บทที่3 เพื่อนสนิทนายหัวไกรสีห์

2190 Words
น้อยและมธุรสกินก๋วยเตี๋ยวเสร็จแล้วก็ได้ชวนกันไปซื้อชาเย็นกลับไปทานในช่วงบ่ายป้องกันอาการง่วงนอน "น้ำผึ้งกินอิ่มแล้วหนังตาเริ่มจะหย่อน พี่ขอแวะซื้อชาเย็นหน่อยนะ" น้อยบอกกับมธุรส "ได้เลยค่ะพี่น้อย น้ำผึ้งขอด้วยแก้วหนึ่งนะคะ" มธุรสรับคำก่อนที่จะจอดมอเตอร์ไซน์แวะซื้อชานมเย็นกันคนละหนึ่งแก้ว "ไม่คุ้นหน้าน้องสาวคนสวยคนนี้เลยนะน้อย ลูกเต้าของใครกันหน้าตาผิวพรรณสวยเหมือนดาราเลย" เจ้าของร้านขายน้ำชงถามพี่น้อย "อ๋อ เป็นลูกสาวของแฟนนายหัวไกรสีห์จ้า ชื่อน้ำผึ้ง" พี่น้อยแนะนำให้เจ้าของร้านขายน้ำชงรู้จัก "สวัสดีค่ะพี่ น้ำผึ้งฝากเนื้อฝากตัวมาสั่งน้ำชงแสนอร่อยเป็นลูกค้าประจำด้วยคนนะคะ พี่น้อยเขาชมใหญ่ว่าน้ำชงร้านพี่อร่อยที่สุดในอำเภอแล้วค่ะ" น้ำผึ้งพูดจาหวานหูฝากเนื้อฝากตัวกับคนในพื้นที่ "แหม หน้าก็สวยพูดจาก็ไพเราะ นี่ถ้าพี่มีน้องชายหรือลูกชายนะ จะรีบทาบทามสู่ขอน้องมาเป็นน้องสะใภ้หรือเป็นลูกสะใภ้พี่เลย น่าเสียดายจริงเจ๊ไม่มีน้องชายและไม่มีผัวด้วยสิเลยหมดสิทธิ์จะขอน้องมาเป็นสะใภ้เลย" แม่ค้าขายน้ำชงพูดหน้าตายิ้มแย้มอัธยาศัยดีสมกับความเป็นแม่ค้า "แหม เจ๊อ้อย น้อยแนะนำเจ๊นะ เจ๊รีบหาผัวก่อนหาลูกสะใภ้ดีกว่ามั้ย" น้อยพูดแซวเจ้าของร้าน "เจ๊ก็ว่าอย่างนั้นแหละ แต่ว่าน้องน้ำผึ้งนี่เป็นคนสวยจริงๆ นะ สวยแบบนี้มีแฟนแล้วยัง ถ้ายังไม่มีนะเจ๊จะช่วยหาให้" เจ๊อ้อยพูดไปมือก็ง่วนอยู่กับการชงชาเย็น "ไม่เป็นไรหรอกจ้าเจ๊ ผึ้งเพิ่งจะเรียนจบมัธยมปลายเองค่ะ ยังไม่พร้อมที่จะมีแฟนเลย" มธุรสบอกแล้วยิ้มให้เจ๊อ้อย หลังจากที่ได้ชานมมาคนละแก้ว สองสาวก็ได้กลับไปทำงานที่ฟาร์มต่อ ตอนเช้าของวันต่อมาที่บ้านของนายหัวไกรสีห์ "หนูน้ำผึ้ง วันนี้ไปทำงานพร้อมกับอามั้ย" นายหัวไกรสีห์ถามลูกเลี้ยงสาว "เอ่อ อาสิงห์ไปกับแม่สองคนดีกว่าค่ะ พอดีผึ้งนัดกับพี่น้อยเขาเอาไว้แล้ว" "วันนี้แม่เราเขาไปกับอาไม่ได้หรอก อาอยากให้เขาอยู่จัดการเรื่องในบ้าน อยากให้ดูความเรียบร้อยของงานครัวด้วย พอดีวันนี้เพื่อนสนิทของอาเขาจะแวะมากินมื้อค่ำและอาจจะนั่งดื่มกันต่อนิดหน่อย" นายหัวบอกเมียกับลูกเลี้ยงสาว "ได้ค่ะ มารตีจะจัดการเรื่องในบ้านไว้ให้เรียบร้อยค่ะ" มารตีรับคำสามี "ดีครับ ช่วงเช้าคุณจะออกไปเสริมสวยก่อนผมก็ไม่ว่านะ แต่กลับมาดูงานครัวควบคุมแม่บ้านหน่อยก็แล้วกัน แล้วหนูน้ำผึ้งล่ะว่ายังไงตกลงจะไม่ไปทำงานพร้อมอาจริงๆ ใช่มั้ย" นายหัวไกรสีห์ถามย้ำลูกเลี้ยงอีกครั้ง "ค่ะ ผึ้งไปทำงานกับพี่น้อยดีกว่าค่ะคุณอา" "ให้น้ำผึ้งไปทำงานเองเถอะค่ะคุณสิงห์" มารตีพูดเข้าข้างลูกสาวเพราะลึกๆ แล้วก็ไม่อยากให้ลูกสาวอยู่ใกล้ชิดกับสามีของตัวเองเช่นกัน "ก็ตามใจหนูน้ำผึ้งนะ อันที่จริงอาไม่อยากให้หนูน้ำผึ้งไปคลุกคลีสนิทสนมกับลูกหลานของคนงานให้มาก อาไม่ได้ให้หนูผึ้งมาอยู่ที่นี่ในฐานะคนงานนะ เลิกงานแล้วกลับพร้อมอาก็แล้วกันจะได้รีบกลับมาอาบน้ำเตรียมตัว วันนี้เพื่อนของอามากินข้าวที่บ้านด้วยอยากแนะนำหนูกับแม่ให้รู้จักกันเอาไว้" "ค่ะ ได้ค่ะคุณอา ผึ้งขอบคุณคุณอามากค่ะ" น้ำผึ้งรับคำด้วยความขอบคุณ ทานอาหารเช้าเสร็จแล้วน้ำผึ้งก็ซ้อนมอเตอร์ไซน์ของน้อยหลานสาวแม่บ้านออกไปทำงาน ตอนเย็นเลิกงานแล้วน้ำผึ้งก็ได้กลับบ้านกับนายหัวไกรสีห์ "ผึ้งขอบคุณอาสิงห์มากนะคะที่ให้ผึ้งติดรถกลับบ้าน ผึ้งขอตัวไปดูแม่ในครัวก่อนนะคะเผื่อว่าแม่มีอะไรให้ผึ้งช่วย" มธุรสยกมือไหว้ขอบคุณเมื่อลงจากรถ BMW คันงามของนายหัวไกรสีห์และขอตัวไปดูแม่ทำกับข้าวในครัว "ไม่ต้องไปช่วยแม่เขาหรอก หนูผึ้งไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเถอะ แม่ของหนูเขาโทรมาบอกผมแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยเสร็จหมดแล้ว เขายังสั่งชุดใหม่มาให้หนูผึ้งด้วย หนูขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ เสร็จแล้วเดี๋ยวมาเจอกันที่โต๊ะอาหารตอนหกโมงตรงนะ" "อ๋อ ได้ค่ะคุณอา" มธุรสรับคำก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไปยังห้องพักของตัวเอง ถึงเวลาอาหารเย็น มธุรสก็ได้ลงมาด้านล่าง กำลังเดินผ่านโถงห้องนั่งเล่นของบ้านไปยังห้องอาหารแต่แม่ของมธุรสหันไปเรียกเอาไว้ให้มธุรสมาสวัสดีทักทายเพื่อนของนายหัวไกรสีห์เสียก่อน "น้ำผึ้ง มาหาแม่ก่อน มาสวัสดีนายหัวภาคินก่อนลูก" นางมารตีร้องเรียกลูกสาวเอาไว้ มธุรสเลยรับคำแล้วเดินไปหาแม่ของตัวเอง "ค่ะแม่" มธุรสขานรับแล้วเดินไปหาแม่ "หนูน้ำผึ้งนี่ภาคินเป็นเพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกับอามากที่สุด อคินนี่หนูน้ำผึ้งลูกสาวของคุณมารตีเมียกู" นายหัวไกรสีห์แนะนำให้สองคนได้รู้จักกัน "สวัสดีค่ะนายหัว เอ๊ยคุณ.." มธุรสยกมือไหว้แต่พอมองหน้าเห็นหน้านายหัวภาคินชัดขึ้นก็อุทานอย่างนึกขึ้นได้ว่าเคยเจอกัน มธุรสอุทานนายหัวภาคินเองก็พูดขึ้นว่า "อ้าวคุณนั้นเอง โลกกลมจังเลยนะพี่สิงห์ไม่คิดว่าสาวน้อยที่เจอกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเมื่อวานจะกลายมาเป็นลูกเลี้ยงพี่สิงห์ไปได้" นายหัวภาคินพูดขึ้นสีหน้ายินดีที่ได้มาเจอกับมธุรสอีกครั้ง "อ้าว สองคนนี้เคยเจอกันแล้วหรือคะ แหมโลกกลมจริงๆ ด้วยนะคะ" มารตีพูดยิ้มๆ เฝ้าจับสังเกตอาการของนายหัวภาคินที่มีต่อลูกสาวของตัวเองไปด้วย "นั่นนะสินะ แล้วเป็นยังไงถึงได้ไปเจอกันที่ร้านก๋วยเตี๋ยวได้ล่ะ" นายหัวไกรสีห์ถามขึ้นด้วยความสงสัย "ผึ้งเดินไม่ทันระวังไปชนนายหัวภาคินเข้าให้ค่ะคุณอา" มธุรสเป็นคนตอบขึ้นก่อน "ก็ไม่เชิงหรอกครับพี่ ไม่ใช่เขามาชนผมเองคนเดียวผมเองก็ไปชนเขาด้วย ต่างคนต่างเดินไม่ทันมองมากกว่า" นายหัวภาคินพูดแก้แล้วส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับทุกคน "ค่ะ เอาเป็นว่าสรุปว่าต่างคนต่างชนกัน โลกเหวี่ยงมาเจอกันแหละนะคะมารตีว่า แต่ตอนนี้ได้เวลาอาหารค่ำแล้ว เด็กคงจัดโต๊ะเสร็จแล้วยังไงเรียนเชิญนายหัวภาคินที่โต๊ะอาหารดีกว่านะคะคงหิวกันแล้ว" "เออใช่ ไปเว้ยอคินไปกินข้าวกันก่อนดีกว่า วันนี้อย่ารีบกลับนะอยู่นั่งคุย นั่งดื่มเป็นเพื่อนพี่นานๆ หน่อย" นายหัวไกรสีห์พูดขึ้น ที่โต๊ะอาหาร "เอ๊ะอันนี้เขาเรียกแกงอะไรครับ ผมไม่เคยกินคล้ายๆ แกงเลียงทางใต้ใส่กะปิด้วย แต่อันนี้ใส่กะปิเข้มข้นมากกว่า แกงกับกระดูกอ่อนหมูจะว่าเป็นอาหารอีสานก็ไม่ใช่ อาหารใต้ก็ไม่เชิง" นายหัวภาคินถามขึ้นด้วยความสงสัยแต่ก็ติดใจในรสชาติของแกง ตักแกงใส่จานแล้วกินเรื่อยๆ "อ๋อ เขาเรียกว่าแกงรัญจวนค่ะนายหัว เป็นอาหารทางภาคกลาง มันคือการตำน้ำพริกมาใส่แกง เหมือนแกงอ่อมแต่นี่ใส่น้ำพริก ใส่ขาโหระพา หอมแดง ทำให้น้ำแกงเข้มข้นชูโรงด้วยกะปิค่ะ เคี้ยวน้ำแกงจนกระดูกหมูเปื่อยได้ที่ ถ้านายหัวชอบก็แวะมาทานบ่อยๆ สิคะ ยายน้ำผึ้งเขาก็มีฝีมือเรื่องทำแกงรัญจวนมากทำได้อร่อยกว่ามารตีทำเสียอีกนะคะ" มารตีพูดอธิบายเรื่องแกงรัญจวน "ครับ ขอบคุณครับคุณมารตี ผมชอบนะครับรสชาติอร่อยมาก ไว้ผมมีโอกาสจะมาฝากท้องบ่อยๆ นะครับ" นายหัวภาคินตอบรับแล้วเหลือบสายตาไปมองมธุรสแต่มธุรสก็ไม่ได้แสดงทีท่าอะไรมีอาการรับฟังเฉยๆ "หนูน้ำผึ้งก็ทำเป็นเหรอ ไว้ว่างๆ ลองลงครัวทำให้อาชิมบ้างนะ อยากรู้ว่าฝีมือจะสมราคาค่าอวดที่แม่หนูพูดหรือเปล่า" นายหัวไกรสีห์ยิ้มให้ลูกเลี้ยงสาว "ได้ค่ะไว้ผึ้งจะลงครัวทำให้ลองทานนะคะ แต่ผึ้งพอทำได้เองค่ะ แม่ก็ชมเกินไปผึ้งทำสู้ฝีมือแม่ไม่ได้หรอกค่ะ" มธุรสรับคำอย่างถ่อมตัวว่าจะทำให้ทุกคนลองทานแต่ก็ไม่ได้บอกว่าตนเองนั้นทำกับข้าวอร่อยแต่อย่างใด หลังจากนั้นมธุรสก็นั่งทานอาหารอย่างเงียบๆ ฟังนายหัวภาคินกับนายหัวไกรสีห์พูดคุยกัน ซึ่งมีบ้างในบางจังหวะที่นางมารตีผู้เป็นแม่ร่วมพูดคุยด้วย "อิ่มแล้วเหรอน้ำผึ้ง" นายหัวไกรสีห์ถามขึ้นเมื่อเห็นว่ามธุรสรวบช้อนแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม "อิ่มแล้วค่ะอาสิงห์ พอดีว่าเมื่อตอนบ่ายผึ้งกินขนมที่พี่น้อยซื้อมาฝากเลยยังอิ่มอยู่ มื้อเย็นจึงกินได้ไม่เยอะค่ะ เชิญอาสิงห์กับนายหัวทานต่อนะคะ ขอโทษด้วยที่ผึ้งเสียมารยาทอิ่มก่อน" "ไม่เป็นไร อิ่มแล้วก็อิ่มไม่ถือว่าเสียมารยาทอะไรหรอกคนกันเองทั้งนั้น ไอ้อคินกับอาก็เพื่อนฝูงกัน เป็นเพื่อนรุ่นน้องสามปีก็ถือว่ารุ่นราวคราวเดียวกันนะ" นายหัวไกรสีห์พูดขึ้น "รุ่นเดียวกันก็รุ่นเดียวกันครับพี่สิงห์ ผมได้หมด" นายหัวภาคินรับคำและแอบส่งสายตาชำเลืองมองมธุรสเล็กน้อย "รุ่นราวคราวอากันแล้วเราน่ะ กูน่ะมีเมียมาสามคนแล้ว ว่าแต่แก่เถอะอคินเมื่อไหร่จะมีเป็นตัวเป็นตนอายุอานามก็ไม่น้อยแล้วนะ35ปีเข้าไปแล้ว" นายหัวไกรสีห์ถามหยอกเย้าเพื่อนรุ่นน้องที่ยังไม่ยอมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนเสียที "เนื้อคู่ของผมคงยังไม่เกิดมั้งครับพี่" นายหัวภาคินพูดยิ้มๆ ไม่ได้คิดมากหรือเดือดร้อนเรื่องที่ตนเองยังไม่แต่งงานแต่อย่างใด "สงสัยจะจริง แต่ว่าเนื้อคู่ของกูสงสัยแม่งจะมีหลายคน แต่งงานมาสองครั้งจัดงานใหญ่โตแม่งแต่อยู่ด้วยกันได้ไม่เกินสามปีสักคน ครั้งนี้เลยไม่แต่งแล้ว ถ้าจะอยู่กันได้ก็คงความเข้าใจ จัดงานใหญ่โตก็ไม่ช่วยให้อยู่กันยืดใช่มั้ยคุณมารตี" นายหัวไกรสีห์หันไปถามการตอบรับสนับสนุนจากมารตีเรื่องที่ไม่จัดงานแต่งงานเป็นครั้งที่สาม "ก็คงจะใช่ค่ะคุณสิงห์ มารตีเองก็ไม่ได้คิดมากเรื่องจัดงานใหญ่โต ขอแค่เข้าใจกัน อยู่ดูแลกันได้ก็พอแล้วค่ะ ว่าแต่นายหัวอคินนี่ยังไม่เคยแต่งงานมีครอบครัวเลยจริงๆ หรือคะ มารตีไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเพียบพร้อมอย่างนายหัวนี่จะยังไม่แต่งงาน" "เชื่อเถอะคุณมารตี ไอ้นี่มันคนช่างเลือก เลือกมากไม่ยอมปลงใจกับใครสักคนจนแก่แล้วเนี่ย" นายหัวไกรสีห์พูดย้ำอีกเพื่อให้มั่นใจว่านายหัวภาคินโสดสนิทจริงๆ "ครับ เชื่อเถอะครับผมโสด" นายหัวภาคินพูดยืนยันอีกครั้ง ยิ้มๆ แล้วชำเลืองมองไปที่มธุรสแต่มธุรสก็หลบตาไม่ได้มองโต้ตอบกลับ อาการของนายหัวภาคินที่แสดงต่อลูกเลี้ยงสาวอยู่ในสายตาและการจับจ้องของนายหัวไกรสีห์อยู่ตลอดเวลา เมื่อเห็นดังนั้นนายหัวไกรสีห์จึงแกล้งพูดทีเล่นทีจริงว่ากับนายหัวภาคินว่า "โสดแต่ก็ไม่สดไม่ชิงแล้วแหละรุ่นนี้แล้ว" นายหัวไกรสีห์พูดแล้วหัวเราะออกมา "ครับ อายุขนาดผมคงไม่สดเหมือนปลาที่เพิ่งขึ้นจากบ่อแล้วครับพี่สิงห์ จะมาคาดหวังหาความสดอะไรกับผมละครับขนาดเด็กสาวสมัยนี้สิบห้าสิบหกยังหาความบริสุทธิ์ยากเลยนะครับ" นายหัวภาคินพูดแล้วชำเลืองมองมธุรสอีกครั้ง คราวนี้ตาประสานตากันอย่างจังมธุรสเองก็มองกลับแบบไม่ได้คิดอะไร หลังจากมื้อค่ำผ่านไป นายหัวภาคินกับนายหัวไกรสีห์ก็ได้นั่งคุยและนั่งดื่มกันต่อตามประสาผู้ชาย ตอนประมาณเกือบห้าทุ่มนายหัวภาคินจึงได้ขอตัวกลับบ้าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD