bc

Wizard มนตราพาฝัน[ซีรีส์ Once upon an eternity แด่รักนิรันดร์กาล] ลำดับที่ 1

book_age16+
85
FOLLOW
1K
READ
HE
kickass heroine
billionairess
heir/heiress
lighthearted
scary
city
friends with benefits
polygamy
like
intro-logo
Blurb

เขาคือพ่อมดอายุหลายร้อยปีที่แฝงตัวอยู่ในประเทศ ‘เวซาน่า’ อันเป็นเมืองที่ผู้ก่อตั้งที่เรียกตนว่า ‘ภราดรนิรันร์’ เป็นผู้ก่อตั้ง โดยมีผู้นำทั้งหมด 4 ตระกูลด้วยกัน ได้แก่ แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า เงือก และพ่อมด

โดยพ่อมดผู้สืบทอดต่อตระกูลพ่อมดแห่งเวซาน่ามีนามว่า ‘อังเดร ชาร์แมน’ หากแต่เขาเป็นพ่อมดที่แปลกไปเสียหน่อย ไม่ชอบสังคม และไม่ชอบคลุกคลีกับใครมากนัก นั่นก็เพราะเขากลัวเหลือเกินว่าความตายจะมาพรากจากสิ่งที่เขารักไป ดังนั้นการอยู่อย่างสันโดษจึงเป็นวิธีที่เขาพิสมัย

ทว่าสวรรค์กลับกลั่นแกล้ง ส่งสาวน้อยชาวไทยนาม ‘โมรา’ มาให้เขาได้จับพลัดจับผลูรักษาอาการนอนไม่หลับในฐานะ ‘หมอ’ เหตุด้วยเนื่องจากถูก ‘สิ่งลี้ลับ’ บางอย่างตามก่อกวน

การรักษานี้พ่วงมาด้วยรสรักเสน่หาที่ยากจะลืมเลือน เมื่อเธอตกลงปลงใจเป็นคู่หูบนเตียงกับเขา อังเดรก็ค่อยๆ ถลำลึกสู่ความสัมพันธ์ที่เขาไม่เคยต้องการ

สิ่งนั้นเรียกว่า ‘ความรัก’

ซึ่งค่อยๆ ก่อตัวขึ้นทีละนิดจนเขามิอาจถอนตัวและถอนใจได้อีกเลย...

***********************

นิยายลำดับที่ 1 ในซีรีส์ Once upon an eternity แด่รักนิรันดร์กาล

เป็นแนวโรมานซ์ - พารานอร์มอล ประกอบด้วย...

1) Wizard มนตราพาฝัน

2) Vampire ออดอ้อนรัตติกาล

3) Merman เจ้าสาวมัสยา

4) Warewolf คมเขี้ยวแสนหวาน

chap-preview
Free preview
Begin
ชีวิตอันเป็นนิรันดร์มันดีอย่างไร? พ่อมดอย่าง ‘อังเดร ชาร์แมน’ ไม่เคยเข้าใจเลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่ถือกำเนิดมาจากความตายเมื่อห้าร้อยปีก่อนเพราะพ่อมดขาวผู้หนึ่งที่ชุบชีวิตของเขา เขาก็ต้องใช้ชีวิตโดดเดี่ยวมาตลอดหลายศตวรรษ แม้ว่าร่างกายจะไม่เคยแก่ชรา และถึงจะมีความรู้มากมายเกี่ยวกับมนตราและกลายเป็นผู้วิเศษ ทว่าเขาก็ไม่เคยมีความสุขเลยสักครั้ง อังเดรอดนึกถึงตอนที่เขาได้ชีวิตกลับคืนมาครั้งแรกไม่ได้ ในตอนนนั้นเขาดีใจที่ได้กลับมาพบเจอครอบครัวอันเป็นที่รัก แต่เมื่อกาลเวลาได้พรากทุกชีวิตรอบข้างของเขาไป อังเดรก็รู้สึกว่าการที่เขามีชีวิตอยู่ ไม่เจ็บ ไม่แก่ และไม่ตาย ล้วนแล้วไม่มีความหมายใดๆ เลยทั้งสิ้น ทุกค่ำคืนเปลี่ยวเหงา รอบกายเย็นเยียบร้างไร้คนที่เขารักจนหัวใจของเขาเริ่มด้านชากับความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่แน่ใจนักที่เขาตัดสินใจว่าจะไม่ผูกสัมพันธ์กับมนุษย์คนใดอีก เพราะเขาตระหนักอยู่ตลอดเวลาว่าชีวิตของมนุษย์นั้นสั้นและไม่ยั่งยืน เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ความสัมพันธ์อิ่มตัวงอกงาม เขาก็จะสูญเสียมันไปด้วยฝีมือของกาลเวลาที่ผูกติดอยู่กับอายุขัยของมนุษย์ และสุดท้ายก็จะเป็นเขาที่เปล่าเปลี่ยว ซึมซับความเจ็บปวดจากการสูญเสียเช่นเคย กี่ครั้งแล้วที่เขาสร้างตัวตนใหม่เมื่อครบอายุขัยมนุษย์ จากชื่อหนึ่ง ไปอีกชื่อหนึ่ง จากชนชาติหนึ่ง ไปอีกชนชาติหนึ่ง ราวกับเป็นวัฏจักรแห่งความทรมานที่ไม่จบไม่สิ้น ตายก็ไม่ได้ อยู่ก็เหมือนตายทั้งเป็น เพราะเหตุนี้จึงทำให้อังเดรตัดสินใจว่าจะข้องเกี่ยวกับมนุษย์คนไหนอีก อย่างเช่นชีวิตของเขาในรอบหลายทศวรรษนี้เช่นกัน เขาสร้างตัวตนใหม่ เลือกที่จะเป็นแพทย์แผนทางเลือกที่เชี่ยวชาญเกี่ยวกับสมุนไพรและเครื่องเทศที่มีฤทธิ์ในทางยารักษาโรคต่างๆ สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญที่สุด เพราะตั้งแต่ที่ได้ชื่อว่าเป็นพ่อมด เขาก็คลุกคลีอยู่กับสิ่งของพวกนี้มานับครั้งไม่ถ้วน โดยเฉพาะด้านการปรุงยาที่เขาชำนาญเป็นพิเศษ ซึ่งความจริงแล้วมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากชีวิตก่อนๆ ของเขาที่เพิ่งจะละทิ้งไปแม้แต่น้อย ต่อให้สร้างตัวตนใหม่และอยู่ในประเทศที่ต่างกัน อังเดรก็มักจะวนเวียนอยู่กับการใช้ความรู้ทางศาสตร์นี้เลี้ยงดูตนเองเสมอ แต่ครั้งนี้ดูเหมือนจะพิเศษกว่าการสร้างตัวตนในครั้งก่อนๆ ไป สักนิด เพราะนอกจากจะย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ประเทศ ‘เวซาน่า’ ซึ่งเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นจุดศูนย์รวมของเหล่าผู้มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์แล้ว นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษที่เขากลับมาใช้ชื่อที่แท้จริงของตน อังเดรคือชื่อที่แท้จริง ส่วนชาร์แมน...แค่เห็นว่าความหมายมันเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาเป็น เขาก็เลยพ่วงท้ายต่อเป็นนามสกุลเสียเลย ดูไร้สาระและไม่มีความหมาย แต่การที่จะได้นามสกุลนี้มาสร้างเป็นตัวตนใหม่ เขาต้องทำงานให้กับพวกกลุ่ม ‘ภราดรนิรันดร์’ ซึ่งเป็นกลุ่ม ‘ใต้ดิน’ ของเหล่าผู้มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์ ซึ่งประกอบไปด้วยตระกูลเผ่าพันธุ์ใหญ่ทั้งสี่ตระกูล อันได้แก่ แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า เงือก และแน่นอน...พ่อมด กลุ่มภราดรนิรันดร์จะมีที่มีหน้าที่ความสงบเรียบร้อยให้กับเหล่าอมนุษย์ รวมถึงดูแลเอกสารต่างๆ ในการสร้างตัวตนใหม่ และปิดบังซ่อนเร้นการมีตัวตนของพวกเขาให้เป็นเพียงตำนานเท่านั้น และใช่...ไม่ใช่เขาคนเดียวที่มีชีวิตอมตะ นอกจากพ่อมดอย่างเขาแล้ว ก็ยังมีผู้มีชีวิตนิรันดร์สายพันธุ์และเผ่าต่างๆ มากมาย ทว่านั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่อังเดรจะต้องมาใส่ใจ เขากำลังเบื่อหน่ายกับชีวิตประจำวันของเขามากกว่า วันนี้เป็นอีกวันที่เขาจะเขียนลงบนปฏิทินที่ตั้งอยู่บนโต๊ะว่า ‘ไม่มีอะไรพิเศษ’ แต่แล้วก็ต้องหยุดความคิดนั้นเมื่อจู่ๆ เสียงกระดิ่งที่ห้อยอยู่หน้าประตูของร้านสมุนไพรที่เขาเป็นเจ้าของอยู่ดังขึ้น ร่างสะโอดสะองของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฏให้เห็น เจ้าหล่อนอยู่ในชุดลำลองทันสมัย ผมยาวดำขลับถูกรวบเป็นหางม้าไว้ทางด้านหลัง อังเดร มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคนเอเชีย แต่อะไรก็ไม่น่าสนใจเท่ากับการที่หล่อนก้าวอาดๆ มาหยุดตรงหน้าเคาน์เตอร์ที่เขาประจำการอยู่ พร้อมกับพูดออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าที่นี่รักษาอาการนอนไม่หลับด้วยไหมคะ” อังเดรเลิกเรียวคิ้วคมขึ้น ปราดดวงตาสีเขียวมรกตจ้องใบหน้ารูปไข่ที่มีแว่นดำสวมทับไว้นิ่งๆ ทำให้คนถูกจ้องมองเลิ่กลั่กไปเล็กน้อย “เอ่อ...คือฉันลองไปพบแพทย์แผนปัจจุบันกับจิตแพทย์มาแล้วน่ะค่ะ แต่ไม่ค่อยช่วยอะไรเท่าไร ก็เลยมาที่นี่” หญิงสาวตอบก่อนที่เขาจะได้ถามด้วยซ้ำ เธอคงรู้ดีอยู่แล้วว่าอาการนอนไม่หลับ ส่วนมากมักจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของความเจ็บป่วยทางร่างกายหรือทางจิต วิตกกังวลหรือเครียดมากเกินไปก็ทำให้นอนไม่หลับได้ ซึ่งเธอก็ไปพบแพทย์เหล่านั้นมาหมดแล้ว และสุดท้ายก็จบลงด้วยการได้ยานอนหลับมากิน และมันก็ไม่ช่วยอะไรทั้งนั้นเพราะในกรณีของเธอมันเป็นมากกว่าการนอนไม่หลับธรรมดา “นอนไม่หลับมานานเท่าไรแล้วครับ” ในที่สุดเขาก็เอ่ยปาก หญิงสาวที่ชื่อ ‘โมรา’ มองหน้าคุณหมอหนุ่มที่ดูไม่รับแขกเอาเสียเลยนิ่งๆ ก่อนจะตอบคำถามที่ถูกบุคลากรทางการแพทย์ถามมานับครั้งไม่ถ้วน “วันนี้เข้าเดือนที่สองค่ะ” โดยปกติแล้ว ระยะเวลาของอาการนอนไม่หลับที่น่าเป็นห่วงคือมีอาการต่อเรื่องอย่างน้อยสองสัปดาห์ ของเธอเข้าเดือนที่สองแล้ว ถือว่าต้องรีบรักษาโดยด่วนก่อนจะส่งผลกระทบกับการดำเนินชีวิตมากกว่านี้ “งั้นผมขออนุญาตซักประวัติคุณก่อน ช่วยกรอกรายละเอียดลงในเอกสารแผ่นนี้หน่อยครับ” อังเดรคว้ากระดาษมาวางไว้ตรงหน้า ยื่นปากกาให้ โมราก็ทำตามแต่โดยดี หากแต่ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ว่าที่คลินิกแห่งนี้ นอกจากผู้ชายตรงหน้าแล้ว ไม่มีพนักงานคนอื่นอย่างเช่นพยาบาลหรือผู้ช่วยอะไรเลยหรือไง หรือว่า...ผู้ชายคนนี้แหละเป็นพยาบาล? เธอไม่ได้คิดอะไรต่อ กรอกรายละเอียดเสร็จก็ยื่นคืน อังเดรรับมันไปใส่แฟ้มประวัติ ไม่พูดอะไรสักคำ ปล่อยให้เธอยืนมองนิ่งๆ ครู่หนึ่ง “แล้ว...ฉันจะได้พบคุณหมอตอนไหนเหรอคะ” ถามออกไปจนได้ อังเดรเหลือบมองเล็กน้อย “คือ...ฉันมีเวลาไม่มากน่ะค่ะ นัดลูกค้าไว้ เลยอยากจะทราบเวลารอคุณหมอสักหน่อย เผื่อว่าเกินเวลานัด จะได้โทรไปเลื่อนไว้ก่อน” “ผมนี่แหละคุณหมอที่คุณถามหา” อังเดรว่า สร้างความประหลาดใจให้กับหญิงสาวไม่น้อย “โอ้ โอเคค่ะ ฉันไม่รู้ คิดว่าคุณเป็นผู้ช่วยน่ะค่ะ” ชายหนุ่มไม่แปลกใจ ส่วนมากแล้วตามโรงพยาบาลหรือคลินิกต่างๆ ในเวซาน่าก็ไม่ได้มีแพทย์ที่ทำหน้าที่ทุกอย่างเหมารวมคนเดียวอย่างเขาหรอก แต่เพราะคลินิกของเขาเป็นคลินิกเฉพาะทาง...ที่มนุษย์ทั่วไปไม่สามารถเข้ามาทำงานได้ ดังนั้นเขาจึงต้องจัดการทุกอย่างคนเดียว “พร้อมจะให้ผมตรวจหรือยังครับ” โมราพยักหน้า พลันอังเดรก็ผายมือให้เข้าไปในห้องตรวจซึ่งอยู่ข้างๆ กับเคาน์เตอร์ ห้องตรวจนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากห้องตรวจโรคทั่วๆ ไป อังเดรวัดความดัน อาการต่างๆ เบื้องต้น จากนั้นก็ซักถามเธอเป็นข้อมูลเพิ่มเติม “อาการนอนไม่หลับของคุณมันเป็นแบบไหนครับ หลับไม่สนิท หรือว่านอนไม่หลับเลย” “หลับไม่สนิทค่ะ” เธอว่า “กระสับกระส่ายอะไรแบบนั้น?” “ค่ะ แล้วก็...ชอบฝันเยอะๆ ฝันจนเหนื่อยน่ะค่ะ” “ยังไงครับ” “ก็...เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่นตลอดเวลา รู้ตัวว่าฝันแต่ตื่นขึ้นมาไม่ได้ เหมือน...” ผีอำ... โมราอยากจะพูดแบบนั้น แต่ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าในเวซาน่าไม่น่าจะมีความเชื่อแบบนั้น เธอจึงไม่พูดต่อ คิดหาวิธีอธิบายแทน แต่ถึงจะไม่พูด อังเดรก็เดาได้แล้ว “Sleep Paralysis[1]” เขาพูดโดยไม่มองหน้าเธอ บันทึกข้อมูลลงไปในแฟ้มประวัติ ขณะที่โมราพยักหน้ารับเร็วๆ “ค่ะ อาการนั้นแหละ” “ช่วงนี้คุณมีอาการเครียดบ้างหรือเปล่า” “บางครั้งค่ะ แต่ไม่ใช่ช่วงนี้” เธอรีบตอบ เพราะรู้ว่าเดี๋ยวคุณหมอหนุ่มก็จะวินิจฉัยว่าอาจเป็นเพราะความเครียดสั่งสมโดยที่เธอไม่รู้ตัวเหมือนกับที่อื่นๆ ที่เธอไปรักษามาอีก ด้วยเธอรู้ดีว่าอาการที่เกิดขึ้นกับเธอนั้นไม่ใช่ “แล้วก็ไม่ใช่เพราะสาเหตุที่ฉันเพิ่งย้ายมาทำงานที่สาขาในเวซาน่าด้วยค่ะ ฉันค่อนข้างแฮปปี้กับการทำงาน เลยคิดว่าไม่น่าจะเครียดเรื่องนี้” โมรารีบเสริมขึ้น เธอเป็นดีไซน์เนอร์ให้กับเสื้อผ้าแบรนด์หนึ่งที่ได้รับคัดเลือกให้มาเรียนรู้แนวเสื้อผ้าและรสนิยมของประเทศทางแถบยุโรป เรียกได้ว่าการมาที่นี่ราวกับเป็นความฝันของเธอเลยทีเดียว ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เธอจะมาเครียดเพราะถูกย้ายที่ทำงานแน่ๆ และเท่านี้ก็บ่งบอกให้อังเดรรู้ว่าเธอไม่ได้เกิดและโตที่นี่ แต่เป็นการย้ายมาทำงานต่างหาก เขาก็ไม่ถามรายละเอียดส่วนนั้นเพราะมันไม่ได้สำคัญอะไรกับการรักษา “เป็นบ่อยไหมครับ” เขาย้อนกลับไปถามในส่วนที่สำคัญอีกครั้ง โมรานิ่งคิดไปครู่ “ทุกวันเลยค่ะ” เท่านั้นอังเดรก็เงยหน้าขึ้นมามอง “ทุกวันเลยเหรอ” “ค่ะ” ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติทันที โดยปกติแล้วถ้ามีอาการอย่างนี้จะไม่มีทางเป็นทุกวัน แต่ทว่าสำหรับเธอแล้ว ถ้าไม่ใช่ความผิดปกติทางร่างกายแบบเคสพิเศษ ก็คงจะเป็นเพราะ... “ช่วยเล่าให้ผมฟังหน่อยได้ไหมครับว่าทุกครั้งที่คุณมีอาการแบบนั้น คุณฝันเห็นอะไร” จู่ๆ ก็ถามออกมา โมราอึกอักไปเล็กน้อย รู้สึกประหม่าที่จะต้องเล่าเรื่องความฝันของตัวเองให้กับคุณหมอหนุ่มฟัง แม้ว่าเธอจะเล่าให้กับจิตแพทย์ฟังมาแล้วก็ตาม “ก็...” เธอเว้นจังหวะไปครู่ เมื่อสบดวงตาสีเขียวมรกตที่จ้องมองนิ่งๆ แล้ว เธอก็ยอมเล่าออกมา “ฝันเห็นผู้ชายคนหนึ่งมาลวนลามฉันน่ะค่ะ” ในที่สุดก็พูดออกไป พลันก็ถูกอังเดรซักไซ้มากกว่าเดิม “ยังไงครับ” “คะ?” “ผมหมายถึงคนในฝันของคุณลวนลามคุณยังไง ล่วงเกิน หรือปล้ำ?” คำถามตรงๆ ทำเอาโมราหน้าร้อนผะผ่าว จิตแพทย์ก็ถามเธออย่างนี้ แต่ไม่ใช่คำถามที่ตรงและโผงผางแบบนี้ เธอเม้มริมฝีปากเล็กน้อย จากนั้นถึงได้พูด “แค่ล่วงเกินค่ะ ในฝันฉันไม่ยอม” “แล้วทุกๆ วันที่คุณฝัน คนที่มาลวนลามคุณเป็นผู้ชายคนเดิมหรือเปล่า” โมราชักไม่แน่ใจแล้วว่าคนตรงหน้าเธอเป็นแพทย์แผนทางเลือกหรือจิตแพทย์กันแน่ ถามซักไซ้เสียจนเธอไม่อยากจะตอบแล้วสิ “ไม่เคยเห็นหน้าชัดๆ เลยค่ะ แต่ฉันมั่นใจว่าเป็นคนเดิม” อังเดรนิ่งไป คิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ หรือว่าจะเป็น... “คุณหมอจะถามอะไรเพิ่มเติมอีกไหมคะ” ความเงียบนั้นทำให้โมราเอียงคอร้องถาม อังเดรเหลือบสายตามองจ้องเจ้าของดวงหน้ารูปไข่ที่ยังสวมแว่นตากันแดดอยู่ “ช่วยถอดแว่นให้ผมดูหน่อยสิครับ” ตอนนี้โมราถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าใบหน้าของตนยังมีแว่นตากันแดด อำพราง เธอพยักหน้า ถอดแว่นออก พลันรอยคล้ำใต้ตาก็ปรากฏให้เห็น ถึงมันจะดำล้ำจนทำให้สีหน้าของเธอดูอ่อนล้า แต่สำหรับโมราแล้ว ร่องรอยดำพวกนั้นกลับไม่สามารถปิดบังความสวยของเธอได้เลย เธอเป็นผู้หญิงที่มีใบหน้าคมเฉี่ยว สีผิวน้ำผึ้งตัดกับดวงตาสีน้ำตาลเข้มได้เป็นอย่างดี จมูกโด่งรั้นที่บ่งบอกว่าเป็นคนมั่นใจและดื้อดึงไม่น้อย ริมฝีปากกระจับบางนุ่มนิ่ม ล้วนแล้วเข้ากันได้ดีจนเธอดูน่ารักและสวยคมในคราวเดียวกัน ตอนนี้อังเดรไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมเธอถึงได้ฝันลามกอย่างนั้น ทุกวัน เพราะอาการที่เธอกำลังเผชิญหน้าอยู่น่ะ เป็นอาการที่มาจากการถูกรบกวนของ... “อินคิวบัส...[2]” อังเดรพึมพำเสียงเบา โมราได้ยินไม่ชัดก็ร้องถาม “คะ?” เขาชำเลืองมองใบหน้าที่ฉาบพรายไปด้วยความสงสัย ดวงหน้า สดสวยนั่นทำให้เขายิ่งเข้าใจมากกว่าเดิม ทั้งสวย ทั้งมีเสน่ห์เหลือร้ายขนาดนี้ ผู้ชายที่ไหนจะไม่หลงใหลบ้าง โดยเฉพาะดวงตาดุจนัยน์ตากวางของเธอ มันคงไปถูกใจอินคิวบัสตัวนั้นเข้าอย่างจัง เจ้าอินคิวบัสนั่นถึงได้ตามติดเธอแจจนกว่าจะได้ร่วมรักกับเธอแบบนี้ คิดแล้วอังเดรก็หงุดหงิดเล็กๆ บางครั้งพวกที่มีชีวิตอันเป็นนิรันดร์เหมือนกันกับเขาก็ทำตัวเป็นปรสิต กัดกินวิญญาณมนุษย์ รบกวนจนไม่สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติได้ และสุดท้ายก็ต้องมาลำบากพ่อมดอย่างเขาให้ช่วยเหลือ พ่อมดหนุ่มพึมพำบางอย่างคนเดียว จรดปลายปากกาเขียนรายชื่อยาต่างๆ ลงในกระดาษ โมราเห็นแล้วก็ไม่กล้าถามต่อ เมื่อครู่นี้เขายังไม่ตอบคำถามเธอเลย แต่ก็เอาเถอะ ถ้าเขาช่วยเธอให้นอนหลับสนิทได้ เธอก็ไม่สนอะไรทั้งนั้น “ผมจะจ่ายยาให้ คุณทำตามผมบอกอย่างเคร่งครัด ห้ามละเลยนะครับ” หลังจากที่สั่งยาให้เธอแล้ว เขาก็กำชับ โมราพยักหน้า สัมผัสได้ถึงความจริงจังของเขาขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรไปมากกว่านั้น นอกเสียจากเดินออกไปรอนอกห้องตรวจเมื่อการตรวจเสร็จสิ้น อังเดรจัดยาให้ มีทั้งยานอนหลับซึ่งสกัดจากสมุนไพร น้ำมันหอมระเหย และสิ่งของอื่นๆ อีกจิปาถะซึ่งล้วนแล้วสกัดมาจากธรรมชาติทั้งสิ้น นี่สินะแพทย์แผนทางเลือก... โมราพยักหน้ารับ ฟังเขาบอกอย่างตั้งใจ “ยานอนหลับนี่ ให้คุณทานวันละเม็ดก่อนนอน จะช่วยให้คุณหลับสนิทแล้วไม่ฝัน ส่วนน้ำมันหอมระเหย สกัดจากลาเวนเดอร์ จะช่วยให้คุณนอนหลับง่ายขึ้น จะเอาไปหยดใส่อ่างอาบน้ำแล้วอาบก่อนนอน หรือจะหยดใส่ตะเกียงน้ำมันหอมระเหยตอนนอนก็ได้ และที่สำคัญ สิ่งนี้คุณห้ามลืมที่จะใช้มันเด็ดขาด” พลันก็เลื่อนซองซิปถุงใหญ่ที่บรรจุเศษผลึกเล็กๆ สีขาวมาตรงหน้า โมรามองแล้วก็ย่นคิ้ว “นี่มัน...เกลือนี่คะ?” อังเดรพยักหน้า “เอามันไปโรยรอบเตียงคุณก่อนนอนด้วยนะครับ” ตอนแรกหญิงสาวเข้าใจว่าเขาจะให้เธอกิน แต่พอบอกว่าให้เอาไปโรยรอบเตียง เธอก็ขมวดคิ้วมุ่นมากกว่าเดิม “โรยเพื่ออะไรคะ” “ช่วยให้คุณหลับสบาย” “คุณบอกแล้ว เรื่องนั้นฉันทราบค่ะคุณหมอ แต่แค่ไม่เข้าใจว่าเกลือมีคุณสมบัติช่วยให้หลับสบายยังไง” ‘มันช่วยไล่ปีศาจ โดยเฉพาะเจ้าอินคิวบัสที่พยายามจะมาสมสู่กับคุณนั่นไง’ เขาอยากจะพูดแบบนี้ แต่ก็ทำได้เพียงเงียบงัน เรื่องนี้ไม่ควรให้มนุษย์รู้ ไม่อย่างนั้นถ้าไม่เป็นเรื่องใหญ่ เขาก็คงถูกมองว่าเป็นหมอเพี้ยนๆ แหง “ถ้าคุณอยากหายก็ทำตามที่ผมบอก” “แต่ว่าเกลือนี่มัน...” “ถ้าทำตามที่ผมบอกแล้วไม่หาย คุณมารับเงินของคุณคืนได้เลย ผมจะจ่ายชดเชยให้เป็นสองเท่าด้วย แต่เงื่อนไขคือทำตามที่ผมบอกอย่างเคร่งครัดเท่านั้น” โมราพูดอะไรต่อไม่ออก ก็ได้...เธอลองก็ได้ ไหนๆ ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว เพราะได้ลองมาทุกอย่างแล้ว เธอจะลองวิธีแปลกๆ ของแพทย์แผนทางเลือกสักหน่อยจะเป็นอะไรไป “ค่ะ แล้วฉันต้องทำอย่างนี้ไปนานเท่าไรคะ” “จนกว่ายาที่ผมจ่ายให้คุณไปจะหมด ยาชุดนี้จะทานได้ประมาณสองสัปดาห์ ทานครบเมื่อไรให้มาหาผมเพื่อฟอลโลว์อัปอีกครั้ง” หมดคำถามแล้ว โมราไม่พูดอะไรต่อทั้งนั้น รับยามา จ่ายค่ารักษา และเดินออกจากคลินิกไปด้วยความรู้สึกแปลกๆ พร้อมกับบ่นตัวเอง “ไม่น่าไปเชื่อคำพูดของยัยลิซ่าเลยโมราเอ๊ย เจอฝรั่งหลอกเข้าให้แล้วไหมล่ะ” อดบ่นถึงเพื่อนร่วมงานที่แนะนำให้เธอมารักษายังคลินิกแห่งนี้ ขณะที่อังเดรมองร่างบอบบางที่เดินห่างออกไปด้วยสายตานิ่งเรียบ ถูกลวนลามมาตั้งสามเดือนแต่ยังไม่ถึงขั้นสมสู่อย่างนั้นหรือ? นับว่าหญิงสาวก็แน่เอาเรื่องเหมือนกัน เพราะอินคิวบัสเวลาที่หมายจะจับเหยื่อคนไหนแล้ว ไม่เคยปล่อยให้รอดไปตั้งแต่คืนแรกสักราย แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาช่วยอย่างเต็มที่ได้อย่างไร คืนนี้เธอต้องหลับสบายอย่างแน่นอน [1] Sleep Paralysis หรืออาการผีอำ คือการที่ไม่สามารถขยับร่างกายได้ขณะที่นอนหลับหรือตื่นขึ้น ขณะที่นอนหลับ สมองจะสั่งให้กล้ามเนื้อคลายตัวและเมื่อตื่นขึ้นขณะที่กล้ามเนื้อยังคลายตัวอยู่ก็จะเกิดอาการผีอำ [2] อินคิวบัส (incubus) เป็นชื่อปีศาจเพศผู้ซึ่งเชื่อกันว่าจะเข้ามาร่วมหลับนอนกับสตรีในยามหลับใหลเพื่อเสพสังวาสด้วย หากเป็นปีศาจที่เป็นหญิงจะเรียกว่า ซักคิวบัส (succubus)

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

ขังรัก

read
17.7K
bc

Passionate Love รักสุดใจนายขี้อ่อย 20+

read
31.8K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
14.2K
bc

เมียลับอุ้มรัก

read
77.8K
bc

หัวใจซ่อนรัก(เฮียเดย์)

read
29.4K
bc

รอยแค้นแห่งรัก

read
52.4K
bc

My Sister น้องสาว... ที่รัก

read
6.6K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook