โทริคิดถึงความทรงจำในวันวานอย่างเศร้าสร้อย ในหัวใจเจ็บแปลบไปหมด
“เจ้าจะมาจริงๆหรือ”
ร่างสูงที่สติกลับมาเต็มร้อยถามกลับไปด้วยหัวใจที่พองโต ดวงหน้าระบายไปด้วยรอยยิ้ม
“เจ้าค่ะ”
ร่างเล็กก็ตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มน้อยๆ ชวนให้ท่านองครักษ์นั้นยอมตายได้ ถ้าแลกกับการได้เห็นนางแย้มยิ้มทุกคืนวัน ในวันเวลานั้น
“ข้าชื่อโทริเป็นองครักษ์แห่งองค์รัชทายาทเทโย แล้วเจ้าเล่าพอจะบอกชื่อเจ้าแก่ข้าบ้างได้หรือไม่”
ร่างสูงเอ่ยชื่อตนออกไป หมายให้นางจดจำตนได้พร้อมกับรอคอยการตอบกลับของนางอย่างมีความหวัง
“ข้าน้อยชื่อซาจิเพคะ เป็นนางกำนัลในองค์หญิงฮิมาวาริเจ้าค่ะ ท่านองครักษ์”
“โปรดเรียกข้าว่าโทริเถิด”
“จ เจ้าค่ะท่านโทริ”
ร่างน้อยเอ่ยชื่อชายหนุ่มออกไป แล้วใบหน้าก็แดงระเรื่อขึ้นมาช่างน่ารักนัก
“แล้วค่อยพบกันอีกครานะเจ้าคะ ถ้าข้าอยู่นานใครเห็นเข้าจะมิงามได้ ในตอนเช้าข้าน้อยจะผ่านมาทางนี้ ถ้าข้ามิพบท่าน ข้าจะวางดอกไม้ไว้ให้ที่ตรงนี้นะเจ้าคะ”
“เจ้าสัญญาแล้วนะซาจิ อย่าลืมดอกไม้ของข้าหล่ะ”
ร่างสง่างามนั้นเน้นย้ำ คล้ายกับว่ากลัวนางจะลืมเลือนไป
“มิลืมเจ้าค่ะ ข้าน้อยสัญญา”
ร่างน้อยค้อมตัวลงพร้อมยกนิ้วมือขึ้นมาด้วยความเคยชิน ดังเช่นที่เคยปฏิบัติกับองค์หญิงบ่อยๆ ส่งผลให้ร่างสูงหัวเราะออกมา พร้อมค้อมตัวนิดนึงแล้วยื่นนิ้วออกไปเกี่ยวก้อย ดังเช่นที่เคยทำกับองค์ชายเมื่อสมัยที่ทรงยังเล็กๆอยู่
“ข้าจะรอดอกไม้ของข้านะ ซาจิ”
ร่างสูงกระซิบเสียงเบา ในขณะที่ร่างน้อยอยู่ชิดใกล้ พร้อมกับเอื้อมอีกมือมากุมไว้บนนิ้วก้อยที่เกี่ยวกันอยู่ ทำให้ร่างน้อย ถึงกับสะดุ้งรีบแกะมือของท่านองครักษ์ออกด้วยอาการขวยเขิน
“ข้าต้องไปแล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวองค์หญิงจะทรงเรียกหา”
แล้วร่างน้อยก็จากไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า ที่ระบายขึ้นมาบนใบหน้าของทั้งคู่
“หอมนัก”
ร่างสูงพูดเบาๆ พร้อมหยิบดอกไม้ขึ้นมาจุมพิต อย่างไม่กลัวว่ามัน จะเหี่ยวเฉาอีกต่อไปแล้วก็ต่อไปนี้นั้น นางจะนำมันมาฝากไว้ในทุกๆเช้าแล้วนี่นะ
ในขณะที่องค์รัชทายาทกำลังทอดพระเนตร พระคู่หมั้นของพระองค์ที่กำลังหอมกระต่ายซ้ายทีขวาทีอยู่ อยู่ๆราชองค์รักษ์ก็วิ่งกระหืดดระหอบขึ้นมาบนตำหนัก
“ขอประทานอภัยองค์ชาย มีม้าเร็วมาจากเมืองหลวงพะยะค่ะ ข้าน้อยนำสารที่มาจากม้าเร็วมาด้วยพะยะค่ะ ทรงทอดพระเนตรเถิดพะยะค่ะ ”
ฮาตะส่งสาส์นในมือ ให้องค์รัชทายาทเทโยด้วยความรวดเร็ว เพราะเกรงว่าข้อความในสาส์นจะมีใช่เรื่องดีเป็นแน่ เพราะมิเช่นนั้น ทางเมืองหลวงคงมิส่งม้าเร็วมาเช่นนี้แน่ องค์รัชทายาทเทโยรีบแกะสาส์นลับออกดู ด้วยพระทัยที่ร้อนรน แล้วสิ่งที่พระองค์ภาวนาไม่ให้เกิดขึ้น มันก็เกิดขึ้นมาจนได้
“กบฎชิงบัลลังค์ พระเจ้าอาและเจ้าพวกขุนนางถ่อยพวกนั้นสมคบกันก่อกบฎในเวลาที่ข้าไม่อยู่ และถึงกับวางยาท่านพ่อ และราชนิกูลทั้งราชวงศ์ หมายปลิดชีพล้างราชวงศ์ เคราะห์ดีนัก ที่แม่นมสลับเอาอาหารที่ไม่ทรงโปรดออกไป เสด็จพ่อและราชนิกูลที่ใกล้ชิดจึงรอดตาย แต่พวกมันก็บังอาจนักชักศึกเข้าบ้าน หมายจะล้มล้างเปลี่ยนแผ่นดินให้วอดวายไปเสีย”
วรองค์สง่าขบพระทนต์แน่น ด้วยความคั่งแค้น ทรงห่วงใยบ้านเมืองประชาชน และราชวงศ์ของพระองค์นัก มิรู้ว่าจะได้รับพิษกันมากน้อยเพียงใด ทั้งๆที่ร่วมวงศ์วานเดียวกัน แต่กลับคิดฆ่ากันตายแม้กระทั่งพระญาติของตนทั้งราชวงศ์ เพียงเพื่อราชบังลังค์ เหตุใดท่านอาจึงเป็นได้ถึงถึงเพียงนี้กัน
“ท่านพี่ ท่านจะต้องกลับไปแล้วหรือเพคะ”
เสียงน้อยๆที่ได้ยินการสนทนาชัดเจน รีบถามขึ้นมาด้วยใจสั่นไหว มือน้อยปล่อยกระต่ายให้หลุดออกไปเสีย แล้วเร่งเข้าไปหาพระคู่หมั้นอย่างรวดเร็ว
“สาวน้อยพี่ต้องไปแล้วเจ้า พี่มิรู้ว่าศึกนี้จะจบเช่นใด”
วรองค์สูงไล้ฝ่าพระหัตถ์ไปบนเกศานุ่มนิ่ม ในขณะที่สาวน้อยถลาเข้ามาโอบกอด ด้วยร่างกายที่สั่นไหว พาให้หทัยผู้ที่จะไปเป็นนักรบ ชต้องไหวหวั่น เพราะมิรู้อนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร
“รอพี่นะเจ้า ถ้ามิเห็นศพพี่ขอเจ้าอย่าได้แต่งกับผู้ใดเป็นอันขาด สัญญากับพี่นะ "
ร่างสูงรับสั่งแกมบังคับเพราะ "ถ้านางฟ้าน้อยต้องตกเป็นของผู้ใด ในขณะที่พระองค์ยังมีพระชนม์ชีพมันผู้นั้นจะต้องไม่ตายดีแน่ "
