กานต์พิชาตื่นขึ้นมาในเช้าของวันใหม่ ดวงตาของหล่อนบวมช้ำเล็กน้อย เพราะเมื่อคืนนอนร้องไห้มานั่นเอง
หล่อนเลื่อนสายตามองไปยังบานหน้าต่างของคอนโดหรู คอนโดที่พิริยะใช้เป็นสถานที่ซ่อนเร้นนางบำเรอไร้ค่าอย่างหล่อน
แสงสว่างที่สาดส่องเข้ามาจนแสบตา ทำให้รู้ว่าตอนนี้สายมากแล้ว
หล่อนรีบคว้าโทรศัพท์มือถือที่วางเอาไว้ที่โต๊ะข้างหัวเตียงขึ้นมามอง ก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาสิบโมงสิบห้านาทีแล้ว
ร่างอรชรที่ทั้งเนื้อทั้งตัวยังคงเปลือยเปล่าดีดลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มเลื่อนลงไปกองที่บริเวณเอวคอด หล่อนขยับตัวก้าวลงจากเตียงอย่างรีบร้อน พาเนื้อตัวไร้อาภรณ์เดินเข้าไปภายในห้องน้ำ
หล่อนใช้เวลาในการอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายเพียงไม่ถึงสิบนาที ก็ก้าวออกมา ร่างกายมีเพียงผ้าขนหนูห่อหุ้มเอาไว้เท่านั้น
หญิงสาวรีบแต่งตัวและแต่งหน้าอ่อนๆ จากนั้นก็หย่อนโทรศัพท์มือถือลงกระเป๋าสะพาย ก่อนจะออกไปจากห้องพักหรูด้วยความรีบร้อน
รถญี่ปุ่นคันเล็กที่มีหล่อนเป็นคนขับ มุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของเพื่อนสนิท ที่ได้นัดหมายกันเอาไว้ในวันนี้
ใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการขับรถฝ่าดงรถติด จนกระทั่งถึงบ้านของเพื่อนรัก
กานต์พิชาลงไปกดกริ่งที่หน้ารั้วสีขาวหน้าบ้านไม้หลังกะทัดรัดเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ร่างอรชรของ ญานิดา ผู้เป็นเพื่อนสนิทก็วิ่งมาเปิดประตูรั้วให้
“ฉันมาช้าไปเกือบยี่สิบนาที ขอโทษนะนิด”
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ต้องทำหน้าสำนึกผิดขนาดนั้นเลย มาๆ เข้าบ้านเถอะ แม่ฉันรออยู่”
กานต์พิชายิ้มโล่งอกอย่างขอบคุณเพื่อนรัก
“ขอบใจมากนะนิดที่ไม่โกรธฉันน่ะ”
“แค่เรื่องมาสาย ฉันโกรธแกไม่ลงหรอก มาๆ รีบตามมาเลย”
ญานิดายกมือขึ้นโอบบ่าของเพื่อนสนิทซึ่งทำงานที่โรงพยาบาลเดียวกันเอาไว้ และก็พาเข้าไปในบ้านไม้หลังเล็กของตัวเอง
“นี่แม่ฉันเตรียมวัตถุดิบเอาไว้หมดแล้วนะ แกแค่ตั้งหน้าตั้งตาเรียน และทำให้อร่อยพอ”
“ฉันเกรงใจแม่แกจังเลยนิด ต้องมาสอนแล้วยังต้องซื้อวัตถุดิบให้ด้วย งั้นฉันขอจ่ายเงินนะ ไม่งั้นฉันไม่สบายใจน่ะ”
“พิชา... ไม่เอา ไม่เอาเงิน บอกแล้วไงว่าแม่ฉันชอบสอนคนทำอาหารน่ะ”
“แต่ว่าฉันเกรงใจจริงๆ นะนิด”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอก นู่นห้องครัว เข้าไปเลย แม่ฉันรออยู่”
ญานิดารั้งร่างอรชรของกานต์พิชาให้เดินเข้ามาภายในห้องครัวเล็กๆ ของตัวเอง
“อ้าว มาแล้วเหรอหนูพิชา”
มารดาของญานิดาทักทายหล่อนด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่เป็นมิตร
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
กานต์พิชายกมือไหว้อย่างนอบน้อม ขณะกวาดตามองไปรอบๆ ห้องครัวที่ค่อนข้างเล็ก แต่อุปกรณ์เครื่องครัวถูกจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบและสะอาดสะอ้านจนน่าทึ่ง
“หนูขอโทษนะคะที่มาช้ากว่าเวลานัดน่ะค่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกหนูพิชา แม่ก็เพิ่งทำอะไรๆ ในบ้านเสร็จเหมือนกัน”
“งั้นนิดฝากเพื่อนเอาไว้ด้วยนะแม่ เอาไว้ตอนเย็นๆ นิดกลับมาแล้วจะมาชิมแกงพะแนงเนื้อสุดแสนอร่อยฝีมือของเพื่อนเลิฟ”
ญานิดาพูดด้วยน้ำเสียงสดใสร่าเริง
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะทำอร่อยไหม แต่จะพยายามให้สุดความสามารถเลยล่ะ”
“แกทำได้อยู่แล้ว และต้องทำอร่อยมากๆ ด้วย เพราะมีแม่ฉันเป็นคนสอน จริงไหมคะแม่”
“จริงจ้ะ แม่รับรองว่าต่อจากนี้ไป คนที่ได้กินแกงพะแนงเนื้อที่หนูพิชาทำจะต้องติดอกติดใจ ไปกินพะแนงเนื้อที่ไหนไม่ได้อีกเลย”
สามสาวหัวเราะอย่างมีความสุข โดยเฉพาะกานต์พิชารู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
หล่อนอดนึกไปไกลถึงตอนที่ตัวเองทำแกงพะแนงซึ่งเป็นอาหารจานโปรดของพิริยะให้เขาทานไม่ได้
‘อร่อยมากเลยครับพิชา... ผมจะมากินแกงพะแนงฝีมือคุณทุกวันเลยนะครับ’
ภาพที่ผุดขึ้นมาในสมอง ทำให้กานต์พิชาเผลอระบายยิ้มออกมา จนญานิดาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ต้องแซวเลยทีเดียว
“กำลังนึกถึงรอยยิ้มของคุณหมอพีทอยู่ใช่ไหมเนี่ย”
“ปะ เปล่าสักหน่อย”
กานต์พิชาก้มหน้าหลบตาเพื่อนอย่างเอียงอาย แต่ญานิดารู้ทัน เพราะหล่อนรู้เรื่องความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นอย่างดี
หล่อนไม่เคยสนับสนุน แต่ก็ไม่สามารถห้ามปรามเพื่อนรักได้
กานต์พิชารักพิริยะมาก รักมากจนยอมเป็นแค่นางบำเรอของเขาเลยทีเดียว
“โอเค ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ งั้นฉันขอตัวออกไปทำงานก่อนนะ เอาไว้ฉันว่างจากการดูแลคุณภัทรแล้วจะส่งข้อความหา”
ญานิดามีงานพิเศษทุกเสาร์อาทิตย์ซึ่งเป็นงานดูแลคนป่วยติดเตียง
“ขอบใจมากนะนิด”
“ไม่เป็นไร แม่.. นิดฝากเพื่อนด้วยนะคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก แม่จะสอนทุกเคล็ดลับให้หนูพิชาไม่มีกั๊กเลยล่ะ”
“งั้นนิดไปนะคะ ฉันไปทำงานก่อนนะพิชา”
“เดินทางปลอดภัยนะนิด”
“ขอบใจจ้า”
หลังจากญานิดากล่าวขอบคุณเสร็จแล้ว ร่างอรชรในชุดนางพยาบาลสีขาวก็เดินออกไปจากห้องครัว
“งั้นเรามาเริ่มเรียนกันเลยนะจ๊ะหนูพิชา” มารดาของญานิดาเอ่ยขึ้น
“ได้ค่ะคุณแม่”
หลังจากคำตอบของหล่อนดังขึ้น มารดาของเพื่อนรักก็เริ่มต้นอธิบายเกี่ยวกับวัตถุดิบที่ต้องใช้ในการทำพะแนงเนื้อทีละอย่าง
“สิ่งแรกที่เราขาดไม่ได้เลย สำหรับการทำพะแนงเนื้อก็คือเนื้อวัวนะหนูพิชา”
หล่อนมองเนื้อวัวสีแดงเข้มในถ้วยที่คุณแม่ของเพื่อนรักเตรียมเอาไว้ และฟังทุกคำพูดของท่านอย่างตั้งใจ
“และอันนี้คือพริกแกงพะแนงนะหนูพิชา ส่วนอันนี้คือกะทินะจ๊ะ จะมีหัวกะทิกับหางกะทิ แล้วถ้วยนี้คือมะเขือพวง...”
หญิงวัยกลางคนยังคงอธิบายวัตถุดิบตรงหน้าต่อไปเรื่อยๆ จนครบ จากนั้นก็เริ่มต้นอธิบายวิธีการปรุงอาหารอย่างละเอียด
กานต์พิชาจดจำวิธีการปรุงอาหาร รวมถึงเคล็ดลับที่มารดาของเพื่อนรักได้พรั่งพรูออกมาเอาไว้ทั้งหมด
หล่อนหวังว่าพิริยะจะชอบแกงพะแนงเนื้อของหล่อน จนต้องแวะมารับประทานมื้อค่ำด้วยกันทุกวัน