PSYCHO ROMANCE+
1
รุ่งเช้าที่อากาศแสนจะเย็นสบาย ปลุกให้ฉันที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนเตียงสีขาวนุ่มเด้งลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ร่างกายของฉันขยับไปมาเพื่อปรับสภาพที่นอนบิดเบี้ยวไปเมื่อคืนให้หายขี้เกียจ ฉันอยู่ในชุดนอนสายเดี่ยวสีขาวตัวเล็ก ก่อนจะก้าวเท้าลงกับพื้นกระเบื้องที่เย็นเฉียบ ลุกขึ้นเดินไปที่ระเบียงที่เป็นกระจกสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองนี้ได้อย่างทั่วถึง ริมฝีปากของฉันยกยิ้มขึ้นมาพร้อมกับอ้าปากหาวไปด้วยเพราะนอนน้อย
“เฮ้อ อากาศดีจัง” หลายวันมานี้ฉันอยู่ที่คอนโดใจกลางเมืองกรุงที่ติดท็อปและอยู่ชั้นที่สูงที่สุด ฉันใช้เวลาในการอยู่ในห้องโดยไม่ออกไปไหนเลย ตั้งแต่กลับมาจากบ้านคราวนั้น... อาคินผู้ชายที่จ้องจะงาบฉันไปกินทุกเมื่อ เขาเคยเกือบจะทำสำเร็จ และตัวของฉันก็เคยเกือบจะตกเป็นของเขา ถ้าวันนั้นไม่ได้ไพเรทมาช่วยไว้ เขาอาศัยจังหวะที่พ่อฉันไม่อยู่ คอยลวนลามฉันเสมอ และทำไมฉันถึงไม่บอกเรื่องนี้กับพ่อ มันก็มีอยู่เหตุผลเดียวคือ ฉันบอกไม่ได้ อาคินทำทุกอย่างให้ครอบครัวของฉันไว้ใจ ใช่ ไว้ใจมากจนเสมือนคนในครอบครัวและไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรแบบนี้ แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันเองก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้แล้ว ไม่อยากให้ใครต่อใครต้องมาเป็นห่วง ฉันเรียนจบดีไซน์เนอร์ แต่ทว่าก็ยังคงไม่มีงานทำ ฉันสมัครงานไว้ที่แอลเอแต่ก็ต้องรอคำตอบอีกหลายเดือน ดังนั้นเพื่อไม่ให้ตัวเองต้องว้าเหว่อยู่ที่นั่นก็เลยเลือกที่จะกลับมาหาเพื่อนและครอบครัว ในเมื่อฉันตัดสินใจที่จะมาแล้ว ก็ไม่มีอะไรขัดฉันได้
ฉันสวมกางเกงรัดรูปสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีขาวบางที่เห็นเสื้อซับด้านใน ก่อนจะก้าวผมขึ้นเป็นมวยและออกมาจากห้อง ไปที่รถมินิฯ สุดหรูของตัวเอง ฉันมีเรื่องที่จะต้องจัดการอีกเรื่อง คนที่ทำให้ฉันเกือบจะโดนอาคินทำร้ายไง จะต้องไปเอาเรื่องเด็กนั่นให้ได้เลย
“ปืน...”
รถของฉันจอดที่หน้าบ้านของปืน พยายามมองหาร่างสูงแต่ก็ยังไม่เห็น กระทั่งประตูรั้วถูกเปิดออกด้วยร่างสูงที่สวมชุดนักเรียนเอกชนแบบไม่เป็นระเบียบ ปืนเป็นเด็กอายุสิบแปดปีที่ฉันบอกเลยว่าหล่อมาก เขามีส่วนสูงที่น่าตกใจ ใบหน้าที่หล่อเหลากับบุคลิกที่นิ่งและเป็นผู้ใหญ่ แต่นิสัยของเขายังคงความเป็นเด็กก็คือมีเรื่องชกต่อย เด็กยังไงก็คือเด็กวันยันค่ำ สายตาของฉันจับจ้องร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าบ้านตัวเอง เขาหยิบจดหมายอะไรสักอย่างออกมาจากกล่อง พลางเปิดอ่านด้วยสีหน้าที่นิ่งเฉย แต่ฉันเห็นนะว่าเขากำลังถอนหายใจอยู่ ว่าแล้วฉันเลยลงจากรถและเดินตรงไปหาเขาที่ยืนพิงรั้วประตูบ้านตัวเอง
พรึบ!
“อ่ะ เฮ้ย... เธอ?”
“ไง เด็กบ้า” ฉันฉีกยิ้มกว้างก่อนจะมองกระดาษในมือที่เพิ่งอาศัยจังหวะปืนเผลอ ฉกมันมาถือไว้ พลางก้มลงอ่านด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยคำถาม
“เรียนเชิญผู้ปกครองเหรอ?”
“เอามา”
“ขาดเรียน ทำตัวผิดระเบียบ โดนทัณฑ์บน... โดนว่ากล่าวตักเตือนไปแล้ว หักคะแนนความประพฤติก็แล้ว”
“บอกให้เอามาไง!” ปืนกระชากจดหมายจากมือฉันไปก่อนจะจับจ้องฉันด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิด เขาฉีกจดหมายทิ้งลงถังขยะก่อนจะหันหลังเดินหนี แต่ทว่าฉันกลับเดินไปคว้าต้นแขนเขาเอาไว้
หมับ
“เดี๋ยวสิปืน”
“ปล่อย ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” ฉันไม่ปล่อยมือ คิดเหรอว่าฉันจะกลัวกับคำขู่ของเด็กม.ปลาย ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะถูกฝ่ามือแกร่งจับมือบีบอย่างแรงและผลักออกไป
“นายกำลังโดนไล่ออกนะปืน”
“เรื่องของฉัน ยุ่งอะไรด้วย?”
“แต่ว่าฉันช่วยนายได้นะ อย่างน้อยก็ตอบแทนที่ช่วยจับโจรวันนั้น”
“ฉันไม่ต้องการ ไสหัวเธอไปซะ” เชอะ คำก็ไล่สองคำก็ไล่ มันจะมากไปแล้วนะ ฉันกำหมัดแน่นและเดินตรงปรี่เข้าไปหาเขา แต่ทว่าปืนกลับเบี่ยงตัวหลบ ทำให้ฉันสะดุดขาตัวเองหน้าจะคะมำลงกับพื้นถ้าไม่ได้ร่างสูงคว้าเอวฉันไว้
“อึก...”
“ซุ่มซ่าม” ใบหน้าของฉันตวัดไปมองสีหน้าของปืนที่ขุ่นมัวสุดๆ ฉันขยับตัวออกจากอ้อมแขนแกร่งและเท้าเอวเผชิญหน้ากับปืนที่ยืนทำหน้าตายอยู่
“เพราะเป็นแบบนี้ไง ฉันถึงเข้าใจแล้วว่าทำไมยิ้มถึงได้เป็นห่วงนาย”
“!”
“ถึงแม้ยิ้มกับไพเรทจะคบกันแล้ว แต่นายก็ไม่ควรเอาอนาคตของตัวเองมาจมกับเรื่องแบบนี้นะปืน”
“หุบปาก”
“นายยังต้องเจอคนที่ดีกว่านี้อีกเยอะแยะมากมายเลยนะ ฉันเข้าใจยิ้มเลยล่ะว่าทำไมถึงต้องห่วงนายขนาดนี้ ขนาดฉันเป็นคนอื่น... ฉันยังห่วงอนาคตของนายเลยนะ” ปืนสบตากับฉันที่ยืนพล่ามเรื่องของเขา อันที่จริงมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของฉันหรอก แต่พอดีช่วงนี้มันว่างไม่มีอะไรทำ และถ้าการได้มายุ่งวุ่นวายกับปืนก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกดีนะ ไม่สิอย่างน้อยฉันก็อยากเห็นคนตรงหน้าที่ถึงแม้จะไม่รู้จักกันดีมีอนาคตที่สดใส ฉันจำได้ดีเลยว่าวันนั้นยิ้มมองเด็กคนนี้ด้วยสายตายังไง ไม่มีใครเอาเขาอยู่สักคน
“อย่างน้อยก็ช่วยคิดถึงตัวเองให้มากๆ หรือไม่ก็ครอบครัว”
“เลิกพูดมากสักทีจะได้ไหม ฉันจะเป็นยังไงก็เรื่องของฉัน... เธออย่าเสือกเลย”
“นะ นี่!”
“ไสหัวไปซะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ”
“ที่ไม่อยากเห็นหน้าฉัน เพราะว่าไพเรทหรือเพราะว่ายิ้มล่ะ” ฉันจับจ้องแผ่นหลังกว้างที่หยุดชะงัก เขาหันกลับมามองฉันด้วยสายตาที่น่ากลัว เอิ่ม ฉันพูดอะไรเนี่ย แต่ทำไมล่ะเด็กก็คือเด็กนะ จะกล้าทำอะไรคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าได้ไงกัน
“อย่าพูดถึงชื่อยิ้มให้ฉันได้ยิน”
“ฉันจะพูด นายจะทำไม... ยิ้ม ยิ้ม ยิ้ม”
“หยุด”
“ทำไม? นายคิดถึงยิ้มใช่ไหมล่ะ ที่ทำตัวแบบนี้คิดเหรอว่ายิ้มจะสบายใจ นายคิดเหรอว่ายิ้มจะ... อื้อ!”