ร่างสูงที่อยู่ใกล้ๆตรัสด้วยแววตาขบขัน ในกิริยาของเจ้าตัวน้อย ที่ทรงแอบทอดพระเนตรอยู่นาน ทั้งๆที่พระองค์นั้นก็ติดตามมาตั้งนานแล้ว แต่นางมิยอมหันมามองเลย นางมิแม้แต่จะมองทางด้วยซ้ำไป นางเอาแต่เดินแล้วก็มาหยุดลง พร้อมกับถมผืนน้ำเบื้องหน้า ด้วยหินก้อนเล็กๆข้างๆกาย พระองค์จึงได้โอกาสชิดนางอย่างชิดใกล้เฉกเช่นนี้
“ท.ท่าน ตามข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เหตุใดข้าจึงมิรู้”
“ข้าเรียกเจ้าแล้ว แต่เจ้าไม่ได้ยิน "
"เจ้าเอาแต่เดิน เดิน เดิน เดิน ข้าเลยสงสัยว่าเหตุใด เจ้าไม่ได้ยินข้า เกรงว่าเจ้าจะโดนสิ่งใดสิงสู่ไปแล้วหรือไม่ เลยเดินตามเจ้ามาเงียบๆอย่างไรเล่า”
แววตาของคนข้างกายบ่งบอกว่าล้อเลียนพระองค์ มากกว่าจะเป็นห่วงจริงจังดังที่ตรัส ทำให้ดวงเนตรกลมโต วาววับ ออกแววขุ่นเคืองดูน่ารักมากกว่าน่ากลัวไปเสียแล้ว
“ท่านตามข้ามาทำไมกัน เหตุใดไม่อยู่ฉวยโอกาสกับท่านพี่หญิงต่อไปอีกเล่า คนทุเรศ”
ร่างน้อยต่อว่าเสียงเขียว ดวงตาเข้มขึ้นมา บ่งบอกว่าโมโหจัดเสียแล้วในยามนี้”
“หือฉวยโอกาส ข้าไปฉวยโอกาสกับพระพี่นางของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
ร่างสูงแสร้งไขสือ ทั้งๆที่เดาได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร และรู้แล้วว่านางอาจจะหวงพระองค์ขึ้นมาแล้ว
“ทั้งๆที่ข้าเห็นกับตา ว่าท่านกอดกับท่านพี่หญิงในอุทยานนั่น ท่านยังจะแก้ตัวอีกหรือ”
เจ้าตัวน้อยขึ้นเสียง กับพระองค์ขึ้นมาส่งเสียงตวาดลั่น ใบหน้าบิดเบี้ยวคลอครองไปด้วยน้ำตา
“อ้อ..เจ้าเห็นงั้นหรือ แล้วเจ้าก็เลยโมโหข้าแล้วใช่หรือไม่”
สุรเสียงนุ่มลากเสียงยาวแบบก่อกวนอารมณ์ ทำท่าทางยียวนกวนประสาทมากมายนัก
“ใช่ อุ๊บ!!
" ไม่ใช่ !! "
"ข้าเป็นห่วงพี่หญิงของข้าต่างหาก ที่อาจจะหลงไปกับกลลวงของท่านอีกคน”
ร่างน้อยที่เผลอตอบรับไปด้วยอารมณ์โมโห รีบแก้ต่างทันควันอย่างข้างๆคูๆนางควันออกหูขึ้นมาเสียแล้ว
“อีกคนงั้นหรือเจ้า แล้วใครกันเล่าที่หลงรักเป็นคนแรก”
ร่างสูงที่ล่อเจ้าตัวน้อยลงในกับดักเริ่มรุกหนักขึ้น แถมขยับวรองค์เข้าไปใกล้โดยที่เจ้าร่างน้อยยังมิรู้ตัวเสียอีกด้วย
“ข้า ข้าไม่รู้คงเป็นบรรดาผู้หญิงของเจ้ากระมัง”
ร่างน้อยที่เกือบเผลอเผยความจริง รีบแถออกไปหาเรื่องไปที่คนตัวโตขึ้นมาอีก
“ผู้หญิงของข้า งั้นข้า คงเข้าข้างตนเองได้ว่าเจ้าชอบข้าเสียแล้วใช่หรือไม่องค์หญิงน้อย”
วงแขนแข็งแรงคว้าร่างบางไปกอดรัด ดึงร่างบอบบางเข้ามาหาตัวในขณะที่ร่างน้อยยังตื่นตะลึงอยู่มิหาย
“ปล่อยข้านะ ปล่อยข้า !”
"คนฉวยโอกาส ปล่อยมือออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
ร่างน้อยที่ถูกโอบรัด พยายามดิ้นรนให้หลุดจากวงแขนแข็งแกร่งที่โอบล้อมเข้ามา
“อย่าดิ้นสิเจ้า ข้ามิได้จะทำอะไรเจ้า ข้าเพียงห่วงกลัวเจ้าลื่นไถลลงสระน้ำไปก็เท่านั้น”
สุรเสียงที่เอ่ยออกมา ทำให้ร่างน้อยถึงกับแข็งค้าง พร้อมกับหันไปมองด้านหลัง เห็นขอบสระห่างออกไปเพียงแค่คืบนางจึงหยุดดิ้นและขณะที่หันกลับมา ดวงหน้านวลก็ปะทะกับริมฝีปากอุ่น จึงเผลอผลักร่างสูงออกไป ทั้งๆที่วงแขนยังกอดรัดพระองค์อยู่ ทำให้ร่างของทั้งสองเสียหลักล้มลงไปกับพื้นหญ้า ทำให้ริมพระโอษฐ์สัมผัสกันและกันอีกครา
ร่างสูงนั้น อยากจะขอบคุณเทพยดาฟ้าดินขึ้นมาซักล้านครั้ง ช่างโชคดีอันใดเช่นนี้กันนะ
"เทพยดาท่านช่างเป็นใจเหลือเกิน ที่ทำให้ร่างนุ่มนิ่มนี้มาอยู่ชิดใกล้กับพระองค์เช่นนี้ แม้ไม่มากมายแต่เท่านี้ พระองค์ก็ชื่นใจแล้ว เพราะมากไปเจ้าร่างน้อยก็จะเสื่อมเสียเอาได้ "
“ป..ปล่อยข้านะ”
ร่างน้อยที่รู้สึกตัวก็รีบออกปากก่นด่าขึ้นมาในทันใด
“พี่ปล่อยแล้วนะเจ้า แต่เป็นเจ้าเองที่มิลุกไปจากอกพี่ เกรงว่าอกของพี่คงจะอุ่นนักเจ้าจึงยังมิยอมลุกไปเสียที”
ร่างงดงามปานเทพบุตร เย้าแหย่คนข้างบนกายตนอย่างสบายอารมณ์ จนถูกฝากรักลงบนอกแกร่งเสียงดังอั้ก !!! "
”โอ๊ย ตีพี่ทำไมพี่ไปทำอะไรให้เจ้ากัน”
“คนบ้า!!!!! ”
ร่างน้อยที่ประทุษร้ายคนตัวโตได้สำเร็จ นางก็รีบเร่งลุกออกไปอย่างรวดเร็ว ฝ่าพระหัตต์กุมพระพักตร์ที่แดงระเรื่อไปตลอดทาง ทิ้งให้คนตัวโตนอนแย้มสลวล ทอดพระเนตรผืนฟ้าอยู่ในอุทยานหลวงพระองค์เดียว
“ข้ารักเจ้าจัง สาวน้อยของข้า”
ร่างที่นอนหนุนพระหัตถ์ต่างหมอน ตรัสเบาๆฝากไปกับสายลมและผืนฟ้า ใบหน้านั้นแดงเรื่อ ทรงหัวเราะดังออกมาอย่างสุขใจ
ในวันงานพระราชพิธี ภายในแคว้นอันโดะถูกประดับประดาไปด้วยแพรพรรณและดอกไม้หลากสีสัน มีทูตต่างแคว้น และประชาชนมาร่วมงานเฉลิมฉลองมากมาย บ้านเมืองคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมาย จนดูเหมือนจะวุ่นวาย การหมั้นหมายนี้เป็นการหมั้นหมาย เพื่อหวังผลทางการเมืองอย่างแท้จริง จึงต้องจัดให้ยิ่งใหญ่เพื่อแสดงอำนาจ ของทั้งแคว้นทั้งอันโดะและเรียวโค เพื่อความมั่นคงทางการค้าระหว่างแคว้น
