ตอนที่7 ชื่อตอน ริษยา

1279 Words
พระราชพิธีดำเนินไปตามประเพณีของทั้งสองแคว้น และจบลงที่ทั้งสองพระองค์ทรงแลกเปลี่ยนสัญลักษณ์แทนองค์ ต่อกันและกัน จี้พระศอทองคำถูกสวมลงบนพระศอขาวนวลเบาๆ พร้อมกับสุรเสียงกระซิบแหบพร่า ”จี้นี้พี่และท่านพ่อจัดทำขึ้นเพื่อให้ราชินีสวมใส่เท่านั้น อย่าทำหายไปเชียวนะเจ้า มิเช่นนั้นพี่อาจจะโดนหญิงงามที่ใดก็ไม่รู้ แอบอ้างเอาพี่ไปเป็นพระสวามีเป็นแน่” เมื่อเย้าแหย่ให้คนงามดวงตาลุกวาวได้สำเร็จแล้ว พระหัตถ์อุ่นก็กุมลงไปบนพระหัตถ์ขาวเนียนนุ่ม พร้อมกับบรรจง สวมกำไลทองคำลงไป พร้อมกับจุมพิตบนพระหัตถ์นุ่ม แสดงความเป็นเจ้าของต่อหน้าธารกำนัลไปเสียเลย ทำเอาท่านจ้าวแคว้นอันโดะดวงเนตรแทบจะลุกเป็นไฟ อยากจะลุกไปประทานกริชให้องค์ชายแห่งเรียวโคด้วยพระองค์เองเสียแล้ว ถ้าไม่ติดฐานะของพระองค์ล่ะก็นะ “ฮึ่ม” ท่านจ้าวแคว้นอันโดะแอบก่นด่าในหทัยของพระองค์ สายพระเนตรมองไปที่เจ้าตัวน้อยในวันวานของพระองค์ ที่กำลังย่อกายลงเล็กน้อย พร้อมกับค่อยๆคลี่สายรัดกริช บรรจงเหน็บลงไปข้างกายให้เจ้าชายหนุ่ม พร้อมกระซิบแผ่วเบา ”คนหน้าไม่อาย” เพียงเท่านั้นเอง กลับเรียกรอยยิ้มขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลา ได้อีกครา แล้วพิธีก็เสร็จสิ้นลง พร้อมการสลวลของราชนิกูลทั้งสองพระองค์ ท่ามกลางกลีบดอกไม้โปรยปรายลงมาดั่งสายฝน “เหนื่อยเหลือเกินซาจิ รีบๆเปลี่ยนชุดให้ข้าเร็วๆ ข้าจะไปเก็บดอกไม้ที่หน้าตำหนักแล้ว” “เพคะพระองค์หญิง “ นางกำนัลต่างต้องเร่งมือปลดฉลองพระองค์ให้ ด้วยเกรงร่างน้อยจะทรงกริ้ว ร่างน้อยที่ได้ปลดเปลื้องฉลองพระองค์หนาหนักออก รู้สึกเหมือนพระวรกายพระองค์เบาลง ราวจะบินได้ดั่งนกเลยทีเดียวเชียว ร่างน้อยรีบเสด็จดำเนิน ไปในอุทยานหลวง เพราะสายมากแล้วดอกไม้จะบานมากเสียจนเกินไป เมื่อทรงเก็บดอกไม้ไปเรื่อยๆ จนเต็มตะกร้า อยู่ๆฉลองพระองค์ก็เหมือนถูกสิ่งใดมาเกี่ยวไว้ และดูเหมือนไม่ใช่ครั้งเดียว และยังกระตุกถี่ๆ จนต้องทอดพระเนตร ลงไปที่ชายฉลองพระองค์อีกครั้ง แล้วพระเนตรก็ต้องเบิกกว้างขึ้น เพราะสิ่งที่อยู่ข้างล่างมิใช่กิ่งไม้ และมันก็กำลังพยายามแทะใบไม้ ที่ติดอยู่ที่ฉลองพระองค์ของพระองค์เสียด้วย "เจ้ากระต่าย พวกเจ้าเข้ามาได้อย่างไรกันเนี่ย แล้วอ้วนท้วนขนาดนี้ ไม่ใช่ว่า พวกเจ้าแทะดอกไม้ของข้า ไปจนหมดอุทยานเสียแล้วหรือ” องค์หญิงทรงตรัสกับกระต่ายที่แทะฉลองพระองค์ พลางใช้ดัชนีจิ้มลงไปที่ใบหูยาวเบาๆ ทำให้เจ้ากระต่ายตกใจ พากันวิ่งหนีไปทางเดียวกัน ทำให้ร่างบางต้องเร่งดำเนินตามไป เพื่อหมายจะเล่นกับเจ้ากระต่ายเหล่านั้น พอลูบไล้ได้นิดหน่อย เจ้ากระต่ายก็วิ่งไปอีก ร่างน้อยแสนซนก็ดำเนินตามไปอีก จนกระทั่งเจ้ากระต่ายวิ่งลอดพุ่มไม้เตี้ยๆออกไป จนทอดพระเนตรเห็นแต่ใบหูส่ายไปมา แล้วมันก็ไม่ไปไหนอีก ร่างน้อยจึงลอดตามไปบ้าง แต่เนื่องด้วยสายพระเนตรในตอนนี้เห็นเพียงแต่กระต่าย ร่างน้อยจึงสะดุดล้มลงไปในทันที “โอ๊ย!!!” เจ้าสิ่งที่พระองค์สะดุดสะดุ้งอย่างแรงในขณะที่พระองค์ล้มลงไปทับ พร้อมกับเร่งลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พอเริ่มปรับสายตาได้ สุรเสียงนุ่มก็เอื้อนเอ่ยออกมา “เหตุใดจึงรักรุนแรงจังนะเจ้า” “ไม่สงสารอกพี่บ้างหรืออย่างไร ถึงแม้เจ้าจะตัวบางแต่มันก็หนักไม่น้อยเลย” ฟูกนอนข้างล่างตัดพ้อต่อว่า หลังจากทรงลุกออกไปแล้ว เพราะทรงเจ็บมิใช่น้อยเลย “หม่อมฉันขออภัยเพคะ หม่อมฉันเร่งรีบมากไปหน่อย หม่อมฉันไม่รู้ว่า ท่านจะมานอนอยู่ที่นี่ได้เพคะ หม่อมฉันมัวแต่ไล่ตามกระต่ายของหม่อมฉัน" ร่างน้อยรีบตอบอย่างปัดสวะให้พ้นตัว ก็ผู้ใดจะไปรู้ อุทยานหลวงตั้งกว้าง เจ้าคนบ้านี่มานอนอยู่ทำไมที่นี่กัน “กระต่ายของเจ้าเช่นนั้นหรือ” ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นมาเป็นเชิงถามขึ้นมาน้อยๆ “ใช่ กระต่ายของหม่อมฉัน นั่นไงมันวิ่งมาแล้ว “ ร่างน้อยกรี๊ดกร๊าด เมื่อเห็นกระต่ายวิ่งมาหา และกระโดดมานั่งอยู่บนพระเพลาอย่างว่าง่ายพร้อมส่ายหูดุ๊กดิ๊ก ร่างน้อยทั้งกอดจูบลูบคลำ เจ้ากระต่ายก็ไม่หนีไปที่ใดอีก สร้างความปลาบปลื้มอย่างยิ่งนัก เจ้ากระต่ายตัวโตทั้งนุ่มทั้งหอม ไม่มีกลิ่นสาบสางเอาเสียเลย ทรงมัวแต่กอดจูบลูบกระต่าย จนมิเห็นคนข้างกายที่แย้มมุมพระโอษฐ์บางๆพร้อมหลับตาต่อไป ทรงปล่อยให้ “เด็ก”ของพระองค์ เล่นกับกระต่ายไปจนเพลินจนกระทั่งมันเหนื่อย เข้าไปซุกตัวอยู่กับคนข้างกาย ที่หลับไปนานแล้ว ร่างน้อยที่เหนื่อยมาทั้งวันก็เริ่มตาปรือ เลยเอนตัวลงนอนไปบ้าง เนื่องด้วยอากาศยามบ่าย ช่างน่านอนยิ่งนัก จึงพากันหลับไปทั้งคนทั้งกระต่าย ทำให้องครักษ์และบรรดานางกำนัล ที่เดินออกมาตามหา เห็นแล้วก็อดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “โธ่ นึกว่าจะทรงเสด็จไปไหนกัน ที่แท้ก็มาแอบบรรทมอยู่ที่นี่เอง” เสียงซาจิเอ่ยเบาๆ แต่ก็ทำให้วรองค์สูง รู้สึกพระองค์ตื่นบรรทมขึ้นมา พร้อมกับหันไปทอดพระเนตรที่ร่างงาม ที่หลับดวงตาพริ้ม ดวงหน้าเต็มไปด้วยรอยแย้มยิ้ม คล้ายจะบ่งบอกว่าทรงฝันดี และในขณะที่นางกำนัลกำลังจะเอื้อมมือไปปลุกองค์หญิงของนาง ก็ทรงแตะดัชนีกับริมฝีปาก พร้อมส่ายพระเศียรเบาๆ ทรงค่อยๆคุกพระชงค์ลงกับพื้น ช้อนพระหัตถ์อุ้มเจ้าตัวน้อย ของพระองค์กลับไปตำหนัก ทั้งๆที่ยังบรรทมอยู่ โดยมีฝูงกระต่ายกระโดดตามไป พร้อมส่ายหูดุ๊กดิ๊กไปตลอดทาง รั้งท้ายด้วยนางกำนัล และองครักษ์ที่มองหน้ากันไป พลางแย้มยิ้มไปพลาง “เพล้ง โครม” เสียงขว้างปาข้าวของ ดังขึ้นภายในตำหนักขององค์หญิงมิจู ร่างงามที่เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ร่างกายสั่นระริก “องค์หญิงเพคะ หยุดทำลายข้าวของเถิดเพคะ” นางกำนัลเร่งรีบห้ามปราม ด้วยของในตำหนักล้วนเป็นของพระราชทานมาแทบทั้งสิ้น “หยุด หยุดเหรอ” ร่างงามหยุดทวนคำพูดของนางกำนัล พร้อมกับเขวี้ยงแจกันใส่นางกำนัลนางนั้นด้วยความโมโห “โอ๊ย องค์หญิงอย่าทำหม่อมฉันเพคะ” นางกำนัลร้องโอดโอย พร้อมรีบเร่งหลีกหนีออกมาอย่างรวดเร็ว “ทำไมกัน ขนาดแค่พิธีหมั้นหมายของมัน ยังยิ่งใหญ่กว่าข้าที่ซึ่งกำลังจะได้อภิเษก ทั้งๆที่ข้าต้องจากไปไกลแสนไกล " "แต่กลับไม่มีใครสนใจข้าเลย ทำไม๊ ฮือๆ” องค์หญิงมิจูร่ำไห้ ด้วยเวลานี้ทั่วทั้งเมืองและในตำหนัก กลับมีแต่ผู้คนเอ่ยถึงแต่ฮิมาวาริ ทั้งๆที่พระองค์กำลังจะจากไปเพื่อบ้านเมือง แต่กลับมิมีใครสนใจพระองค์เลยแม้แต่ผู้เดียว ข้าวของที่ประทานให้ติดตัวไปก็น้อยนิดยิ่งนัก เมื่อเทียบกับข้าวของที่ทางเรียวโคส่งมา ทำให้พระองค์ทรงอิจฉาริษยายิ่งนัก “ฮิมาวาริ เจ้าจะต้องได้รับสิ่งที่เจ้าทำกับข้า อย่างสาสมอย่างแน่นอน!!! " ​
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD