บทที่2 น้ำตาลใกล้มด

1849 Words
เช้าของวันต่อมาที่โต๊ะอาหารบ้านของนายหัวไกรสีห์ มารตีและนายหัวไกรสีห์ได้เดินควงคู่กันลงมาจากด้านบนห้องนอน ลงมาถึงก็พบว่ามธุรสนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารเช้าแล้ว "หนูน้ำผึ้งนี่ใช้ได้นะตื่นแต่เช้าเลย เป็นเราสองคนนะคุณมารตีที่ตื่นสาย" นายหัวไกรสีห์พูดแล้วส่งยิ้มให้มธุรส "ค่ะนายหัว ปกติผึ้งก็ตื่นเช้าช่วยแม่ทำอาหารเช้าก่อนไปโรงเรียนจนเคยชินน่ะค่ะ วันนี้ก็เลยตื่นมาเป็นลูกมือคุณป้าแม่บ้านทำข้าวต้มทรงเครื่องไว้เป็นอาหารเช้า แม่กับนายหัวลองชิมดูสิคะ" "ดีเลย ลูกสาวคุณนี่เก่งใช้ได้เลยนะคุณมารตี แต่ว่าหนูผึ้งไม่ต้องเรียกผมว่านายหัวหรอกนะ เรียกผมว่าคุณอาจะดูเหมาะกว่านะ" "เอ่อ คือว่า..." มธุรสมีท่าทีลังเลที่จะเรียกแบบนั้นเลยชำเลืองมองผู้เป็นแม่อย่างต้องการขอความเห็น "นายหัวเขาอยากให้เรียกคุณอาลูกก็เรียกไปเถอะน้ำผึ้ง นายหัวคงอยากทำความรู้จักเหมือนญาติเป็นคนในครอบครัวเป็นลูกเป็นหลานใช่มั้ยคะนายหัว" มารตีจีบปากจีบคอพูดกับลูกและสามีใหม่ "ใช่แล้วคุณมารตี คุณเองก็เรียกผมว่าคุณสิงห์ก็พอ นายหัวปล่อยให้คนงานที่สวนกับที่ฟาร์มสเตย์เขาเรียกกันก็พอ ลูกเมียเรียกเป็นกันเองจะดีกว่า" นายหัวไกรสีห์พูดสนับสนุน "ค่ะ น้ำผึ้งขออนุญาตเรียกนายหัวว่าคุณอาสิงห์ก็แล้วกันนะคะ แม่กับคุณอาทานข้าวเถอะค่ะ" มธุรสรับคำอย่างว่าง่าย "อือ ทานข้าวกันก่อน เออแล้วเรื่องที่หนูน้ำผึ้งบอกว่าอยากจะลองทำงานช่วงปิดเทอม หนูยังยืนยันว่าอยากทำงานอยู่อีกหรือเปล่า" นายหัวไกรสีห์ถามขึ้น "ยังอยากทำอยู่ค่ะคุณอาสิงห์ งานเสิร์ฟ งานครัว งานอะไรที่ฟาร์มสเตย์ขาดคนอยู่ในช่วง 1-2เดือนนี้ ผึ้งทำได้หมดเลยนะคะ" มธุรสพูดขึ้นน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจที่จะได้ทำงานเก็บเงินไว้เรียนหนังสือ "งั้นกินข้าวเช้าเสร็จเราไปดูงานที่ฟาร์มสเตย์กันเลยดีมั้ย" นายหัวไกรสีห์ถามความเห็น "ว่าไงคะแม่ แม่สะดวกไปมั้ยหรือแม่ยังอยากพักก่อนก็ได้นะคะ" มธุรสหันไปถามความเห็นของแม่ "มารตีแล้วแต่คุณสิงห์สะดวกเลยค่ะ มารตีไปได้จะได้ไปดูงานในฟาร์มด้วยเผื่อมารตีพอจะช่วยอะไรคุณสิงห์ได้" แม่ของมธุรสพูดรับคำแล้วส่งยิ้มหวานเอาใจนายหัว หลังจากพาสองแม่ลูกไปดูงานที่ฟาร์มสเตย์ นายหัวไกรสีห์ก็ได้ตัดสินใจรับมธุรสเข้าทำงานในตำแหน่ง receptionของทางฟาร์มสเตย์แห่งนี้ มธุรสมีหน้าที่รับจองที่พักต้อนรับลูกค้าที่มาพักผ่อนทานอาหารและค้างคืนที่ฟาร์มแห่งนี้ การเดินทางไปทำงานนั้นมธุรสเดินทางจากบ้านของนายหัวไปทำงานพร้อมกับนายหัว โดยบางครั้งมารตีก็ไปด้วยแต่บางครั้งก็ไม่ได้ไป "หนูน้ำผึ้งวันนี้ไปทำงานพร้อมอานะ พอดีวันนี้อาไม่ได้ไปสวนปาล์มแต่อาจะเข้าไปดูที่ฟาร์มเสียหน่อย ได้ข่าวว่าช่วงนี้ลูกค้าเข้ามาทานอาหารและเข้ามาพักเยอะ" นายหัวไกรสีห์พูดเปรยขึ้น "ค่ะลูกค้าเยอะค่ะคุณอาสิงห์ โดยเฉพาะช่วงวันหยุด แต่ว่าไปทำงานนี่เดี๋ยวผึ้งจะไปพร้อมกับพี่น้อยหลานสาวคุณแม่บ้านที่ไปทำงานอยู่ที่ฟาร์มด้วยกันจะสะดวกกว่า วันนี้คุณอาสิงห์ต้องพาแม่ไปทำเล็บด้วยไม่ใช่เหรอคะ" มธุรสพูดปฏิเสธด้วยความนิ่มนวล "แล้วหนูผึ้งจะไปกับน้อยยังไง ไปกับอาดีกว่าเดี๋ยวอาแวะไปส่งแม่หนูแล้วเราก็เข้าไปทำงานพร้อมกัน" "ผึ้งไม่อยากรบกวนเวลาคุณอาสิงห์กับแม่ค่ะ อีกอย่างผึ้งไม่อยากไปถึงที่ทำงานสาย ไม่อยากดูไม่ดีในสายตาเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ด้วยค่ะ ผึ้งไม่อยากได้อภิสิทธิ์เหนือคนอื่นมันจะทำให้ลำบากใจในการทำงานตามมาในภายหลังได้ค่ะ เดี๋ยวผึ้งขอซ้อนท้ายมอเตอร์ไซน์ของพี่น้อยไปจะสะดวกกว่าค่ะ" "ปล่อยให้ยายน้ำผึ้งไปกับน้อยเถอะคุณสิงห์ ยายน้ำผึ้งจะได้ปรับตัวเข้ากับเพื่อนร่วมงานของแกได้เร็วขึ้นด้วย" มารตีพูดสนับสนุนเหตุผลของลูกสาว "เอาอย่างนั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวค่อยเจอกันที่ทำงาน อาจะซื้อขนมไปฝากนะ" "ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรนะคะคุณอา ผึ้งไม่อยากรบกวน" "จะรบกวนอะไรกัน เรามันคนกันเองทั้งนั้น" นายหัวไกรสิงห์พูดแล้วยิ้มให้ลูกเลี้ยงสาว เมื่อไปส่งมารตีแม่ของมธุรสไปทำผมทำเล็บทำสปาที่ร้านเสร็จ นายหัวไกรสิงห์ก็ไม่ได้อยู่รออ้างว่ามีเอกสารงานที่ต้องเซนต์อนุมัติด่วน ตนเองต้องรีบเข้าไปทำงานถ้ามารตีทำสปาทำผมทำเล็บเสร็จแล้วให้โทรหาเขา เขาจะส่งคนขับรถมารับ มารตีทำสปาเสร็จก็โทรตามคนขับรถไปรับพาไปที่ฟาร์ม แต่พอไปถึงห้องทำงานของนายหัวไกรสีห์ก็พบว่าสามีและลูกสาวนั่งอยู่ด้วยกัน "อ้าวยายน้ำผึ้ง ทำไมถึงได้มานั่งอยู่ในห้องทำงานของนายหัวได้ล่ะเรา ไม่ต้องทำงานเหรอลูก" มารตีถามลูกสาวแล้วเดินเข้าไปโอบกอดนายหัวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน "ผมเรียกหนูผึ้งเขาเข้ามาเอง ให้เขามาเอาขนมที่ผมซื้อมาฝากแล้วก็เลยรบกวนให้เขาช่วยชงกาแฟให้หน่อย แล้วผมก็นั่งชวนหนูน้ำผึ้งคุยเรื่องงานบัญชีของทางฟาร์มด้วย ได้ข่าวว่าหนูน้ำผึ้งเขากำลังจะไปเรียนต่อสาขาการบัญชีอยู่" นายหัวไกรสิงห์บอกมารตี "ใช่ค่ะแม่ อาสิงห์เขาเรียกผึ้งมาถามเรื่องคิวการจองห้องพักที่เต็มยาวๆ เห็นว่าช่วงนี้ลูกค้าเยอะอาสิงห์เลยคิดว่าอาจจะต้องเพิ่มพนักงานแม่ครัวเด็กเสิร์ฟเพราะไม่อยากให้ลูกค้ารอนาน ในช่วงวันหยุดเสาร์อาทิตย์ลูกค้าจะเยอะมากเป็นพิเศษ" "อ๋อ เหรอคะคุณ งั้นคุณสิงห์ให้มารตีมาช่วยควบคุมการทำงานในครัวให้ดีมั้ยคะ" มารตีเสนอตัวอยากมาทำงานพร้อมสามี จริงๆ ใจหนึ่งก็ไม่ได้อยากทำงานหรอกแต่ใจหนึ่งก็อยากมาด้วยเพราะการที่ให้ลูกสาวมาใกล้ชิดกับสามีที่ยังหนุ่มของตัวเองมันก็เหมือนฝากปลาย่างไว้กับแมว "น้ำตาลใกล้มด เราต้องหาทางป้องกันก่อนที่อะไรๆ มันจะสายเกินไป" มารตีได้แต่คิดในใจ "ถ้าคุณอยากทำงานผมก็ไม่ว่า แต่ผลก็อยากให้คุณอยู่สบายๆ มากกว่านะ" นายหัวไกรสีห์พูดบอกกับมารตี "แม่กลับมาแล้ว คุณอามีคนอยู่เป็นเพื่อนคุยแล้ว ถ้าอย่างนั้นน้ำผึ้งขอตัวออกไปดูแลลูกค้าด้านนอกก่อนนะคะ พี่น้อยดูอยู่คนเดียวคงวุ่นวายอยู่พอสมควร" มธุรสได้จังหวะขอตัวกลับออกไปทำงานพอดี "ไปเถอะลูก" นางมารตีบอกลูกสาวแต่ไม่วายหัวหนุ่มใหญ่ก็ได้พูดชวนลูกเลี้ยงสาวให้มากินมื้อเที่ยงด้วยกันอีก "หนูน้ำผึ้ง มื้อเที่ยงมาทานข้าวด้วยกันนะ เดี๋ยวอาให้เด็กจัดโต๊ะรอที่ศาลาริมลำธาร" "เอ่อ เห็นทีว่ามื้อเที่ยงนี้ผึ้งต้องขออนุญาตนะคะ พอดีผึ้งนัดกับพี่น้อยจะออกไปกินก๋วยเตี๋ยวกะลาเจ้าอร่อยหน้าปากซอยกันค่ะคุณอา" มธุรสบอกปฏิเสธด้วยความนิ่มนวล "อ้าว ทำไมไปกินข้างนอก ที่ฟาร์มของเราก็ทำอาหารอร่อยนะ" นายหัวไกรสีห์ถามขึ้นอีก "เอาเถอะค่ะคุณสิงห์ ปล่อยเด็กเขาไปกินก๋วยเตี๋ยวกันดีแล้ว น้ำผึ้งเขาจะได้ออกไปเปิดหูเปิดตาเห็นผู้คนแถวนี้บ้าง" มารตีพูดแล้วส่งสายตาเป็นเชิงบอกให้ลูกสาวออกไปได้ มธุรสนั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซน์ของน้อยมาถึงร้านอาหารปากซอยเข้าสวนของนายหัวไกรสีห์ มาถึงร้านทั้งหนุ่มน้อยและหนุ่มใหญ่ หนุ่มเด็กและหนุ่มแก่ต่างก็จ้องมองมาที่มธุรสกันเป็นตาเดียว "พี่น้อย ทำไมคนในร้านถึงได้มองผึ้งแปลกๆ จังเลยคะ" มธุรสสะกิดแขนถามพี่น้อย "อ๋อ คนแถวนี้เขาคงแปลกตาน่ะ คงไม่เคยเคยใครสวยขาวเนียนไปทั้งเนื้อทั้งตัว น้ำผึ้งน่ะสวยเหมือนดาราในทีวีเลยนะรู้มั้ย แต่อย่าไปสนใจสายตาคนพวกนี้เลยเราเข้าไปสั่งก๋วยเตี๋ยว รีบๆ กินจะได้รีบๆ กลับไปทำงานกันดีกว่า" พี่น้อยอธิบายแล้วชวนมธุรสเข้าไปในร้าน "ค่ะพี่น้อย" มธุรสรับคำแล้วรีบเดินตามพี่น้อยไป ไม่ทันได้มองทางด้านซ้ายมือว่ามีคนกำลังเดินตรงมาจึงได้ชนเข้ากับเขาคนนั้นจังๆ "โอ๊ย ขอโทษค่ะ ๆ" มธุรสร้องอุทานก่อนที่จะเอ่ยขอโทษคนที่ชนกับตนเอง "คุณ เป็นอะไรมากมั้ยครับ" นายหัวภาคินถามสาวเจ้าออกไป พร้อมกับช่วยประคองมธุรสให้ทรงตัวยืนได้ "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เป็นไรขอบคุณ คุณมากนะคะที่ช่วยประคองฉัน" มธุรสเงยหน้าขึ้นพูดขอบคุณ แล้วแย้มยิ้มให้บางๆ นายหัวภาคินมองหน้ามธุรสแล้วก็ราวกับต้องมนต์สะกด "ครับ คุณไม่เป็นไรก็ดีมากแล้วครับ เดินไหวมั้ยให้ผมช่วยประคองคุณเข้าไปในร้านมั้ยครับ" นายหัวหนุ่มถามขึ้นด้วยท่าทีห่วงใยและเป็นมิตร "ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเดินได้" มธุรสรีบปฏิเสธและพอดีกับที่น้อยหันหลังกลับมามองมธุรสแล้วรีบวิ่งกลับมาดูน้อง "น้ำผึ้ง เป็นอะไรหกล้มไปชนนายหัวภาคินเขาเหรอ" น้อยถามขึ้นก่อนที่จะหันไปยกมือสวัสดีนายหัวภาคินเหมือนคนรู้จักกัน "เปล่าหรอก เขาไม่ได้เดินชนผม แต่เราสองคนเดินชนกัน น้อยพาเขาเข้าไปกินข้าวเถอะ ผมแวะมารับกับข้าวที่สั่งไว้เดี๋ยวก็จะกลับแล้ว" นายหัวหนุ่มบอกน้อยก่อนที่จะขอตัวไปรับกับข้าวที่สั่งเอาไว้แล้วขับรถกลับบ้านไป แต่ในตอนขับรถอยู่ก็ยังคิดถึงสาวน้อยหน้าหวาน ริมฝีปากอวบอิ่ม จมูกโด่งเล็กๆ ดูรั้นๆ ดื้อดึงหน่อยๆ ได้แต่คิดว่าเด็กสาวคนนั้นเป็นลูกเต้าของใคร ทำไมเขาถึงไม่เคยเห็นหรือคุ้นหน้ามาก่อนเลย อีกทั้งผิวพรรณก็ดูขาวนวลไม่เหมือนกับลูกสาวชาวบ้านโดยทั่วไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD