“องค์หญิง ตื่นบรรทมเถิดเพคะเช้าแล้วนะเพคะ”
เสียงนางกำนัลปลุกให้ร่างน้อยตื่นขึ้น พร้อมกับเอื้อมมือไปเขย่าเบาๆ
“เอ๊ะ ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน แล้วกระต่ายของข้าหล่ะ”
ร่างเล็กที่เพิ่งตื่นเต็มตา รีบถามหากระต่ายขึ้นมาในทันที
“กระต่ายก็อยู่ที่พระตำหนักรับรองอย่างไรเล่าเพคะ “
“ทำไมเจ้าไม่จับไว้ ปล่อยให้องค์ชายเอากระต่ายของข้าไปได้อย่างไร”
ร่างน้อยตรัสต่อว่านางกำนัลด้วยความเสียดายเจ้าขนนุ่มนั่นเป็นอย่างมาก
“ องค์หญิงตรัสอันใดแบบนั้นเพคะ เจ้ากระต่ายพวกนั้น ใครๆก็รู้กันทั้งนั้นว่าเป็นกระต่ายทรงเลี้ยง เพราะมันมาพร้อมขบวนเสด็จขององค์รัชทายาทเทโยนะเพคะ”
นางกำนัลย่นคิ้ว พร้อมกับทูลบอกความจริงบอกออกไป
“ว่าอย่างไรนะ !!
กระต่ายขององค์รัชทายาทเทโยอย่างงั้นเหรอ”
ร่างเล็กกล่าวด้วยเสียงตกใจ พร้อมนึกไปถึงตอนที่พระองค์นั้นอวดอ้างว่ามันเป็นของตนเอง อย่างน่ามิอายเลยทีเดียว
”ข้ามัวแต่ตามกระต่ายของข้า”
“กระต่ายของเจ้าเช่นนั้นหรือ”
" มิน่าเล่าเจ้าชายบ้านั่น ถึงขบขันข้าเสียเช่นนั้น ก็จะอะไรกันอีกเล่า ก็เพราะพระองค์นั้นทรงปล่อยไก่ออกไปตัวเบ้อเริ่ม แถมยังไปทึกทักเอาของคนอื่นเป็นของตัวเองอีก แล้วต่อไปจะทรงมองหน้าเจ้าชายโฉดนั่นได้อย่างไร"
ร่างน้อยที่ทรงมีพระราชกิจต้องไปเก็บดอกไม้ในอุทยานหลวงทุกๆวัน วันนี้กลับต้องเปลี่ยนแปลงพระราชกิจของพระองค์เสียแล้ว กลับออกคำสั่งให้นางกำนัลทั้งหลายตามเสด็จไปที่โรงครัวแทน
ทรงสร้างความโกลาหลให้กับโรงครัวอย่างยิ่งนัก เพราะร่างน้อยเข้าไปรื้อค้นและหยิบจับข้าวของจนวุ่นวาย จนนางกำนัลก้นครัวปวดหัวกันเป็นแถบๆ เพราะข้าวของที่อยู่ในโรงครัว ล้วนเป็นของที่ต้องทำขึ้นใช้ถวายบรรดาเจ้านายแทบทั้งสิ้น เมื่อพระองค์นำสิ่งใดออกไป พวกนางก็จะต้องเดือดร้อนไปหามาใหม่ เพื่อให้เพียงพอแก่การตั้งสำรับเช้านั่นเอง
“เอาผักและผลไม้นั่นมา เลือกที่งามๆนะพวกเจ้า แล้วขนมนั่นด้วยและนั่นด้วย นู่นด้วย”
ร่างน้อยออกคำสั่งให้นางกำนัลเข้าไปหยิบยกข้าวของที่มีผัก และเครื่องคาวหวานเป็นจำนวนมากออกมา แล้วสั่งให้ยกตามพระองค์มา จนกลายเป็นขบวนสำรับยาวเหยียด โดยมีจุดมุ่งหมายไปเรือนรับรองที่ประทับของ องค์รัชทายาทเทโย
“เหตุใดองค์หญิงจึงเสด็จมาแต่เช้า คิดถึงพี่จนทนมิไหวหรือเจ้า”