และเป็นการคานอำนาจแก่ศัตรูรอบด้าน การหมั้นหมายครั้งนี้ จึงทำให้เมืองรอบๆอันโดะไม่อาจแข็งกร้าว บุกมารุกรานได้อีก ผู้ใดคิดตั้งตนเป็นศัตรู ก็ต้องเผชิญกับกองกำลังของทั้งสองเมือง และพันธมิตรของทั้งสอง
เพราะต่อไปขุมกำลังจะต้องถูกส่งมาช่วยจากเรียวโค และเมืองที่พระองค์ส่งพระราชธิดาไปบรรณาการ ทั้งหมดเป็นผลพลอยได้ จากการหมั้นหมายในครั้งนี้แทบทั้งสิ้น
ร่างน้อยถูกจับแต่งองค์งดงาม พระเกศาถูกเกล้าด้วยไข่มุก พร้อมกับปักด้วยปิ่นทองคำสลักลายดอกไม้ ที่พระคู่หมั้นทรงประทานมาให้พระพักตร์ถูกแต่งแต้มไปด้วยชาดสีแดง และผงแป้งหอมทำให้ดวงหน้าอิ่มเอิบ ฉลองพระองค์สีขาว ปักไปด้วยเลื่อมทองคำและไข่มุก
“เหตุใดชุดของข้า จึงรุ่มร่ามเช่นนี้นะ ซาจิ”
ตรัสพลางยกชายฉลองพระองค์ขึ้นลง จนนางกำนัลทั้งหลายพากันส่ายหัวเป็นเชิงห้ามปราม
“งามนักเพคะองค์หญิง ถ้าองค์หญิงไม่ทรงทำกิริยาไม่สำรวมอื่นใดออกมาอีก ท่านก็จะงดงามยิ่งนักเพคะ”
ส่วนองค์รัชทายาททรงสวมฉลองพระองค์สีขาว คลุมทับด้วยผ้าคลุมสีแดงเหลือบทองเต็มพระยศ ทำเอานางกำนัล และองค์หญิงน้อยใหญ่ต่างพากันแอบมอง ในยามที่เสด็จดำเนินออกมาจากที่พระตำหนักรับรองกันอย่างถ้วนทั่ว ร่างสูงในเวลานี้แลดูสง่างามดุจเทพบุตร ดวงพักตร์แจ่มใส
ยามยืนประทับเคียงกันดูแล้วเหมาะสมกันยิ่งนัก พีธีหมั้นถูกจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ และของหมั้นก็มิได้ประทานมาเพื่อองค์หญิงเพียงชิ้นเดียวแต่งานพระราชพิธี จะต้องมีของหมั้น ที่ถูกส่งมาจากเรียวโค และต้องมีของแลกเปลี่ยน เพื่อเป็นตัวแทนแห่งกันและกัน
องค์จักรพรรดิแห่งเรียวโค ได้ประทานจี้พระศอทองคำ และกำไลข้อมือที่มีตราแห่งองค์รัชทายาท มาเพื่อให้องค์รัชทายาทใช้เป็นเครื่องหมั้นหมาย และมีไข่มุก ทองคำ เพชรนิลจินดา และผ้าไหมอย่างละร้อยหีบ ส่วนท่านจ้าวผู้ครอง แคว้นอันโดะ ได้ประทานพระกริชด้ามทองคำฝังเพชร มีตราแห่งองค์หญิงฮิมาวาริ เพื่อให้เป็นของแลกเปลี่ยนเช่นกัน ทั้งสอง สบสายตาของกันและกันอย่างเขินอาย