บทที่ 10 ฟ้องร้อง เอาเรื่อง

1637 Words
ลี่อินพาน้องชายไปหาหัวหน้าหมู่บ้าน เมื่อมาถึงก็เจอเข้ากับภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านพอดี จึงถามหาหัวหน้าหมู่บ้าน “ป้าสะใภ้คะ ลุงหัวหน้าหมู่บ้านอยู่ไหม” “อยู่ในบ้านจ้ะ ลี่อินกับฉีหลินมีอะไรหรือเปล่า หรือว่าที่บ้านขาดเหลืออะไรป้าจะไปเอามาให้ แล้วนี่หายป่วยแล้วหรือ” ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเอื้ออาทร ในใจคิดว่าบ้านสามจางของเด็กทั้งสองคงขาดเหลืออะไร เลยคิดจะหยิบยื่นให้ “ที่บ้านลี่อินไม่ได้ขาดอะไรค่ะ ป้าต้วนคอยหยิบยื่นให้ตลอด แต่วันนี้ลี่อินมาเพราะเรื่องของอาฉีที่ตกลำธารเมื่อสามวันก่อนค่ะ” ลี่อินไม่คิดจะปิดบัง ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านมีสีหน้าตกใจ ก่อนจะให้ทั้งสองเข้ามาคุยกับสามีในบ้าน “คุณคะ ลี่อินกับฉีหลินมาหาค่ะ” ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยเรียกสามี “หืม ลี่อินกับอาฉีมาหรือ” หัวหน้าหมู่บ้านแปลกใจ แต่ก็เดินออกมาจากในห้องทันที “มีอะไรหรือเปล่าลี่อิน อาฉี แล้วนี่หายป่วยแล้วหรือ” “หายป่วยแล้วค่ะ วันนี้ลี่อินจะมาฟ้องร้องบ้านจางค่ะ อาฉีถูกมู่สงลูกชายลุงใหญ่ผลักตกลำธาร แม้ว่าลี่อินจะไปช่วยทัน แต่ก็ล้มป่วยจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ถ้าวันนั้นลี่อินไปไม่ทัน อาฉีคง...” “ไหนลองเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนั้นให้ลุงฟังได้หรือไม่อาฉี” “ครับลุงหัวหน้าหมู่บ้าน” จากนั้นอาฉีจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้หัวหน้าหมู่บ้านฟังอีกครั้งอย่างละเอียด หัวหน้าหมู่บ้านสงสารชะตาของสองพี่น้องอยู่แล้ว ยิ่งมาได้ฟังเช่นนี้จึงให้ลูกชายไปตามคนบ้านจางมา รวมถึงตัวต้นเรื่องอย่างจางมู่สงด้วย ชาวบ้านที่ผ่านไปผ่านมาแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองพี่น้องบ้านสามจาง เพราะทั้งสองเข้าไปไม่นานลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านก็เดินออกมาและตรงไปยังบ้านจางทันที ดังนั้นชาวบ้านที่เดินผ่านไปผ่านมาจึงหยุดและรอดูเหตุการณ์ต่อ พวกเขาเชื่อว่าอาการป่วยของลี่อินน่าจะเกี่ยวข้องกับบ้านจางไม่มากก็น้อย “ย่าจางอยู่ไหม” อาต้าส่งเสียกเรียก เรื่องนี้หากเขาพามู่สงไปคนเดียวคงไม่ดี และบ้านจางคงไม่ยอมให้พาไปแน่ “มีอะไรหรืออาต้า หรือว่าหัวหน้าหมู่บ้านเรียกแม่สามี” สะใภ้รองเป็นคนออกมาดู พอเห็นว่าเป็นลูกชายหัวหน้าหมู่บ้านจึงเอ่ยถาม “พ่อให้มาเรียกคนบ้านจางไปพบ ไปทั้งบ้านเลยก็ได้ พามู่สงไปด้วย” “เหรอ ๆ เดี๋ยวฉันไปส่งข่าวให้แม่สามีก่อนนะ” สะใภ้รองกล่าวจบก็รีบวิ่งกลับเข้าบ้านเพื่อไปแจ้งเรื่องนี้แก่แม่สามีและทุกคนในครอบครัวให้รู้ เมื่อบ้านจางออกมาพร้อมกันแล้ว ทุกคนจึงเดินมายังบ้านของหัวหน้าหมู่บ้านทันที