ร่างสูงออกจะดีใจไม่น้อย ที่เห็นร่างงดงามเสด็จมาหาพระองค์แต่เช้า แต่ก็ออกจะแปลกใจเล็กน้อยที่ทอดพระเนตรเห็นขบวนสำรับยาวเหยียด ที่เลี้ยงคนได้ทั้งตำหนักนี้
“หม่อมฉันเห็นว่าเช้าแล้วพระองค์จะทรงหิว เลยให้นางกำนัลยกสำรับมาถวาย ก่อนนางกำนัลจากที่ห้องเครื่องเพคะ”
เจ้าตัวน้อยจอมเจ้าเล่ห์ ทำเสียงออดอ้อนน่ารักจนน่าหมั่นเขี้ยวทรงอยากจะเข้าไปฟัดซักที ร่างน้อยหันไปสั่งนางกำนัล ให้ตั้งสำรับหน้าเรือน ที่มีมากมายจนล้น ซึ่งงานนี้ผู้ใดไม่โง่เง่าก็ต้องรู้ว่าเจ้าตัวน้อยมีแผนแน่นอน เพราะใครเล่า จะตั้งสำรับมากมายขนาดนี้กัน
"ถ้าเพียงแต่จะถวายพระกระยาหารแด่พระองค์และสำรับเช้า เหตุใดมันจึงมีผักและกล้วยอ้อยมาทั้งดุ้นแบบนั้นกัน นางเห็นพระองค์เป็นช้างม้าหรืออย่างไรกันเล่า"
ดำริในพระทัยแล้วก็ส่ายพระเศียรเบาๆ ว่าเมื่อไหร่นางจะโตซักทีหนอ
“เจ้านำข้าวของมามากมายเช่นนี้แต่เช้า ที่โรงครัวมิวุ่นวายแย่หรือ ฮิมาวาริ”
ทรงตรัสถามนาง หลังจากทอดพระเนตรลงไปในสำรับเช้าแล้ว
“ก็หม่อมฉันยังมีได้มีสิ่งใดตกถึงท้อง มองเห็นสิ่งใดเข้า หม่อมฉันก็ให้พวกนางหยิบมาทั้งสิ้น”
ฮิมาวาริแกล้งโป้ปดว่าตนหิว ทั้งที่วันๆทรงเสวยอะไรมากมายที่ไหนกัน
“แล้วเจ้ากล้วยอ้อยพวกนี้ เจ้าก็อยากกินด้วยหรืออย่างไรกัน”
ทรงตรัสถามพร้อมหยิบอ้อยทั้งท่อนขึ้นมา แล้วใช้สายพระเนตรจ้องไปที่พระคู่หมั้น ที่ถึงกับทำหน้าแหยที่โดนจับได้ซะแล้ว
“โถ่ท่านพี่เทโยก็หม่อมฉันคิดถึงกระต่าย คิดเพียงว่า ถ้ามันได้กลิ่นผักผลไม้ของหม่อมฉัน มันก็คงจะเร่งรีบออกมาพบหม่อมฉัน”
“ดู ดู ดูความคิดของนางซิ กระต่ายของพระองค์นะไม่ใช่หมาจิ้งจอก จะไปได้กลิ่นผักผลไม้แล้วกระโจนออกมาได้อย่างไรกัน แล้วที่สำคัญ ใครเค้าให้มันกินอ้อยทั้งท่อนเช่นนั้นกัน บ้านเมืองนี้เค้าเลี้ยงลูกอย่างไรกัน พระองค์ล่ะกลุ้มใจเสียจริงๆเลย”
“ เจ้าชอบกระต่ายมากหรือเจ้า”
ตรัสถามพร้อมชำเลืองมองไปที่เจ้าตัวน้อย ที่หอมกระต่ายซ้ายขวา แถมบรรจงป้อนซะจนเจ้ากระต่ายท้องป่องไปเสียแล้ว
“ชอบเพคะ”
ร่างเล็กตอบออกมาได้อย่างน่ารักน่าชังนัก คงจะอยากได้เหลือแสน คราแรกที่พระองค์จะกลั่นแกล้งแต่ครานี้เห็นว่า คงจะกลั่นแกล้งไม่ลงเสียแล้ว