“ท่านพี่ต้องกลับมานะเพคะ ถ้าท่านพี่มิกลับมา น้องจะไม่แต่งกับผู้ใดอีกเลย”
ร่างน้อยที่อยู่ในอ้อมแขนอุ่น รับสั่งให้ใจชื้นจนพระองค์มิอยากจะจากนางไปเลยแม้ซักเพลาเดียว
“หัวใจพี่ยกให้เจ้าแล้ว ฮิมาวาริ จงรักษามันไว้ แล้วพี่จะมาทวงคืนในภายหน้า”
ร่างสูงโอบกอดวรองค์ ในอ้อมแขนไว้แนบแน่น พร้อมจรดริมพระโอษฐ์จุมพิต ไปบนพระนลาฏมน ดั่งจะให้จุมพิตนี้ฝังไว้แทนองค์ ตราบนานเท่านาน
“ส่งสาส์นออกไป ให้ส่งทัพมารอข้าที่ชายแดน ให้คุ้มกันข้ากลับเข้าไปในค่าย ข้าจะออกเดินทางให้เร็วที่สุด หลังจากที่เสบียงพร้อมแล้ว"
" เตรียมตัวให้พร้อมหลังจากข้าเข้าเฝ้าท่านจ้าวผู้ครองแคว้นอันโดะแล้ว ข้าจะออกเดินทางในทันที”
สุรเสียงกร้าวสั่งการออกไปด้วยสายพระเนตรที่มาดมั่น พร้อมกับก้าวพระบาทเดินออกไปเข้าเฝ้า ท่านจ้าวครองแคว้นอันโดะด้วยท่าทางสง่างาม
“เราจะส่งกำลังไปช่วยท่านด้วย เพราะบัดนี้เรียวโคและอันโดะนั้น ก็เปรียบเสมือนบ้านพี่เมืองน้องกันไปแล้ว”
ท่านจ้าวแคว้นอันโดะเอ่ยด้วยสุรเสียงกึกก้อง
“ท่านแม่ทัพส่งสาส์นไปชายแดน ตรึงกองกำลังไว้ให้แน่นหนา ปิดด่านทิศตะวันออก ตรวจตราผู้คนที่จะเข้าออกอย่างเข้มงวดอย่าให้มีไส้ศึก เร้นรอดเข้ามาได้ และส่งกองกำลังส่วนหนึ่ง สลับผลัดเปลี่ยนกันเข้าไป เป็นกองหนุนให้เรียวโค ถือสัญลักษณ์ขององค์หญิงฮิมาวาริ เป็นใบเบิกทางในยามฉุกเฉิน”
“น้อมรับคำสั่งพะยะค่ะ”
“ข้าขออวยพรให้เจ้า ประสบแต่ชัยชนะองค์รัชทายาทเทโย”
“กระหม่อมก็หวังให้ศึกนี้จบลงโดยไวเช่นกัน”
วรองค์สูงค้อมคำนับ ผู้มีศักดิ์เป็นพ่อตาในอนาคต และก้าวออกมาด้วยท่าทางสง่างามแล้วกระโดดขึ้นม้าทรงสีดำตัวใหญ่
“ออกเดินทางได้!!!!!”
แล้วขบวนทั้งขบวนก็ควบม้าออกไปจากวังหลวงด้วยความรวดเร็ว โดยมีจุดหมายอยู่ที่ชายแดนฝั่งตะวันออก โดยทิ้งแต่เพียงพระหทัย ไว้ด้านหลังของพระองค์ องค์หญิงฮิมาวาริ ปรากฎหยาดสายอัชสุชล หยดลงที่ข้างแก้มนวล เก็บดวงหทัยไว้ และหันหลังเสด็จเข้าในตำหนัก ดวงหทัยเจ็บแปลบ ความรู้สึกแปลกๆเกิดขึ้น ยามที่พระคู่หมั้นลับสายพระเนตรไปแล้ว
"ซาจิ ต่อไปนี้จะมีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง ข้าก็มิอยากจะรู้แล้ว "