บท 4

2702 Words
4  “เมื่อคืนนอนไม่หลับหรือไง ทำไมถึงหน้าตาอิดโรยขนาดนั้น” “เพราะแม่ปลุกตั้งแต่เช้าต่างหาก” “นี่เรามาเก็บเห็ดกันนะเปอร์ แม่ก็นึกว่าเปอร์จะรู้อยู่แล้วซะอีกว่าพวกเราจะต้องตื่นเช้ากว่าปกติ” “โอเคครับ งั้นเปอร์ผิดเอง” เปอร์ตอบแม่อย่างคนยอมแพ้ เมื่อเช้าวันต่อมาเขาได้เดินตามแม่มายังป่าหลังบ้านของลุงนิคทั้งสภาพคนที่เพิ่งลุกลงจากเตียงหมาด ๆ ซึ่งในมือของเขาก็มีตะกร้ากับอุปกรณ์เก็บเห็ดถือเอาไว้ด้วย เพราะเตรียมพร้อมที่จะไปหาเห็ดกับแม่โดยเฉพาะ “แม่... แม่มั่นใจนะว่าพวกเราจะไม่หลงป่าน่ะ นี่แม่อย่าลืมนะว่าลุงนิคบอกว่าป่าเขตนี้คนสูญหายทุกปี” เปอร์เอ่ยขึ้น เมื่อคำเตือนของลุงนิคได้ผุดขึ้นมาในหัวของเขา “ไม่หลงหรอกน่า เพราะพวกเราไม่ได้เดินไปไกลจากบ้านลุงนิคสักหน่อย เราก็แค่ออกมาหาเห็ดแถวบ้านเขาเท่านั้น” แม่ที่สายตากำลังมองตามพื้นดินเพื่อหาเห็ดที่เพิ่งผุดขึ้นมาวันนี้ บอกกลับมาด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ “เอาล่ะ... ตอนนี้เปอร์รีบไปหาเห็ดช่วยแม่ได้แล้ว พวกเราจะได้รีบกลับเข้าบ้านกัน” เธอว่าต่อ จากนั้นแม่ก็บอกให้เปอร์เดินแยกไปอีกทางหนึ่ง เพื่อที่การหาเห็ดจะได้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว ซึ่งแม่ก็ได้บอกเขาว่าหากได้เห็ดเต็มตะกร้าเมื่อไร พวกเราก็จะเข้าบ้านทันที “เฮ้อ ไม่น่ามาด้วยเลย” พอปลีกตัวเดินห่างมาจากแม่อยู่พอสมควร เปอร์ก็พึมพำกับตัวเองเสียงแผ่ว เมื่อเขาคิดว่าการตัดสินใจมาบ้านลุงนิคในครั้งนี้ มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด อันที่จริงเวลานี้เปอร์ควรจะนอนอยู่บ้านและตื่นสาย ๆ โดยที่ไม่มีใครปลุกเสียมากกว่า แต่ก็นั่นแหละ... เขาได้ตัดสินใจมาที่นี่แล้ว เพราะงั้นเปอร์จึงไม่มีทางเลือกนอกจากการทำตามคำสั่งของแม่ เพื่อที่เขาจะได้กลับบ้านเสียที “เห็ด... เห็ดอยู่ไหน” เขาเรียกหาเห็ด ขณะที่สายตาก็คอยมองตามตีนต้นไม้ เพราะพวกเห็ดจะชอบขึ้นอยู่ตรงบริเวณนี้ โดยเปอร์ก็จะเลือกเก็บเฉพาะเห็ดที่เขาเคยกินหรือคุ้นหน้าคุ้นตาเท่านั้น แต่ถ้าเห็ดต้นไหนที่มีสีสันฉูดฉาด หน้าตาดูแปลกประหลาด เปอร์ก็จะหลีกเลี่ยงแม้กระทั่งการสัมผัสมัน เปอร์เพลิดเพลินไปกับการเก็บเห็ดป่าอยู่พอสมควร เขาเดินห่างออกมาจากแม่มากขึ้นเรื่อย ๆ เปอร์รู้เรื่องนี้ดีแต่เขาก็คิดว่าเขาน่าจะเดินย้อนแล้วกลับไปเพื่อเจอเธอได้ จนกระทั่งเขาเก็บเห็ดได้เต็มตะกร้าตามที่แม่ต้องการ จังหวะที่เปอร์หมุนตัวเตรียมเดินกลับไปตามทางเดิน เขาก็ต้องชะงักไปเล็กน้อย เมื่อเปอร์พบว่ามันมีสองทางให้เขาต้องเลือก “แล้วมันทางไหนล่ะเนี่ย” เขาพูดกับตัวเองหลังรู้สึกคุ้นกับทั้งสองเส้นทาง ซึ่งในนาทีนั้นเปอร์ก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังเจอกับหายนะ “ทางนี้เหรอ” ว่าจบ เขาก็เลือกที่จะเดินไปทางขวามือของตัวเอง เพราะคิดว่ามันเป็นเส้นทางที่ถูกต้องแล้ว ทว่าพอเขาเดินไปได้สักระยะ เปอร์ก็ต้องเดินย้อนกลับมาที่จุดเดิม เนื่องจากเขาไม่รู้สึกว่าตัวเองเคยผ่านมาจากทางนั้นเลย “งั้นก็แสดงว่าทางนี้สินะ” เขาเอ่ยพร้อมเปลี่ยนเส้นทางเดินไปทางฝั่งซ้ายมือของตัวเอง แต่แล้วเปอร์ก็ต้องเดินย้อนกลับมาตรงจุดเดิมอีกครั้ง เพราะเส้นทางที่สองเขาก็ไม่คุ้นเคยเช่นกัน “แล้วตกลงมันคือทางไหนล่ะเนี่ย” เปอร์เอ่ยขึ้นอีก เริ่มรู้สึกตึงเครียดกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างบอกไม่ถูก เพราะตอนที่เขาออกมาจากบ้าน เขาก็ไม่ได้พกโทรศัพท์ติดตัวออกมาด้วย เปอร์เดินออกมาตัวเปล่า มีแค่ตะกร้าและอุปกรณ์เก็บเห็ดเท่านั้นที่เขาหยิบติดมือมาด้วย กร๊อบ! “แม่...” จังหวะที่ได้ยินเสียงกิ่งไม้หักพร้อมกับเสียงย่ำเท้าที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ เปอร์ก็รีบเรียกแม่พร้อมหันไปมองทางต้นเสียงนั้นโดยพลัน เนื่องจากเขาคิดว่านั่นเป็นแม่ของเขา ทว่าความหวังที่มีอยู่เพียงน้อยนิดก็มอดดับลงไปในพริบตา เมื่อเสียงที่ว่านั้นมันไม่ได้เกิดจากแม่ แต่เกิดจากหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์ที่มองเห็นเขาเข้าพอดีต่างหาก และยิ่งไปกว่านั้นมันเป็นตัวเดียวกันกับที่เปอร์เคยเจอเมื่อคืนก่อน “ฉิบหายแล้วไง” เขาพูดกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่ได้สบตากับดวงตาสีแดงสดของมันเข้าอย่างจัง มันตัวใหญ่ยักษ์เกินกว่าที่เขาคิดไว้มาก เพราะเมื่อคืนที่เขาเห็นว่ามันใหญ่แล้ว พอวันนี้มาเมื่อเปอร์ได้เห็นมันอย่างชัด ๆ เขาก็ยิ่งพบว่ามันตัวใหญ่มากกว่าที่คิดเสียอีก ซึ่งมันคงต้องกินเปอร์สักสองคนแหละมั้ง มันถึงจะอิ่มได้ “ย—อย่าเข้ามานะ!” เปอร์ว่าเสียงดัง เมื่อหมาป่าตัวใหญ่ค่อย ๆ เดินเข้ามาหาเขาพร้อมทำจมูกฟุดฟิดไปด้วย คล้ายกับมันได้กลิ่นอาหาร “บอกว่าอย่าเข้ามาไง!” เขาตะโกนบอกมันอีกครั้ง เวลาเดียวกันเปอร์เองก็ค่อย ๆ ก้าวเท้าถอยหลังอย่างช้า ๆ เมื่อหมาป่าตัวใหญ่ยักษ์ยังคงเดินเข้ามาใกล้เขาอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาสีแดงสดเหมือนเลือดจ้องเขาตาเขม็ง มันสบตากับเขาราวกับกำลังพินิจพิจารณาว่าเปอร์จะทำอะไรกับมันต่อ จะทำร้ายมันหรือไม่หากมันจะเข้ามาใกล้เขามากกว่านี้ ซึ่งในจังหวะที่เปอร์กำลังเดินถอยหลังอีกก้าว ตั้งใจจะวิ่งหนีหมาป่าตรงหน้าแบบไม่คิดชีวิต เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง หลังเปอร์สะดุดขาตัวเองจนส่งผลให้เขาหงายหลังล้มคะมำ “อ๊ะ!” เขาส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บ ทว่าความเจ็บนั้นมันก็ไม่เท่ากับความตกใจ เมื่อหมาป่าได้อาศัยจังหวะนั้นในการเดินเข้ามาประชิดตัวเขา