“พี่ให้เจ้าเอาไว้เลี้ยงแก้เหงาเถิด ตอนได้มาพี่ก็ตั้งใจจะนำมาฝากเจ้า เพียงแต่ว่ามันบาดเจ็บ จะให้เจ้าตั้งแต่คราแรก ก็กลัวมันจะตายไปเสียก่อน”
สุรเสียงนุ่มนวลตรัสออกมาด้วยความเอ็นดู ทรงนึกอิจฉากระต่าย จนอยากจะประทานพระบาทให้มัน เพราะเพียงแค่นางหลอกล่อหน่อย มันก็แปรพรรคไปซะแล้ว
“ทรงจะประทานให้น้องจริงๆนะเพคะ ขอบพระทัยเพคะ ท่านพี่เทโย”
ร่างนุ่มๆหอมกรุ่นกลิ่นดอกไม้ กระโจนเข้ามากอดโดยที่ทรงมิทันตั้งตัว ชั่ววินาทีนั้นพระทัยดวงน้อย แทบจะกระโจนออกมานอกอก ทรงมิสนสิ่งใดแล้วจรดริมฝีปากลงบนเรือนผมนุ่ม กอดรัดนางด้วยความลืมองค์
“ ป ปล่อยข้านะ”
“เรียกพี่ว่าท่านพี่เทโยอีกสิ แล้วพี่จะปล่อยเจ้า”
สุรเสียงนุ่มตรัสบอกเบาๆ บ่งบอกถึงพระอารมณ์ที่หวามไหว
“ท่านพี่เทโย ปล่อยน้องได้รึยังเพคะ”
สุรเสียงเล็กตรัสตอบด้วยพระอารมณ์หงุดหงิด ด้วยเริ่มอึดอัดยิ่งนัก แถมร่างกายพระองค์ก็เริ่มแปลกๆคล้ายจะเป็นไข้เข้าไปในทุกที
“แค่กๆ แฮ่ม พวกกระหม่อมยังอยู่นะพะยะค่ะ”
ฮาตะหนึ่งในองครักษ์เริ่มกระแอมไอ แล้วเอ่ยเชิงห้ามปรามว่ายังมีผู้คนมากมายอยู่ในตำหนัก อย่าได้ทำอะไรเกินเลยนักมันจะมิค่อยงาม ทำให้ร่างสูงรีบผละออกจากองค์หญิงน้อยอย่างรวดเร็ว พร้อมกับพระพักตร์ที่ขึ้นสีแดงจัดอย่างไม่รู้องค์
ทางด้านท่านองครักษ์โทริ ที่ยืนเฝ้าหน้าตำหนักอย่างเหงาหงอย ด้วยคิดถึงเจ้าของดอกไม้ดอกน้อยๆที่อยู่ในอกเสื้อ ด้วยมิรู้จะตามหานางที่ใด ด้วยที่นี่เป็นเขตพระราชฐาน ถ้าทำตามอำเภอใจ หัวอาจกระเด็นจากบ่าไปได้ทุกเมื่อ จึงได้แต่ทำใจ เฝ้ารอว่าอาจจะมีซักหน ที่จะได้เจอนางอีกครั้ง
โทริยืนใจลอย พิงเสาตำหนัก พร้อมกับหยิบดอกไม้ ที่ยังส่งกลิ่นหอม ออกมาดอมดม หวังจะให้แทนตัวนางที่ฝันถึง
“ท่านชอบดอกไม้หอมหรือเจ้าคะ”
ร่างสูงที่กำลังอยู่ในภวังค์ลืมตาขึ้นทันใด พร้อมกับหันไปตามทิศทางที่เสียงหวานลอยมา จึงเห็นนางในฝันกำลังยืนอยู่ไม่ไกล พร้อมๆกับคลี่ยิ้มแสนหวานส่งมาให้ ชวนให้ใจเต้นกระหน่ำขึ้นมา เหมือนดวงใจมันอยากออกไปหานางซะอย่างนั้น
“ข้า เอ้อ ช ชอบ”
“ทั้งที่เคยกล้าหาญชาญชัยมาตลอด แต่ทำไมพอเจอนางแล้วข้าถึงเป็นไอ้งั่งแบบนี้นี่”
ท่านโทริโอดครวญขึ้นมาในใจ
“เช่นนั้นต่อไปในตอนเช้าถ้าข้าไปเด็ดดอกไม้มา ข้าจะผ่านมาแถวนี้นำดอกไม้หอมมาฝากท่านดีหรือไม่เจ้าคะ”
โทริพยักหน้าหงึกๆ และหน้าแดงขึ้นมาจนร้อนผ่าวไปหมดทั้งใบหน้า