หลังจากอยู่เรียนรู้วิธีการทำแกงพะแนงเนื้อกับคุณแม่ของเพื่อนรักอยู่นานจนถึงช่วงบ่าย หญิงสาวก็ขอตัวกลับคอนโด เพราะคิดว่าตอนนี้พิริยะอาจจะอยู่ที่คอนโดเพื่อรอเซอร์ไพร์สแล้วก็เป็นได้
หญิงสาวอมยิ้มอย่างมีความสุข นึกถึงเนื้อวัว และวัตถุดิบหลายอย่างที่ใช้ทำแกงพะแนงเนื้อที่อยู่ท้ายรถ
หล่อนจะใช้เวลาช่วงบ่ายอยู่กับพิริยะอย่างมีความสุข
หลังจากที่เขาตักตวงความสาวจากร่างกายของหล่อนจนอิ่มหนำแล้ว หล่อนก็จะปล่อยให้เขานอนหลับ และก็จะลุกขึ้นมาทำแกงพะแนงเนื้อไว้เป็นมื้อเย็นสำหรับเขา
เขาจะต้องมีความสุข และขอบคุณหล่อนด้วยจูบอ่อนหวานอย่างแน่นอน
แค่คิดถึงตรงนี้ สองแก้มนวลก็มีสีเลือดขึ้นจางๆ ด้วยความเขินอาย
หล่อนมีความสุขเพียงแค่ได้อยู่กับเขา แม้จะในฐานะนางบำเรอก็ตาม
รถญี่ปุ่นคันเล็กสีขาวเลี้ยวเข้ามาจอดภายใต้คอนโด หล่อนมองหารถยนต์สีดำราคาแพงของพิริยะในที่ที่เขาเคยจอดประจำ แต่ก็ไม่เห็น
“คุณหมอยังไม่มาอีกเหรอ”
ความสดชื่นบนใบหน้าค่อยๆ จางหายไป เมื่อพบว่าพิริยะยังไม่ได้มาที่คอนโด
จริงสิ วันนี้เขามีนัดกับ... คู่หมั้น ของเขานี่นา หล่อนลืมไปสนิทเลย
คุณหนูลียา หญิงสาวนักเรียนนอกหน้าตาสะสวย ชาติตระกูลดีทัดเทียมกับพิริยะ ที่ผู้ใหญ่หมั้นหมายทั้งคู่เอาไว้ด้วยกันตั้งแต่เด็ก
‘ถ้าผู้ใหญ่ต้องการให้ผมแต่งงานกับลียาเมื่อไหร่ ผมก็ต้องแต่ง คุณห้ามมีปัญหาหรือว่าก่อเรื่องเด็ดขาด เข้าใจใช่ไหมพิชา’
‘ค่ะ พิชาเข้าใจดีทุกอย่างค่ะ’
‘น่ารักมาก ผู้หญิงว่านอนสอนง่ายแบบนี้แหละที่ผมชอบ’
ตอนนั้นหล่อนยิ้มรับคำชื่นชมของเขา แต่ภายในอกนั้นเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
ตอนนี้เขาคงยังไม่เสร็จธุระกับคู่หมั้นของตัวเองสินะ
หญิงสาวฝืนยิ้มออกมาอย่างยอมรับชะตากรรมที่ตัวเองเป็นคนเลือกเอง จากนั้นก็ลงไปจากรถ หยิบวัตถุดิบสำหรับแกงพะแนงเนื้อที่ซื้อเตรียมเอาไว้จากท้ายรถ และกลับขึ้นห้องพัก
เมื่อเข้ามาถึงห้องพัก ก็อดไม่ได้ที่จะคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดอ่านข้อความไลน์ แต่ไม่มีข้อความใดเป็นของพิริยะเลย
“คุณหมอไม่ว่างแม้แต่จะส่งข้อความมาหาพิชาเลยเหรอคะ”
หล่อนทำได้แค่ตัดพ้อเบาๆ กับตัวเองเท่านั้น เพราะเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา หล่อนไม่กล้าแม้แต่จะแสดงความรู้สึกงี่เง่าอะไรออกไปเลย เพราะเกรงว่าเขาจะทอดทิ้ง
หลังจากเก็บวัตถุดิบของแกงพะแนงทั้งหมดใส่ตู้เย็นเรียบร้อยแล้ว หล่อนก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟานุ่มที่อยู่หน้าจอโทรทัศน์
ลมหายใจถูกผ่อนออกมาจากโพรงจมูกและริมฝีปากอย่างอ่อนล้า
หล่อนพยายามบอกตัวเองว่าให้รอเงียบๆ ไม่สร้างปัญหาใดให้กับพิริยะ แต่ตอนนี้ภายในอกของหล่อนมันร้อนรุ่มเหมือนไฟกำลังแผดเผา
อยากรู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่...
แล้วทำไมไม่ติดต่อหล่อนกลับมาบ้าง...
หญิงสาวหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา ลังเลอยู่หลายครั้ง แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจส่งข้อความไลน์ไปหาเขา
‘ทำอะไรอยู่เหรอคะคุณหมอ’
‘เย็นนี้พิชาจะทำแกงพะแนงเนื้อของโปรดให้กับคุณหมอทานนะคะ’
‘พิชา... คิดถึงคุณหมอจังเลยค่ะ’
และนี่คือข้อความสุดท้ายที่หล่อนส่งไปหาพิริยะ แต่ก็ไร้วี่แววการตอบกลับมาของเขา
กานต์พิชาเฝ้ารอ...
สายตาจดจ่ออยู่กับหน้าจอของโทรศัพท์มือถือตลอดเวลา
เฝ้ารอข้อความจากชายคนรัก...
ผู้ชายที่หล่อนทั้งรักทั้งบูชา...
ติ้งงงง
หญิงสาวฉีกยิ้มอย่างดีใจ เมื่อมีเสียงเตือนข้อความไลน์ดังขึ้น หล่อนลนลานเปิดเข้าไปในแอปพลิเคชั่นไลน์ทันที และก็พบว่าเป็นข้อความตอบกลับของพิริยะจริงๆ
หล่อนดีใจเหลือเกิน หัวใจเต็มไปด้วยความหวัง รีบเปิดอ่าน
‘ผมยุ่งอยู่’
‘คุณลืมกฎของเราไปแล้วหรือไง ห้ามแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของผม ห้ามก้าวก่ายว่าผมกำลังทำอะไรอยู่ ผมไม่ชอบ และไม่ต้องบอกว่าคิดถึงผมด้วย ผมไม่ใช่เด็กที่จะชอบคำพูดน่าสะอิดสะเอียนแบบนี้’
หลังจากต่อว่าหล่อนยาวเหยียด เขาก็ส่งสติ๊กเกอร์หน้าโกรธตามหลังมาปิดท้าย
กานต์พิชาถึงกับนิ่งงันไป หัวใจจุกไปหมดเพราะคำพูดไม่รักษาน้ำใจของพิริยะ
น้ำตาของหล่อนค่อยๆ ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว มันคือน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจ น้ำตาแห่งความเจ็บปวด
หล่อนเอนตัวพิงกับพนักด้านหลังของโซฟาอย่างหมดเรี่ยวแรง
โลกทั้งใบของหล่อนคือเขา...
แต่โลกทั้งใบของเขาไม่เคยมีหล่อนอยู่เลย...
‘แกควรจะออกมาจากความสัมพันธ์นี้ให้เร็วที่สุดนะพิชา’
‘ฉันจะออกไปก็ต่อเมื่อคุณหมอไม่ต้องการฉันแล้วเท่านั้นแหละนิด’
‘เดี๋ยวคุณหมอพีทก็ต้องแต่งงานกับคนที่พ่อแม่ของคุณหมอเลือกให้ ส่วนแกก็ต้องช้ำใจนะพิชา ฉันว่าออกมาเถอะ’
‘แต่ฉันรักเขานี่นิด... ฉันรักคุณหมอ...’
‘งั้นฉันก็ช่วยอะไรแกไม่ได้หรอกนะ สิ่งเดียวที่ฉันจะทำได้ก็คือ คอยปลอบใจแกตอนที่แกเสียใจเท่านั้นแหละ’
‘แค่นั้น... ฉันก็ขอบคุณมากแล้วนิด...’
คำแนะนำของญานิดายังคงดังก้องอยู่ในหูของหล่อนไม่เคยจาง แต่มันก็ไม่เคยทำให้หล่อนใจแข็งพอที่จะเดินออกมาจากวังวนนางบำเรอของพิริยะได้เลย