จนในที่สุดจมูกที่แสนจะชื้นแฉะของมันก็ได้มาแตะเข้าที่ปลายจมูกของเปอร์เบา ๆ คล้ายต้องการทักทาย “ร—หรือว่าแกอยากเป็นเพื่อนกับฉันเหรอ” เปอร์คาดเดา พยายามมองโลกในแง่บวก เพราะคิดว่ามันน่าจะอยากผูกมิตรกับเขา ซึ่งพอเขาคิดได้เช่นนั้น เขาจึงรวบรวมความกล้าตั้งใจจะยื่นมือไปสัมผัสกับหัวของมัน เนื่องจากเห็นว่าหมาบ้านชื่นชอบการถูกลูบหัว เพราะงั้นหมาป่าก็น่าจะชอบเช่นกัน แต่ว่าเขาน่าจะคิดผิดไปเสียหน่อย เนื่องจากทันทีที่เขาคิดจะทำแบบนั้น มันก็รีบแยกเขี้ยวขู่กันโดยพลัน ทำเอาเปอร์ชักมือกลับแทบไม่ทัน “ฉ—ฉันไม่ใช่อาหารของแกนะ” เขาว่าต่อเสียงเข้ม ตั้งใจจะข่มขู่สร้างความกลัวให้กับมัน แต่เพราะมันตัวใหญ่ นั่นจึงทำให้มันไม่เกรงกลัวเขา แถมยังเอาจมูกแฉะ ๆ มาดมตามเสื้อผ้าของเขาเพื่อสูดกลิ่น ก่อนที่หัวของมันจะมุดเข้ามาในใต้เสื้อของเปอร์ พร้อมใช้ลิ้นสากของมันเล็มเลียตรงหน้าท้องของเขาอยู่สองสามทีคล้ายกับมันต้องการชิมรสอาหาร จากนั้นมันก็ใช้เขี้ยวงับเข้าที่กางเกงของเปอร์แล้วลากร่างของเขาไปตามทางที่มันต้องการ “โอ๊ย!” เปอร์ส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้ง เมื่อจังหวะที่มันออกแรงลากเขาด้วยความเร็ว ศีรษะของเขาก็ไปกระแทกกับโขกหินแถวนั้นและในที่สุดเขาก็สลบไป เปอร์ไม่รู้ว่าตัวเองสลบไปนานแค่ไหนและถูกหมาป่าลากมาที่ใด แต่ที่แน่ ๆ หลังจากที่เปอร์รู้สึกตัวขึ้นมาได้ สิ่งแรกที่เขามองเห็นก็คือดวงตาสีแดงสดกำลังจ้องเขาแบบไม่ละสายตา ทว่าคราวนี้มันไม่ใช่สีตาของสัตว์ป่าแต่เป็นสีตาของมนุษย์ต่างหาก เฮือก! ทันทีที่ได้สติ เปอร์ก็สะดุ้งตัวด้วยความตื่นตระหนก เขาจ้องมองชายแปลกหน้าที่เกาะอยู่ขอบเตียงตาไม่กะพริบ ก่อนจะกวาดสายตามองรอบ ๆ ตัว เพื่อดูว่าตัวเองกำลังอยู่ที่ไหน ซึ่งก็ดูเหมือนว่าเวลานี้เขากำลังอยู่ในห้องนอนของใครสักคน และก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นของผู้ชายตรงหน้าเขา “คุณเป็นใคร คุณช่วยชีวิตผมไว้เหรอครับ” เปอร์ถามคำถามที่แสนจะโง่เขลาออกไป โดยเขาก็เพิ่งจะมาตระหนักว่าตัวเองไม่ควรถามแบบนั้นกับชายที่มีสีตาประหลาดแบบนี้ เนื่องจากนี่อาจจะเป็นหมาป่าตัวที่ตามติดเขาแจตั้งแต่เมื่อคืนนี้ก็ได้ “ช่วยชีวิต? ...จากใคร” อีกฝ่ายถามกลับมาเสียงซื่อ “คุณลืมมันไปเถอะ ถือว่าผมไม่เคยถามอะไรจากคุณก็แล้วกัน” เปอร์บอกพร้อมพยายามสูดลมหายใจเข้าปอด เพื่อเรียกสติให้ตัวเอง เมื่อเขารู้ดีว่าเวลานี้เขากำลังลนลานมากแค่ไหน “หัวคุณมันแปลก ๆ นะ” อีกฝ่ายไม่พูดเปล่า แต่ยังใช้มือจับเข้าที่ศีรษะของตัวเองไปด้วย นั่นจึงทำให้เปอร์ลองใช้มือจับเข้าที่ศีรษะของตัวเองเช่นกัน ก่อนที่เขาจะได้พบความจริงว่าตอนนี้หัวของเขากำลังปูดโปนมีขนาดเท่าไข่ไก่ ซึ่งมันก็น่าจะได้มาจากเหตุการณ์ตอนที่ศีรษะของเปอร์ไปโขกกับก้อนหินแน่ “สงสัยมันคงไปโขกกับหินตอนที่ถูกหมาป่าลากมา...” เปอร์เอ่ยเสียงแผ่ว และยังไม่ทันที่เขาจะได้ว่าอะไรต่อ เสียงของผู้มาใหม่ก็ดังขึ้นเสียก่อน “คาร์เตอร์! พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปรบกวนมนุษย์” “ก็เขาดูตกใจ ผมเลยต้องปลอบ” “ปลอบใจกับผีน่ะสิ ทำให้เขากลัวมากกว่าแหละมั้ง” สิ้นเสียงที่ว่า ผู้เป็นเจ้าของเสียงก็เดินเข้ามาในห้อง โดยเธอก็เป็นผู้หญิงผมบลอนด์มีดวงตาสีเงิน และก็น่าจะเป็นพี่สาวของผู้ชายคนนี้ เพราะเปอร์ได้ยินเธอใช้คำแทนตัวว่าพี่ “พวกคุณเป็นใคร แล้วทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่” เปอร์ถาม “อ—เอ่อ ขอโทษที่ทำให้ตกใจ แต่พอดีน้องชายของเราเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้น่ะ ยิ่งช่วงนี้กำลังเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์แล้วด้วย เขาก็เลยกดสัญชาตญาณของตัวเองไว้ไม่อยู่” เธอว่า ขณะที่เปอร์ก็ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ เท่านั้น เนื่องจากเขาไม่เข้าใจว่าคนสวยตรงหน้านี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่ “ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไร” เขาเอ่ยตามที่คิด เวลาเดียวกันเขาก็ภาวนาขอให้คนแปลกหน้าทั้งสองคนนี้ไม่ใช่มนุษย์หมาป่าอย่างที่เขาคิด “ก็ไม่ใช่คุณรู้อยู่แล้วเหรอ?” คราวนี้ผู้ชายเป็นคนตอบกลับมาบ้างและว่าต่อ “เพราะคุณเคยพูดถึงเรา เผยแพร่เรื่องของเรา ทั้งที่มันเป็นเรื่องส่วนตัว” “หมายความว่าไง” เปอร์ถามทั้งคิ้วขมวดและนิ่งไปเล็กน้อย เมื่อเขาเริ่มปะติดปะต่อทุกอย่างได้แล้ว “นี่อย่าบอกนะว่าพวกคุณเป็น...” “มนุษย์หมาป่า” ผู้หญิงเป็นคนตอบและแนะนำตัวเองให้เปอร์ได้รู้จักอย่างเป็นทางการ “สวัสดี ฉันชื่อเคียเป็นพี่สาวแท้ ๆ เกิดมาจากคอกเดียวกันกับหมอนี่ เขาเป็นน้องชายของฉันเองชื่อคาร์เตอร์” “...” “ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เธอเอ่ยทั้งรอยยิ้ม พยายามจะเป็นมิตรกับเปอร์อย่างสุดกำลัง ทว่าสำหรับเปอร์แล้วนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หากจะให้เขาเข้าใจทุกอย่างโดยง่าย ยิ่งกับเรื่องที่เหนือธรรมชาติแบบนี้ มันยิ่งไม่ใช่เรื่องง่าย “หยุดทำหน้าประหลาดแบบนั้นสักที เพราะเห็นแล้วมันตลก” คาร์เตอร์พูดขึ้น ก่อนที่เสียงโวยวายของเคียจะตามหลังมาติด ๆ “คาร์เตอร์! หยุดปากหมาสักที” “ก็พวกเราเป็นหมา” คนเป็นน้องเถียงทันที จากนั้นเสียงโวยวายของคาร์เตอร์ก็ดังขึ้นโดยพลัน เมื่อถูกเคียดึงหูอย่างแรงและถูกออกปากไล่ให้เจ้าตัวออกจากห้องไป “ได้ไง ผมเป็นคนพาเขามาที่รังของเราน่ะ” “หยุดเลย เพราะถ้าน้องใช้สมองใคร่ครวญสักนิด น้องจะรู้ว่าการที่น้องพามนุษย์มาที่รังของเรามันเป็นความผิดร้ายแรงแค่ไหน” เคียพูดเสียงดุพร้อมออกปากไล่คาร์เตอร์อีกครั้ง “ออกไปเดี๋ยวนี้” “ก็ได้ แล้วผมจะกลับเข้ามาใหม่” คาร์เตอร์เอ่ยอย่างจำยอม หลังจากนั้นเจ้าตัวก็เดินออกจากห้องไปตามคำสั่งของพี่สาว “ขอโทษที่ทำให้ตกใจ” เคียหันมาพูดกับเปอร์ด้วยน้ำเสียงปกติ เมื่อทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังแล้ว “ผมไม่เข้าใจว่าทำไมผมถึงถูกน้องชายคุณลากมาที่นี่” เปอร์ยิงคำถามใส่เธอทันที เนื่องจากในหัวของเขามีแต่คำถามอยู่เต็มไปหมด และมันก็มีแต่คำว่าทำไมทั้งนั้น “ก็มีหลายปัจจัย” “...” “อาจจะเป็นเพราะคาร์เตอร์ถูกใจคุณ ได้กลิ่นของคุณ เขาก็เลยลากคุณมาที่นี่” “เพื่อ?” “ผสมพันธุ์” เธอตอบกลับมาเพียงสั้น ๆ ซึ่งเปอร์ก็ได้แต่กะพริบตาปริบ ๆ ใส่เคียเท่านั้น ก่อนที่เขาจะว่าต่อ “โทษทีนะครับ พอดีผมไม่ใช่หมา” “ใช่ เรารู้ว่าคุณเป็นมนุษย์ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ว่า... มันเลือกไม่ได้” เคียพูดด้วยน้ำเสียงลำบากใจแล้วว่าต่อ “บางทีอาจเพราะคุณเป็นคนเอเชีย นั่นก็เลยทำให้คาร์เตอร์สนใจในตัวคุณ” “แล้วผมต้องทำยังไงเหรอครับ ผสมพันธุ์กับน้องชายคุณหรือไง” เปอร์ถามกลับไปด้วยน้ำเสียงตลกร้าย ทว่าคำพูดของเขากลับไปจุดประกายบางอย่างให้เคียเสียอย่างนั้น “ได้ไหมล่ะ?” “ค—ครับ? นี่คุณเล่นมุกตลกหรือไง ทำไมผมต้องผสมพันธุ์กับน้องชายคุณด้วย ในเมื่อเราเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน” เปอร์ไม่พูดเปล่า แต่เขายังรีบลุกลงจากเตียงนอน ตั้งใจจะออกไปจากที่นี่เพราะป่านนี้แม่ของเขาคงเป็นห่วงกันแย่แล้ว “ช่วยไปส่งผมด้วยครับ เพราะครอบครัวของผมกำลังรออยู่” เขาว่า ขณะที่เคียก็ได้แต่ยืนขมวดคิ้ว เมื่อเธอกำลังคิดบางอย่างอยู่ โดยหลังจากที่เธอคิดอะไรในหัวเสร็จแล้ว เธอถึงค่อยเงยหน้าขึ้นมามองเปอร์อีกครั้งด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป “โทษที ฉันคงทำตามความต้องการของคุณไม่ได้” เธอพูดเสียงนิ่ง “หมายความว่ายังไงครับ? น้องชายคุณเป็นคนลากผมมาที่นี่นะ” เปอร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คุณพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย” เคียถามกลับมาทั้งหน้าซื่อ “...” “เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันให้คาร์เตอร์มาคุยกับคุณเองดีกว่า เพราะเขาน่าจะคุยกับคุณรู้เรื่องมากกว่าฉัน” พูดจบ เคียก็เดินออกไปจากห้องทันที ก่อนที่ประตูห้องจะถูกเปิดเข้ามาอีกครั้งโดยคาร์เตอร์ “คุณเป็นคนเอเชียงั้นเหรอ มิน่าล่ะ... ทำไมหน้าตาถึงไม่เหมือนคนแถบนี้” นั่นเป็นประโยคแรกที่คาร์เตอร์พูดกับเปอร์ หลังอีกฝ่ายเดินกลับเข้ามาในห้องแล้ว “...” “แต่จะว่าไปแล้ว ฉันยังไม่เคยกินคนเอเชียเลยแฮะ” คาร์เตอร์พูดต่อ ทำเอาเปอร์ถึงกับออกอาการผวา
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD