ตอนที่ 1 ชื่อตอน องค์หญิงน้อย
เมื่อชีวิตขององค์หญิงน้อยผู้ซึ่งเกิดและเติบโตในฝ่ายใน นางผู้แสนอ่อนต่อโลกได้ถูกหมั้นหมายกับรัชทายาทเทโย ผู้เก่งกล้า และผู้คนร่ำลือว่าเป็นวายร้ายจอมเอาแต่ใจ เพียงนางยังไม่ทันพบเจอกันแม้เพียงครั้งหนึ่ง องค์หญิงฮิมาวาริก็ตัดสินใจ ที่จะหลบหนีออกไปจากพระราชวังในทันที
"หนี !!! ตายเป็นตาย!!! แต่ถ้าให้อยู่พบเจอคนโหดร้ายใจร้าย พระองค์ทรงมิขออยู่เลยเสียดีกว่า "
เมื่อการเกิดเป็นหญิง ทำให้ไม่มีโอกาสทำตามใจตนเองได้ แม้แต่การเลือกคู่ก็มิอาจทำเองได้เลย องค์หญิงน้อยฮิมาวาริ จึงต้องพยายามทุกวิถีทาง หาทางหลีกเลี่ยง การหมั้นหมายครั้งนี้ให้ได้ !!!!
องค์หญิงฮิมาวาริองค์หญิงแห่งแคว้นอันโดะ ผู้สดใสและงดงามดังดอกไม้แรกแย้ม นางดื้อรั้นและมีความคิดดั่งผ้าขาว ทรงหวาดกลัวการแต่งงาน จากข่าวลือเลื่อนลอย โดยที่ยังมิได้พบเจอกันแม้เพียงครั้งเดียว ในขณะที่..ฤดูหนาว..กำลังใกล้จะผ่านพ้นไป
บรรดาองค์หญิงน้อยใหญ่ ในแคว้นอันโดะ ล้วนถูกกำหนดให้ต้องเดินทางไปเข้าพิธีอภิเษกกับองค์ชาย และบรรดาแม่ทัพต่างแคว้นทั้งหลาย เพื่อเป็นการเชื่อมสัมพันธไมตรี หรืออาจเรียกได้ว่าไปเป็นตัวประกันกับแคว้นต่างๆเพื่อป้องกัน ไม่ให้บ้านเมืองของตนเองต้องถูกรุกราน
เพื่อให้ประชาชนในแคว้นของตนเอง ได้เดินทางทำมาค้าขาย ในแคว้นเหล่านั้นได้ง่ายดายยิ่งขึ้น เพิ่มผลกำไรทางการค้า เพื่อให้เกิดความผูกพันธ์ และความสนิทชิดเชื้อทางสายเลือด และเพื่อถ่วงดุลอำนาจกันและกัน
จึงต้องมีการเชื่อมสัมพันธไมตรี โดยการใช้บุตรี เป็นเครื่องบรรณาการ แก่แว่นแคว้นที่มีอำนาจมากกว่าตน หรือเรียกง่ายๆว่าการแต่งงาน ทางการเมืองนั่นเอง บรรดาองค์หญิงน้อยใหญ่ล้วนยินดีปรีดา ผิดไปกับองค์หญิงฮิมาวาริที่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด จนคิ้วแทบจะชนกันเลยทีเดียว
“ซาจิ ทำไมบรรดาพี่น้องของข้า ถึงยินดีที่จะไปอยู่ที่อื่นกันนักนะ”
องค์หญิงกล่าวแบบเลื่อนลอย แต่ก็สะกิดใจของนางกำนัลส่วนพระองค์อย่างยิ่งนัก เร่งขยับไปกอดรัดปลุกปลอบขวัญนายน้อยๆของตนเองอย่าเร่งด่วน
“โถ่ องค์หญิงทรงดำริอันใดเช่นนั้นกันเพคะ ไม่ว่าผู้ใดก็ย่อมพึงใจเมื่อได้คู่ครองที่คู่ควรนะเพคะ ท่านผู้ครองแคว้น ต้องทรงเลือกคู่ครองที่ดีให้องค์หญิง เพื่อที่จะสามารถปกป้องดูแลบุตรีของพระองค์ได้นะเพคะ มิใช่เพียงรอให้มีผู้ใดมาแย่งชิงเอาไป เมื่อถึงเวลานั้นบุตรีของพระองค์จะต้องตกระกำลำบาก พระองค์จึงต้องเลือกสิ่งที่ดีกว่าอย่างไรเล่าเพคะ”
นางกำนัลข้างกายรีบเอ่ยปลอบประโลมองค์หญิงน้อยของตน เพราะรู้ดีว่าองค์หญิงน้อยของตน มีความรู้สึกเช่นไร ทรงยังเยาว์วัยและยังอ่อนต่อโลกนัก พระพี่เลี้ยงเช่นนางมิอาจทำสิ่งใดได้มาก นอกไปจากการปลอบใจองค์หญิงของตนเอง
“เราอยากอยู่รับใช้ท่านพ่อตลอดไป ไม่อยากให้ท่านพ่อส่งเราไปที่อื่น ถึงแม้ภายหน้าจะเกิดเหตุการณ์อันใดขึ้นก็ตามที เราก็จะไม่กลัวเกรง”
ดวงตาสุกใสนั้น เปล่งประกายเศร้าหมองลงกว่าไปกว่าที่เคย แต่ยังมิทันที่นางกำนัล จะได้เอ่ยอันใดออกมา ก็มีสุรเสียงหนึ่งสอดแทรกเข้ามาพลัน
“เห็นจะไม่เป็นอย่างที่เจ้าคิดเสียหรอกน้องหญิง”
อยู่ๆเจ้าของเสียงที่เย้ยหยันบาดหูนี้ ก็ก้าวเข้ามาในตำหนักขององค์หญิงน้อยโดยที่มิมีการบอกกล่าว ด้วยถือว่าตนเองนั้นยิ่งใหญ่ กว่าเจ้าของตำหนักมากมายนัก
“พี่หญิงใหญ่! “
“เจ้าจงรู้ไว้ก็ดีนะน้องข้า ตัวเจ้าเองแม้ยังมิถึงวัยอันเหมาะควร แต่ท่านพ่อก็ได้กำหนดให้เจ้าหมั้นหมายเอาไว้แล้ว”
ผู้เป็นพี่เร่งบอกกล่าวพร้อมเสียเย้ยหยัน พร้อมกับปรายสายตาใส่ร่างบางด้วยความอิจฉา คล้ายจะยิ้มเยาะด้วยความสาแก่ใจ ที่พระนางสามารถทำให้ ผู้เป็นน้องของนางนั้นใจเสียลงไปได้ เนื่องด้วยตนเองนั้นกำลังจะถูกส่งไปในที่ไกลแสนไกลแถมยังมีคู่อภิเษกแก่คราวพ่อ ทั้งๆที่รูปโฉมหน้าตาตนเองนั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใด เพียงแค่เพราะพระนาง มิมีพระมารดาที่มีพระยศสูงศักดิ์ก็เท่านั้นเอง เหตุใดฟ้าจึงลำเอียงนัก ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจในโชคชะตาของตน จนเผลอขบริมฝีปากตนเอง จนห้อเลือดขึ้นมา
“เหตุใดน้องถึงมิเคยรู้เลย”
เสียงหวานเอ่ยขึ้นมาอย่างควบคุมองค์เองมิได้อีก ดวงตาสดใสดั่งลูกแก้ว เริ่มมีน้ำใสๆเอ่อคลอขึ้นมาเต็มไปหมด ความรู้สึกต่างๆ เหมือนดังจะตีขึ้นมาในอุระขององค์หญิงทันใด จนเจ้าร่างน้อยนั้น แทบจะสะกดความอ่อนแอเอาไว้ไม่ได้
"เหตุใดท่านพ่อ จึงมิบอกกล่าวแก่ลูกเลย"
นางตัดพ้อต่อว่าพระบิดาขึ้นมา อย่างน้อยใจในตน ยิ่งคิดดวงเนตรคู่งาม ก็เริ่มร้อนผ่าว หยาดอสุชลคล้ายจะหยาดรินลงมา กายน้อยฟสั่นไหวระริก เหมือนแก้วล้ำค่าที่กำลังจะแตกสลายลงไปในมิช้าแล้ว
“รู้หรือเจ้า รู้แล้วเจ้าจะทำอันใดได้ ฮิมาวาริ เกิดเป็นเลือดกษัตริย์ขัตติยะ อย่างใดเราก็ต้องทำตามหน้าที่ พี่ก็เพียงแต่สงสารแต่เจ้า ที่อาจจะต้องทุกข์ระทม เพราะพี่นั้นได้ยินมาว่าองค์รัชทายาทแห่งเทโย ผู้ที่กำลังจะหมั้นหมายกับเจ้านั้นช่างร้ายกาจนัก ทั้งยังมักมากในกามและทรงมีชายามากมาย เด็กน้อยเช่นเจ้าจะทำเช่นใด ให้ทันเล่ห์เหลี่ยมของชายเช่นนี้ได้กัน”
เสียงไพเราะนั้น กล่าวออกมาช้าๆ เพราะอย่างไรก็จะทรงจะต้องจากไปแล้ว เพื่อให้สมบทบาทองค์หญิงใหญ่จึงบีบน้ำตา แล้วปาดออกตรงหางตาให้สมจริงเสียหน่อย ท่าทางของนางส่งผลให้เจ้าร่างน้อย เกิดหวาดกลัวพระคู่หมั้นที่ยังทรงมิเคยได้พบหน้ากันจนตัวสั่นระริก ถึงกับวิ่งร้องไห้กลับห้องบรรทม จนดูเหมือนผู้คนที่จิตวิปลาสไปเลยทีเดียว
“หึ สมน้ำหน้านัก หากข้าไม่มีความสุข เจ้าก็จงทุกข์ไปกับข้าเถอะนังเด็กบ้า”
ร่างงดงามกล่าวด้วยความสาแก่ใจ ดวงเนตรแข็งกร้าวขึ้นมา ด้วยเพราะความริษยาอย่างมากนัก พระนางยิ้มเยาะขนิษฐาต่างมารดาของพระนางเอง แล้วค่อยๆเยื้องกรายกลับตำหนักของนางไป อย่างพระทัยเบิกบานอย่างมากที่สุด ในยามนี้
“ฮือๆซาจิเรากลัว เรามิอยากหมั้นหมาย มิอยากอภิเษกออกไปกับคนใจดำร้ายกาจเช่นที่พระพี่นางตรัสเช่นนั้นเลย “
ร่างน้อยซึ่งบัดนี้ตีตนไปก่อนไข้ สะอึกสะอื้นจนตัวโยน กอดนางกำนัลพี่เลี้ยงของพระองค์ไว้จนแน่น หยาดอสุชลไหลออกมาอย่างมิขาดสาย ทรงกรรรแสงออกมาดังลั่น จนพระพี่เลี้ยงนั้น โศกเศร้าตามนางไปด้วยอีกคนหนึ่ง
“องค์หญิงอย่าทรงกรรแสงอีกเลยเพคะ อาจไม่ใช่อย่างที่องค์หญิงใหญ่นั้น ได้ทรงตรัสไว้ก็ได้นะเพคะ”
“เจ้าจะบอกเราว่า พี่หญิงใหญ่ของเรานั้นทรงโป้ปด เช่นนั้นหรือซาจิ”
ร่างน้อยขึ้นเสียงคล้ายจะตำหนิ พระพี่เลี้ยงของพระองค์ขึ้นมาพลัน ซาจิเร่งรีบหลบสายตาของนางลง และเอ่ยอย่างว่องไวขึ้นมา ด้วยตระหนักในความต่ำต้อยของตนเองอย่างยิ่งนัก
“มิกล้าเพคะ”
นางกำนัลน้อยรีบบอกปัดออกไป เพราะเกรงว่าพระราชอาญาจะมาถึงตัว แล้วต้องสะดุ้งขึ้นมาเพราะองค์หญิงน้อย คว้าแขนของนางไปเขย่าอย่างรุนแรง พระองค์เอ่ยออกมาอย่างร้อนรน