ริมฝีปากร้อนผ่าวจูบลงมาที่ริมฝีปากของฉันทันทีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ฉันยืนตัวแข็งเบิกตากว้างที่ถูกคนตรงหน้าขโมยจูบไป และใช่มันคือจูบแรกซะด้วยสิ ริมฝีปากร้อนระอุขยี้จูบฉันอยู่ภายนอก ฝ่ามือร้อนประคองแก้มฉันไว้และบดจูบฉันอย่างโมโห จนฉันเจ็บริมฝีปากไปหมด
“อะ อื้อออ...”
“ทีนี้จะเลิกพูดได้ยัง? ถ้ายังไม่หยุด ไม่จบแค่นี้แน่”
“อึก ดะ เด็กบ้า!” ฉันยกมือเช็ดริมฝีปากของตัวเอง ก่อนจะมองริมฝีปากของปืนที่เต็มไปด้วยลิปสติกสีชมพูดของฉัน ใบหน้าหล่อนิ่งยกยิ้มและหมุนตัวเดินจากฉันไป ปล่อยให้ฉันยืนโมโหเขาอยู่แบบนั้น ริมฝีปากของฉันเม้มเข้าหากัน นิ้วเรียวยาวแตะลงบนริมฝีปาก ถึงแม้จะเป็นจูบที่ไม่ได้ตั้งใจ แต่ทำไมถึงทำให้ฉันหัวใจเต้นแรงขนาดนี้กันนะ
“เด็กบ้า เอาจูบแรกฉันคืนมานะ!”
ฉันขับรถไปที่โรงเรียนเอกชนของปืนซึ่งฉันเห็นชื่อโรงเรียนของเขาตอนที่อ่านจดหมายฉบับนั่น แน่นอนว่าพอมาถึงก็ได้เห็นว่าปืนกำลังยืนอยู่ที่หน้าโรงเรียนคนเดียวไม่สิ ต้องบอกว่ายืนกับอาจารย์ที่ท่าทางดุๆ แต่ทว่าท่าทีของเขากลับไม่สนใจอะไร ยืนจ้องหน้าอาจารย์คนนั้น จนฉันลงจากรถเดินไปหาเขาทันที
“ปภาวินท์ เอาอีกแล้วนะเธอ ไหนล่ะผู้ปกครอง... วันนี้ต้องคุยให้รู้เรื่องเลยนะ เธอจะเกเรมากไปแล้ว”
“ผมอยู่คนเดียว ไม่มีใครมาเป็นผู้ปกครองหรอกอาจารย์ ถ้างั้นผมก็ไม่เข้าเรียนก็ได้”
“นี่ไม่ได้นะ เธอจะมาอ้างแบบนี้และจะไม่เข้าเรียนไม่ได้นะปภาวินท์ เอาเบอร์ผู้ปกครองเธอมาเดี๋ยวนี้เลย”
“เธอ... ไม่ได้อยู่ที่นี่”
“มาแล้วค่ะ ฉันเป็นผู้ปกครองของปืน เออ ปภาวินท์ ใช่ไหม?” ปืนหันมามองฉันด้วยสีหน้าตกใจนิดหน่อย แต่ฉันก็ไม่สนส่งยิ้มให้กับอาจารย์ที่มองฉันอย่างเหนื่อยใจ
“เธอมาทำบ้าอะไรที่นี่วะ!”
“ก็ฉันเป็นผู้ปกครองนายไง”
“บ้าฉิบ ไม่ใช่นะอาจารย์ ยัยนี่ไม่ใช่...”
“ใช่ค่ะอาจารย์ ฉันเนี่ยล่ะผู้ปกครองของปภาวินท์ ยังไงก็รบกวนด้วยนะคะ” ฉันส่งยิ้มให้กับอาจารย์ที่พยักหน้ารับก่อนจะเดินนำฉันกับปืนเข้าไปในโรงเรียน แน่นอนว่าสายตาของบรรดาเด็กผู้หญิงจับจ้องมองฉันด้วยความไม่พอใจจนฉันมึนงง จับแขนเสื้อปืนและเขย่าไปมา
“ทำไมเด็กนักเรียนหญิงมองฉันแบบนั้นล่ะ?”
“อยากตบเธอมั้ง”
“เอ๋? จะบ้าเหรอ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรให้เลยนะ”
“หึ เธอมาเดินข้างฉัน... แฟนคลับฉันก็หึงหวงเป็นธรรมดา”
“แฟนคลับ? เหอะ ผู้หญิงนี่นะ ชอบเด็กเลวๆ กันจังเลย” ปืนถอนหายใจและเดินตามอาจารย์ไปที่หน้าห้องปกครอง ฉันนั่งลงที่เก้าอี้โดยมีอาจารย์ปกครองอีกคนมองฉันและมองปืนอย่างเหนื่อยใจ
“คุณเป็นใครครับ? ไม่ใช่พี่สาวของปภาวินท์คนนั้นนี่นา”
“อ่อพอดีฉันเป็นคนรู้จักของเขาน่ะค่ะ ตอนนี้ปืนอยู่ในความดูแลของฉันเอง”
“เฮ้ย! พูดอะไรมั่วๆ วะเธอ”
“ปภาวินท์ เธอเงียบไปเลยนะ” ฉันมองอาจารย์ปกครองที่เอ็ดปืนด้วยน้ำเสียงแข็ง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจถอนหายใจฟึดฟัดและฟังอาจารย์ที่เล่าเกี่ยวกับตัวของเขาให้ฉันฟัง แน่นอนว่าฉันอ้าปากค้างไปด้วยความตกใจ ปืนไม่ตั้งใจเรียนไม่พอ แถมยังไม่เคยเข้าเรียนด้วยซ้ำ มีเรื่องชกต่อยจนขึ้นบัญชีดำ ที่สำคัญไม่เคยทำอะไรเกี่ยวกับเรื่องเรียนเลยสักอย่าง เหมือนกับว่าแต่งตัวมาเรียนแค่นั้น แต่ผลสุดท้ายก็ไม่เคยเข้าเรียนเลย
“แบบนี้คุณคิดว่าผมควรจะทำยังไงดี? ให้โอกาสแล้ว ตอนนั้นเขาก็กลับมาตั้งใจเรียนดี แต่แค่ไม่กี่อาทิตย์ก็กลับไปทำตัวแย่เหมือนเดิม”
“...”
“ตอนนี้บัญชีความประพฤติของปภาวินท์ไม่มีที่ที่จะให้ผมเขียนแล้วนะ”
“แล้วแบบนี้ทางโรงเรียนมีทางจัดการยังไงกับปืนล่ะคะ?”
“เราพยายามช่วยเขาแล้วนะครับ แต่เด็กไม่ยอมที่จะทำตามเอง อีกอย่างนี่เพิ่งจะเทอมแรก อีกแค่ปีกว่าก็จะจบม.ปลายแล้ว ผมก็ไม่อยากจะลงโทษขั้นรุนแรงนะครับ แต่ว่า... เราคงต้องเชิญนายปภาวินท์ให้ออกจากโรงเรียนครับ” ฉันเบิกตากว้างหันไปมองปืนที่นิ่งเฉยไม่สนใจอะไรเลย บ้าจริง! เด็กคนนี้มันสนใจอะไรในชีวิตบ้างหรือเปล่าเนี่ย? ริมฝีปากของฉันกัดกันพลางใช้ความคิดว่าจะทำยังไงให้ปืนได้เรียนต่อให้จบ อย่างน้อยจบม.ปลายก็ยังดีกว่านะ ฉันถอนหายใจออกมาก่อนจะสบตากับอาจารย์ปกครองที่ทำสีหน้าเบื่อหน่ายกับเขาเต็มทีแล้ว
“แต่อย่างน้อยก็น่าจะให้โอกาสเขานะคะ ถูกหักคะแนนแล้ว ถูกทำทัณฑ์บนแล้ว แต่เหลืออีกอย่างคือการทำประโยชน์ให้กับโรงเรียน อย่างเช่นให้เขาได้ทำกิจกรรม หรือมีกิจกรรมอย่างอื่นให้เขาทำเพื่อเป็นคะแนนการเรียนอะไรประมาณนี้ก็ได้นี่คะ”
“ช่างเหอะ ฉันกลับล่ะไล่ออกก็ออก”
หมับ
“นั่งลงก่อนปืน ฉันยังพูดไม่จบ” ปืนสบตากับฉันที่คว้าข้อมือหนาไว้ สีหน้าของเขาหงุดหงิดก่อนจะทิ้งน้ำหนักลงข้างฉันอย่างแรง ฉันรู้ว่าเขาไม่พอใจแต่ทว่าเรื่องเรียนคือสิ่งสำคัญ ฉันเข้าใจยิ้มเลยว่าทำไมเธอถึงอยากให้ปืนกลับมาเป็นคนดี ก็เพราะว่าเขามันเลวเกินจะเยียวยาจริงๆ
“อืม ที่คุณพูดมาก็เข้าท่านะครับ แต่ใครจะรับรองให้กับเขาอีกล่ะครับ?”