
เธอให้ท่าเขาหรือเปล่าน่ะ?
คงจะเป็นอย่างนั้น เวลาที่เขาไปต้องใจผู้หญิงคนไหนเขา พวกเธอก็มักจะเยินยอหาข้อดีมาชมเขาอย่างนี้ ทว่าสำหรับโมราแล้ว เขาก็ไม่แน่ใจนักว่าเธอตั้งใจทำอย่างนั้นหรือเปล่า เพราะขณะที่เธอพูด เขากลับไม่รู้สึกถึงไอพลังราคะหรือตัณหาใดๆ จากเธอเลย มีเพียงความใสซื่อบริสุทธิ์เท่านั้น จนเขาชักไม่รู้แล้วว่าผู้หญิงตรงหน้าเป็นแม่มดหรือมนุษย์กันแน่ ทำไมถึงได้ปั่นหัวเขาเก่งนัก
“คุณคงจะมองผมผิดไป ผมไม่ใช่คนอย่างที่คุณเข้าใจหรอก”
อังเดรระงับทุกความคิดนั้นก่อนที่เรื่องบ้าๆ จะเกิด อย่างน้อยก็ทำให้เธอเลิกเข้าใจผิดก่อนว่าเขาคิดอะไรเกินเลย แม้ว่าตอนที่เขาได้ยินเธอพูดชม ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายจะเต้นระส่ำขึ้นมาน้อยๆ พร้อมกับความรู้สึกเหมือนต้นไม้ได้น้ำชโลมใจอยู่บ้างก็ตาม
แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเลยสักนิด เพราะนอกจากโมราจะเลิกคิ้วสูงอย่างสงสัยแล้ว เธอยังจะถามมาอีก
“เข้าใจผิดยังไงเหรอคะ ก็เห็นอยู่ว่าคุณช่วยฉันจากคุณวาเลน ไม่ให้บอกว่าใจดี เป็นสุภาพบุรุษ แล้วจะให้บอกว่ายังไง”
“คนที่จู่ๆ ก็ไปขโมยจูบคุณอย่างนั้นไม่เรียกว่าเป็นสุภาพบุรุษหรอก” เขาว่า
โมราหัวเราะในลำคอน้อยๆ “แต่ถ้าฉันบอกว่าฉันยินดีให้คุณจูบ ก็คงไม่มีปัญหาแล้วใช่ไหมคะ”
คราวนี้เป็นอังเดรบ้างแล้วที่นิ่วหน้า
“คุณหมายความว่าไง”
“ฉันก็บอกไปก่อนหน้านั้นแล้วไงว่าบางครั้งก็แอบมองริมฝีปากของคุณ คิดแบบเล่นๆ น่ะค่ะว่าถ้าได้จูบ มันจะเป็นยังไง”
หญิงสาวว่าอย่างซื่อตรง อังเดรไม่คิดเลยว่าเธอจะใจกล้าขนาดนี้ ทำเอาเขาอดอยากรู้ไม่ได้เลยว่ารสจูบของเขามันเป็นอย่างไรกัน
“อยากรู้ไหมคะว่าฉันรู้สึกยังไง”
เธอก็พูดราวกับอ่านใจเขาออกเสียด้วย แต่อังเดรจะตอบว่าอยากรู้ได้เสียที่ไหนกัน แน่ล่ะว่าเขาต้องส่ายหน้า
“เลิกคุยเรื่องไร้สาระกันเถอะ ผมจะไปส่งคุณที่งาน ขอโทษที่พาคุณมา”
ว่าพลางก็เตรียมตัวจะขับรถพาหญิงสาวกลับไปที่งานเลี้ยงในคฤหาสน์ของตระกูลบลัดดี้อีกครั้ง โมราเห็นท่าทางนั้นแล้วก็เม้มริมฝีปากแน่นไปครู่ เรียวคิ้วสวยขมวดมุ่นคล้ายว่ากำลังขบคิดอะไรบางอย่าง อีกทั้งยังนั่งนิ่งไม่ขยับตัว ทำให้อังเดรอดที่จะถามไม่ได้
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
“ฉันกำลังสับสนน่ะค่ะ”
“เรื่อง?”
“เรื่องคุณ”
อังเดรนิ่ง รอให้อีกฝ่ายได้พูดต่อ
“ตอนที่เจอกันที่คลินิกครั้งที่สอง คุณหมอขอเบอร์ฉันไป ทำท่าเหมือนอยากจะรู้จักฉันมากขึ้น วันนี้พอได้เจอกันอีกครั้ง คุณหมอก็จูบฉัน มีท่าทีหวง...”
“เป็นห่วง” เขารีบแก้ก่อนที่เธอจะใช้คำนั้นอย่างเต็มปากเต็มคำ
“ค่ะ เป็นห่วง” โมราเลยต้องตามน้ำ “แต่พอมาตอนนี้ คุณหมอกลับพูดคล้ายๆ กับว่าทุกอย่างเป็นเรื่องที่ฉันเข้าใจผิด ฉันเลยไม่แน่ใจว่าคุณหมอจะเอายังไง”
“หมายความว่าอะไรที่ว่าจะเอายังไง”
“ก็หมายความว่าคุณหมอต้องการอะไรกันแน่ ระหว่างจะจีบหรือไม่จีบ”
เธอว่าตามตรงอีกแล้ว เห็นทีคงจะต้องทำให้เธอเข้าใจชัดๆ
“ผมไม่ได้คิดจะจีบคุณ”
โมราชะงักไปครู่ จากนั้นก็ครางแผ่วออกมา “อ้อ”
“...”
“แสดงว่าคุณหมอคงแค่อยากได้พาร์ตเนอร์”
“...”
‘พาร์ตเนอร์’ ในที่นี้หมายความว่าอย่างไร คงไม่ต้องให้โมราขยายความ
นี่เธอคิดว่าเขาไม่มีจรรยาบรรณความเป็นแพทย์อยู่เลยสินะ ถึงได้คิดจะเอาคนไข้ของตัวเองเป็นคู่นอนน่ะ!