หลังจากนั่งดื่มกับนายหัวไกรสีห์จนเริ่มมีอาการมึนๆ นายหัวภาคินก็ได้ขับรถกลับบ้านแต่ไม่ได้กลับบ้านแม่เขากลับไปนอนกระท่อมในสวนยางซึ่งได้สร้างเอาไว้นอนเล่นพักผ่อนตอนที่มาดูคนงานกรีดยางบ้างเป็นครั้งคราว
"ไอ้ดิน กูไม่กลับบ้านนะ ถ้าตอนเช้าแม่กูถามว่ากูไปไหนมึงก็บอกแม่แล้วกันว่ากูไปกินข้าวบ้านพี่สิงห์มาแล้วก็กลับไปนอนที่กระท่อม พรุ่งนี้จะดูคนงานที่รับมาใหม่กรีดยางดูฝีมือหน่อยว่าได้มาตรฐานหรือเปล่า" นายหัวภาคินโทรบอกลูกน้องคนสนิท โทรสั่งลูกน้องเสร็จก็วางสายตั้งใจขับรถต่อแต่ในตอนขับรถไปภาพของมธุรสที่นั่งทานข้าวอยู่ตรงหน้าก็ลอยมาในมโนสำนึก
"ก็สวย หวาน ผิวเนียน สวยเหมือนดาราจริง"
"แต่ยังเด็กอยู่เลยเพิ่งจบมัธยมปลาย"
"เด็กบ้าอะไรกันวะโตแล้ว หน้าประถมนมปริญญาเอกล่ะไม่ว่า"
"เป็นบ้าอะไรวะไอ้อคิน ลูกเลี้ยงเพื่อนนะเว้ย ดันไปนึกถึงหน้าเขาอยู่ได้ บ้าบอใหญ่แล้วนะมึงน่ะ"
"มึงเมาหนักแล้วไอ้อคิน ตาลายเห็นหลักกิโลเป็นลูกเลี้ยงไอ้พี่สิงห์แล้วกู เวรจริง"
นายหัวภาคินขับรถไปก็นึกถึงดวงหน้าเรียวสวยปากรูปกระจับ ผมยาวดำขลับตัดกับผิวขาวเนียนของมธุรสลอยผ่านเข้ามาในมโนสำนึกตอนที่กำลังขับรถกลับกระท่อม
พอขับรถถึงกระท่อมกลางสวนยาง นายหัวภาคินก็จอดรถก่อนที่จะถอดเสื้อผ้าเดินลงไปอาบน้ำเย็นๆ กลางลำธารเพื่อช่วยทำให้ตนเองนั้นสร่างเมาลงได้
"เอ๊ย เป็นอะไรวะแม่ง คิดถึงแต่ดวงหน้าสวยของเด็กคนนั้นอยู่ได้ พอๆ หยุดคิด" นายหัวภาคินสลัดศีรษะไปมาแล้วยกมือขึ้นลูบผมที่เปียกลู่ของตนเองขึ้นไม่ให้ปรกหน้า พอลงไปอาบน้ำในลำธารตัวเริ่มเย็น พอได้สร่างเมานายหัวภาคินก็เดินขึ้นจากลำธารไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้านอน
หนึ่งอาทิตย์หลังจากวันที่นายหัวภาคินได้ไปกินข้าวที่บ้านของนายหัวไกรสีห์ วันนี้นายหัวภาคินได้เดินทางไปงานฉลองมงคลสมรสของเพื่อนสนิทอีกคนซึ่งเป็นญาติกับนายหัวไกรสีห์
"ไอ้อคินมึงจะมางานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของไอ้กานต์มันหรือเปล่า" นายหัวไกรสีห์โทรมาถามเพื่อนรุ่นน้องคนสนิท
"ไปครับพี่ งานเขาจัดที่รีสอร์ตในอำเภอกาญจนดิษฐ์ เขาจองห้องพักให้ด้วยครับพี่สิงห์"
"เออใช่ เขาจองให้เพราะอยากให้อยู่ฉลองกันต่อ เขาจองให้กูสองห้องด้วยเลยกูคิดว่าจะพาเมียกับลูกเลี้ยงไปด้วยว่ะ"
"ครับ เดี๋ยวเจอกันที่งานครับ ผมต้องไปตั้งแต่เช้าเลยครับเพราะต้องเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวด้วย"
"ได้ ไว้เจอกันที่งานเลยนะ"
ก่อนที่จะถึงวันไปงานแต่งนายหัวไกรสีห์ก็ได้บอกให้มารตีและมธุรสเตรียมตัวไปงานแต่งงานด้วยกัน โดยบอกมารตีให้เป็นธุระจัดหาชุดราตรีสวยๆ ให้มธุรสใส่ด้วย
"น้ำผึ้งต้องไปด้วยหรือคะคุณสิงห์" มารตีถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจเหตุผลของสามีกับการที่ต้องพาลูกเลี้ยงไปออกงานด้วยกัน ทั้งๆ ที่งานแต่งงานแบบนี้นายหัวควรที่จะควงมารตีไปแค่คนเดียวก็พอ
"ก็ต้องไปด้วยกันสิ ไอ้กานต์เจ้าบ่าวน่ะมันเป็นญาติฝ่ายแม่ของผมนะคุณมารตี มันแต่งงานเราก็ควรไปกันทั้งครอบครัวเพื่อเป็นการให้เกียรติและไปร่วมแสดงความยินดีกับมันไม่ใช่เหรอ" นายหัวไกรสีห์พูดให้เหตุผล
"เอ่อ จริงๆ ผึ้งคิดว่าคุณอาไปกับแม่แค่สองคนก็ถือเป็นการให้เกียรติเจ้าของงานแล้วนะคะ คือจริงๆ ผึ้งก็เป็นคนนอก เป็นแค่ลูกเลี้ยงของคุณอาก็เท่านั้น ผึ้งคิดว่าผึ้งอยู่เฝ้าบ้านให้แม่กับคุณอาน่าจะดีกว่านะคะ"
"คนนอกอะไรกันหนูน้ำผึ้ง อาเองก็เห็นหนูเป็นคนในครอบครัวคนหนึ่ง อาอยากให้หนูไปด้วยกัน อยากพาหนูไปเปิดหูเปิดตา พาไปโชว์ตัวเสียหน่อย หนูน้ำผึ้งสวยออกขนาดนี้จะมาเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในสวนในฟาร์มไม่ได้หรอกนะ" นายหัวไกรสีห์พูดและส่งสายตาชื่นชมแบบเปิดเผยว่าชื่นชอบในความสวยของมธุรส อากัปกิริยาของนายหัวไกรสีห์อยู่ในการเฝ้าสังเกตของมารตีโดยตลอด มารตีคิดได้ในทันทีว่าตนเองต้องหาทางตัดไฟเสียแต่ต้นลม เพื่อไม่ให้สิ่งที่เลวร้ายน่ากลัวที่ตนเองคิดกังวลอยู่ได้เกิดขึ้นมาจริงๆ มารตีได้แต่เก็บงำเก็บซ่อนความคิดและแผนการเอาไว้ ไม่คาดคิดมาก่อนเหมือนกันว่าตนเองจะต้องเดินมาถึงจุดที่ต้องมาหึงหวงผู้ชายกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง
ที่งานเลี้ยงช่วงค่ำ วันนี้มธุรสแต่งกายด้วยชุดราตรีเปิดไหล่ข้างแบบปาดและติดโบว์อันใหญ่เป็นลูกเล่นด้านข้าง ชุดราตรีสีโอลด์โรสยิ่งช่วยขับให้ผิวขาวเนียนของมธุรสยิ่งขาวเนียนผุดผ่องขึ้นไปอีก
"ดูนั่นสิ นั่นลูกเลี้ยงของนายหัวไกรสีห์คนที่เดินตามแม่กับพ่อเลี้ยงอยู่นั่นน่ะ เด็กคนนี้สวยมากเลยนะเธอ" นางสมรญาติฝั่งเจ้าบ่าวที่รู้จักกับนายหัวไกรสีห์เป็นอย่างดีสะกิดชี้นิ้วให้คุณนายสายใจดูสาวน้อยคนสวยที่เดินตามหลังแม่และพ่อเลี้ยงเข้ามาในงานเลี้ยง
"สวยมากจริงๆ ด้วยนะเธอ สวยอย่างนี้ฉันล่ะกลัวใจเสียจริง" นางสายใจแกล้งทำเป็นพูดเหมือนหวังดีเป็นห่วงเด็กสาวแต่แฝงความประสงค์ร้ายเอาไว้ มันก็ไม่พ้นเรื่องนินทาว่าร้ายให้เสียหายกันนั่นแหละ
"กลัวใจยังไงเหรอคะคุณสายใจ" นางสมรแกล้งจีบปากจีบคอถามออกไป
"อ้าวก็กลัวใจนายหัวไกรสีห์นะสิคะ รายนั้นก็ยังไม่แก่เสียหน่อย"
"พี่สายใจกำลังจะบอกว่าหลานชายน้องจะเทครัวเอาทั้งแม่ทั้งลูกเหรอคะ" นางสมรแกล้งจีบปากจีบคอถามออกไป
"ก็ใช่นะสิคะคุณน้อง คุณน้องก็ดูแม่สาวน้อยแสนสวยคนนั้นสิคะ นางสวยหยอกเสียที่ไหน" นางสายใจแกล้งพูดให้คิดอีก
"เออก็จริงอะนะ ลูกเลี้ยงสวยขนาดนั้น แม่หอบผ้าหอบผ่อนตามผู้ชายมาอยู่บ้านคนอื่นได้ ลูกสาวก็คงไม่น้อยหน้าก็คงนิสัยแย่เหมือนแม่นั่นแหละ" นางสมรพูดแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนที่จะขอตัวเดินจากสายใจไปทักทายแขกคนอื่นในงาน
"คุณสมรค่ะ สาวสวยที่เดินตามหลังนายหัวไกรสีห์สองคนนั้นเป็นใครกัน คนที่ใส่ชุดสีโอลด์โรส สาวน้อยคนนั้นน่ะสวยจังเลยนะคะ" นางอารีแขกคนหนึ่งในงานที่รู้จักนายหัวไกรสีห์ถามนางสมร
"ลูกเลี้ยงของหลานชายดิฉันนะสิคะคุณน้อง อีกคนนะแม่ของนางเป็นเมียของพ่อสิงห์เขา แต่อย่าหาว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลยนะคะ ไม่รู้ว่าลูกเลี้ยงจะขยับเลื่อนขั้นมาเป็นเมียอีกคนหนึ่งวันไหนก็ไม่รู้" นางสมรนินทาให้นางอารีฟัง
"อ้าวทำไมเป็นอย่างนั้นละคะ"
"แล้วลูกเลี้ยงสาว สวยน้อยเสียที่ไหน นี่พามาออกงานแพ็กคู่เชียวนะ พ่อเลี้ยงที่ไหนจะสนิทกะหนุงกะหนิงพาลูกเลี้ยงสาวมาออกงานด้วยกัน หลานชายดิฉันยังไม่แก่เสียหน่อย เด็กสาวๆ กับผู้หญิงแก่ผ่านการมีผัวมาแล้วหลานชายดิฉันมันก็ต้องมีเผลอใจแอบคิดกับลูกเลี้ยงบ้างแหละ" นางสมรคิดให้ร้ายพูดนินทา ในคำพูดมีแต่ความคิดลบๆ ตอนที่พูดไปก็ไม่ทันเห็นว่ามารตีเดินมาตักอาหารและทันได้ยินเข้าพอดี แต่มารตีได้ยินแล้วก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรหรือพูดตอบโต้อะไรออกไปเลยแม้แต่น้อย ตักอาหารเสร็จแล้วก็เดินกลับไปที่โต๊ะ เพราะปล่อยลูกสาวคนสวยและสามีนั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะเพียงลำพังแต่พอกลับมาถึงโต๊ะก็พบว่านายหัวภาคินนั่งอยู่ที่โต๊ะแล้ว
"อ้าวนายหัวภาคินมาถึงนานแล้วหรือคะ" มารตีทักทายนายหัวภาคินที่นั่งอยู่ที่โต๊ะกับสามีและลูกสาว
"มาตั้งแต่งานตอนเช้าแล้วครับ พอดีผมกลับไปนอนพักอาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับมาใหม่ครับ"
"อ๋อ เหรอคะงั้นคืนนี้นายหัวก็ค้างที่นี่ด้วยนะสิคะ" มารตีถามขึ้นแววตาเหมือนคิดหาทางออกในบางเรื่องขึ้นได้
"ครับ ผมค้างที่รีสอร์ตครับ คงขับรถกลับบ้านไม่ไหวครับ"
"ค่ะดีเลยค่ะ แล้วนี่ตักอาหารแล้วยังคะ น้ำผึ้งก็ยังไม่ได้ตักอาหารเลย ลูกไปตักอาหารพร้อมนายหัวสิลูก นายหัวมารตีฝากน้ำผึ้งหน่อยไปตักอาหารเป็นเพื่อนลูกสาวของมารตีหน่อยนะคะ"
"ด้วยความยินดีครับ เชิญครับคุณน้ำผึ้ง" นายหัวภาคินรับคำแล้วลุกขึ้นชวนมธุรสไปตักอาหารด้วยกัน
"เอ่อ ขอบคุณค่ะ แต่จริงๆ ไม่ต้องรบกวนนายหัวหรอกค่ะ น้ำผึ้งเดินไปตักเองได้ค่ะ" มธุรสลุกขึ้นยืนแล้วพูดปฏิเสธออกไปด้วยความลำบากใจในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ไม่อยากให้นายหัวหนุ่มคิดว่าแม่ของตนเองกำลังเปิดทางทอดสะพานให้นายหัวอยู่
"ก็ไม่ได้ถือเป็นการรบกวนอะไรนะครับ ผมก็จะเดินไปตักอาหารอยู่แล้ว" นายหัวภาคินมองหน้ามธุรสแล้วพูดออกไป มธุรสเห็นว่าจะยืนโต้เถียงกันนานจนยืดเยื้อเลยเดินออกไปจากโต๊ะเป็นที่บาร์อาหารและเครื่องดื่ม นายหัวภาคินจึงเดินตามไป
"คุณสิงห์ไปตักอาหารสิคะ มารตีเจ็บเท้าสงสัยรองเท้าคู่ใหม่ของมารตีจะเล่นงานมารตีเข้าให้แล้วล่ะค่ะ คุณสิงห์ไปตักเองได้มั้ยคะ"
"ครับเดี๋ยวผมไปจัดการเอง รีบตักมากินเดี๋ยวบ่าวสาวเขาจะขึ้นเวทีกันแล้ว มัวแต่คุยทักทายคนนั้นคนนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย" นายหัวไกรสีห์พูดแล้วส่งยิ้มให้ภรรยาแล้วเดินตามลูกเลี้ยงและเพื่อนรุ่นน้องไปด้วย
ที่บาร์อาหารนายหัวภาคินเดินเข้าไปใกล้มธุรส แล้วก้มลงกระซิบพูดกับมธุรสทางด้านหลัง
"วันนี้คุณแต่งตัวสวยดีนะ พ่อเลี้ยงคุณเขาตั้งใจพาคุณมาเปิดตัวในงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสของญาติเหรอ" นายหัวภาคินก้มลงกระซิบทำให้มธุรสที่กำลังตักอาหารเพลินๆ เสียงพูดของนายหัวทำให้มธุรสสะดุ้งตกใจเล็กน้อย
"อุ๊ย คุณ นายหัว"
"พูดแค่นี้ตกใจด้วยเหรอ ผมแค่เดินเข้ามาชมว่าคุณสวยดี" นายหัวภาคินพูดแล้วยิ้มๆ ในแบบฉบับผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่ง
"ขอบคุณค่ะที่ชมฉัน แต่คุณเดินเข้ามากระซิบด้านหลังฉัน ฉันไม่ทันมองและไม่ทันตั้งตัวเลยตกใจนิดหน่อย ช่วยขยับถอยไปหน่อยค่ะฉันตักอาหารเสร็จแล้วจะกลับโต๊ะ"
"ดูคุณไว้เนื้อไว้ตัวนะ แต่ทำไมถึงได้แต่งตัวสวยตามพ่อเลี้ยงมาล่อเสือล่อตะเข้ในงานเลี้ยงได้นะ" นายหัวภาคินถามแบบน้ำเสียงเยาะหยันเบาๆ
"นี่คุณ ฉันไม่ได้แต่งตัวมาล่อเสือ ล่อตะเข้ หรือตัวเหี้ยที่ไหนหรอกค่ะ งานเลี้ยงวันนี้ฉันก็ไม่ได้อยากมาแต่อาสิงห์เขาต้องการให้ฉันมาเปิดหูเปิดตารู้จักกับญาติๆ ของเขาเอาไว้ก็แค่นั้น" มธุรสพูดตอบโต้ออกไปอย่างเหลืออด
"อ๋อ เพราะอย่างนี้นี่เองคนในงานคืนนี้เขาถึงได้สนใจพูดถึงสาวน้อยคนสวยลูกเลี้ยงสาวของพี่สิงห์กันให้ขรม" นายหัวภาคินพูดเยาะมธุรสอีก
"นี่คุณ ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคนในงานเขาจะพูดถึงฉันว่ายังไงและฉันก็ไม่ได้สนใจด้วย ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด หลีกทางให้ฉันด้วยค่ะ" มธุรสพูดขึ้นเสียง ขอให้นายหัวภาคินหลีกทางให้ด้วยความไม่พอใจ
"โอเค หลีก ผมหลีกทางให้คุณ เจอกันที่โต๊ะครับคุณมธุรส" นายหัวภาคินจึงยกมือขึ้นเป็นการแสดงว่ายอมหลีกทางให้ หลังจากนั้นมธุรสก็รีบเดินกลับโต๊ะ นายหัวภาคินเองก็รีบตักอาหารและเดินกลับไปที่โต๊ะด้วยเช่นกัน