ซึ่งพอบ้านจางมาถึงก็เอะอะโวยวายกันเสียงดัง เมื่อเห็นชาวบ้านมายืนออกันมากมาย “มามุงดูอะไรกัน หรืออิจฉาบ้านจางที่โดนเรียกมามอบของสิ่งดี ๆ ให้” “สะใภ้ใหญ่ หล่อนอย่าหลงตัวเองหน่อยเลย ฉันไม่ได้อิจฉาหล่อนหรอก ที่รอดูก็เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นี่เพี้ยนถึงขนาดคิดว่าหัวหน้าหมู่บ้านเรียกมารับรางวัลหรือยังไง แล้วบ้านจางทำความดีอะไรล่ะถึงมีรางวัล” ชาวบ้านคนหนึ่งอดไม่ได้จึงต่อปากต่อคำด้วย เธอเชื่อว่าต้องเกี่ยวกับสองพี่น้องบ้านสามจางที่เข้าไปก่อนหน้านี้แน่ “มะ…หมายความว่ายังไงสะใภ้รอง หล่อนบอกแม่สามีว่าหัวหน้าหมู่บ้านเรียกไม่ใช่หรือ ไม่มอบของให้แล้วจะเรียกทุกคนมาทำไม” “ฉันจะไปรู้หรือพี่สะใภ้ อาต้ามาเรียกบอกว่าหัวหน้าหมู่บ้านเรียกให้พามู่สงมาด้วย ฉันก็นึกว่าเรียกมาทั้งบ้านน่ะสิ” สะใภ้รองปัดความรับผิดชอบ จนโดนสามีถลึงตาใส่ “ในเมื่อมากันแล้วก็พูดกันให้รู้เรื่องดีกว่า ลี่อิน อาฉีออกมาเถอะ” หัวหน้าหมู่บ้านได้ยินเสียงโวยวายจึงเดินออกมา พร้อมกับเรียกเด็กน้อยทั้งสองคน “นี่แกหายป่วยแล้วหรือ” สะใภ้ใหญ่ตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าลี่อินและฉีหลินจะอยู่ที่นี่ด้วย ลี่อินกระตุกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ดวงตาเธอแข็งกร้าว หากใครสังเกตเห็นคงแปลกใจไม่น้อยกับการเปลี่ยนแปลงของเธอ “หายแล้วค่ะ ป้าสะใภ้คิดว่ายังไงคะ หรือว่าลี่อินควรจะยังป่วยต่อ” “ฉันก็แค่ถาม หายก็ดีแล้วจะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น” “ต่อให้ลี่อินจะเป็นภาระของคนทั้งหมู่บ้าน แต่ลี่อินและอาฉีคงไม่อยู่เป็นภาระให้กับบ้านจางหรอกค่ะ ลี่อินกับอาฉีกลัวตาย” น้ำเสียงที่พูดนั้นคล้ายกับเด็กที่กำลังหวาดกลัวไม่น้อย ท่าทีก้มหน้าของลี่อินตอนนี้จึงไม่มีใครเห็นว่าเธอกำลังอมยิ้มอยู่ “หมายความว่ายังไงนางลี่อิน บ้านฉันมันเป็นยังไง หน็อย ตัดขาดกันแล้วยังพูดถึงบ้านจางในทางเสียหายอีก ไม่รู้ว่าฉันทำกรรมอะไรไว้ถึงได้เลี้ยงพวกแกสองคนมาเพื่อพูดใส่ร้ายบ้านจาง” ย่าจางเต้นเป็นเจ้าเข้าเมื่อลี่อินพูดกระทบบ้านจางของเธอ “ลี่อินไม่ได้ใส่ร้ายบ้านจางนะ ลี่อินรู้ว่าย่าตัดขาดลี่อินกับอาฉีแล้ว นี่ขนาดตัดขาดแล้วนะคะ พี่มู่สงยังผลักอาฉีตกน้ำหวังฆ่าให้ตาย ตัวลี่อินเองก็ล้มป่วยเกือบเอาชีวิตไม่รอดเช่นกัน พี่มู่สงทำแบบนี้ทำไม รังเกียจลี่อินและอาฉีมากหรือไงคะ” “นางเด็กปากเสีย แกจะมาใส่ร้ายมู่สงอย่างนี้ไม่ได้นะ ลูกชายฉันไม่ใช่คนแบบนั้น” สะใภ้ใหญ่ออกหน้าแทนลูกชายเพราะไม่คิดว่าจางมู่สงจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ข้อหาพยายามฆ่าหรือฆ่าคนตายหากรู้ไปถึงหูทหารแดง ต่อให้เป็นเด็กก็อย่าหวังว่าจะรอด เรื่องนี้ต่อให้ลูกจะทำจริงหรือไม่เธอไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด “พี่ใหญ่ไม่ได้ใส่ร้าย พี่มู่สงผลักอาฉีตกน้ำจริง ๆ หากวันนั้นพี่ใหญ่ไปไม่ทัน อาฉีคงตายไปแล้ว” ฉีหลินไม่ยอมให้พี่โดนดุหรือถูกด่าคนเดียว เด็กน้อยจึงเดินขึ้นหน้ามาพูดและเล่าเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง ชาวบ้านได้ยินต่างหันไปมองจางมู่สงด้วยสายตาที่ไปในทิศทางเดียวกัน นั่นคือรังเกียจและโกรธ ไม่คิดว่าเด็กอายุเพียงสิบขวบจะทำร้ายคนอื่นจนเกือบตายเช่นนี้ ซึ่งต่างจากบ้านจาง สิ่งที่ฉีหลินพูดมา ทุกคนต่างไม่มีใครยอมรับ และกล่าวหาว่าฉีหลินใส่ร้ายจางมู่สง “แกอย่ามาใส่ร้ายมู่สงนะไอ้เด็กกำพร้า ทำแบบนี้แกต้องการอะไร มานี่เลย ฉันจะตีแกให้ตาย !!” สะใภ้ใหญ่เลือดขึ้นหน้า เดินรุดเข้ามาหาฉีหลินพร้อมกับเงื้อมือจะตี “หยุดนะ ! ป้าสะใภ้คิดว่าลี่อินไม่สู้ ใช่ ! ก่อนหน้านี้ที่ลี่อินไม่สู้ และยอมทนมาตลอดเพราะเรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่อย่าลืมสิคะว่าเวลานี้บ้านสามจางและบ้านจางตัดขาดกันแล้ว” ลี่อินคว้ามือของสะใภ้ใหญ่ไว้ได้ แม้เวลานี้ร่างของลี่อินเป็นเพียงเด็กแปดขวบ แต่อย่าลืมว่าดวงจิตได้หลอมรวมเด็กสาวอายุสิบเก้าไว้ด้วย ทำให้กำลังที่มีจึงมากขึ้นกว่าเดิม สะใภ้ใหญ่มองอย่างไม่เชื่อสายตา พอสบตากับสายตาแข็งกร้าวของลี่อิน ทำให้เธอถอยหลังไปเล็กน้อย และชี้หน้ากล่าวโทษว่าลี่อินเป็นปีศาจ “ปีศาจ นางเด็กนี่เป็นปีศาจ” “พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง สะใภ้ใหญ่จาง เธอไม่รู้หรือว่ากล่าวหาลอย ๆ เช่นนี้ลี่อินสามารถเอาผิดได้” ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านออกมาปกป้องลี่อิน “นางเด็กผีนี่เป็นปีศาจ ไม่งั้นจะมีแรงเยอะจับมือฉันได้ยังไง” “เด็กแปดขวบไม่มีแรงสู้ผู้ใหญ่ก็จริง แต่อย่าลืมว่าลี่อินทำงานมาตั้งแต่เด็ก กำลังของเธอย่อมมีมากกว่าเด็กทั่วไป อาจจะเพราะเธอรังแกลี่อินมาตลอด และลี่อินไม่คิดจะสู้เลยได้ใจ เวลานี้ลี่อินสู้กลับก็คิดไปว่าลี่อินเป็นปีศาจ หากสมองมีแค่นี้ก็ไปรักษาเสียนะ อีกทั้งวันนี้เราไม่ได้มาตัดสินกันเรื่องอื่น แต่ลี่อินและอาฉีมาร้องเรียนเรื่องที่โดนมู่สงผลักตกน้ำ” ภรรยาหัวหน้าหมู่บ้านพูดอย่างเหลืออด เวลานี้ที่เรียกบ้านจางมารวมตัวก็เพราะเรื่องของมู่สงผลักฉีหลินตกน้ำจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมากล่าวหาว่าลี่อินเป็นปีศาจ “การที่ลี่อินทำงานมาตั้งแต่เด็ก ร่างกายย่อมต้องแข็งแรงกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว เพียงแต่ที่แล้วมาลี่อินเลือกที่จะยอมและไม่สู้ แต่เวลานี้มันไม่ใช่ มู่สงทำร้ายฉีหลินจนเกือบตาย ลี่อินลงไปช่วยน้องก็ป่วยจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด หากฉันเป็นลี่อินฉันก็เลือกที่จะสู้ ดีกว่าเป็นคนอ่อนแอแล้วโดนทำร้ายไม่รู้จบ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD