หนีสุดชีวิต

1085 Words
ตอน หนีสุดชีวิต “แล้วกระดาษชำระล่ะ อย่าบอกนะว่าไม่มี” “ใบไม้ไง เลือกเอามีหลายไซส์ หยิบมาสักใบที่เหมาะกับ…” ชายหนุ่มมองสำรวจเรือนร่างเธอตั้งแต่ศีรษะ และมาหยุดอยู่ในตำแหน่งกึ่งกลางลำตัวของหญิงสาวอย่างหยาบคายพร้อมกับยิ้มยวน “ไอ้บ้า!!” พันธิตราสบถใส่ แก้มขาวเนียนแดงขึ้นมาอย่างฉับพลันด้วยความโกรธ ก่อนจะเดินกระแทกเท้าสะบัดก้นงอนเข้าไปในพุ่มไม้หนาด้านหน้าพร้อมกับเสียงบนอุบอิบเป็นหมีกินผึ้ง คนตัวโตยืนเท้าเอวมองตามหลังของหญิงสาวจนเธอเดินหายเข้าไปในพงป่าแล้วถอนหายใจออกมาเสียงดัง ดูเหมือนช่วงเวลาต่อจากนี้ไปจะยุ่งยากไม่น้อยสำหรับเขา เส้นทางของสองชีวิตที่มาพานพบกันถูกขีดเส้นด้วยความแค้นและความเกลียดชัง ซึ่งชายหนุ่มคิดมาก่อนหน้านี้แล้วว่าตอนจบของเรื่องนี้มันคงไม่สวยงามสักเท่าไหร่นัก แต่มันก็สมควรแล้วไม่ใช่หรอกเหรอสำหรับการทวงคืนความสูญเสียและคราบน้ำตาจากคนชั่วที่พรากสิ่งอันเป็นที่รักจากเขาไปตลอดกาลอย่างไม่มีวันหวนกลับ “คุณ… คุณ…” ชายหนุ่มร้องเรียกเมื่อเห็นว่าหญิงสาวหายเข้าไปนานพอสมควร แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่อยู่ข้างใน ความผิดปกติดังกล่าวที่เกิดขึ้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าคนที่เข้าไปในนั้นอาจจะกำลังก่อเรื่องปวดหัวให้เขาอยู่ก็คงเป็นได้ ชายหนุ่มกำมือแน่น “นี่ ถ้าคุณยังเงียบอยู่แบบนี้ผมจะเดินเข้าไปละนะ” คนที่รออยู่ด้านนอกตะโกนเสียงขุ่น ทีท่ากระฟัดกระเฟียด มีบางอย่างบอกเขาว่าอาจจะหลงกลตื้นๆ ของแม่สาวชาวกรุงเข้าให้ซะแล้ว ชายหนุ่มกัดฟันกรอดเดินปรี่เข้าไปด้านในบริเวณที่หญิงสาวเข้าไปเมื่อครู่ แล้วภาพแห่งความว่างเปล่าที่เห็นก็ทำให้เขาอารมณ์ขึ้นปรี๊ดควันออกหู เหลียวซ้ายแลขวาหาร่องรอยของแม่สาวจอมแสบ ก่อนจะกระตุกยิ้มออกมา เมื่อเห็นรอยเท้าของหญิงสาวเดินไปในทิศทางหนึ่ง เขาดึงมีดปลายแหลมที่เหน็บเอวอยู่ออกมาถากกิ่งไม้ที่ย้อยลงมาขวางทางเดินออกแล้วสะกดรอยตามเชลยสาวไป นึกปรามาสอยู่ลึกๆ ว่าลูกคุณหนูอย่างเธอจะหนีไปได้สักกี่น้ำกัน… พันธิตราวิ่งกระหืดกระหอบอย่างสุดชีวิต เธอไม่รู้หรอกว่าทิศทางใดวิ่งออกไปแล้วเธอจะรอด สมองมันสั่งการเพียงว่าวิ่งไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ก่อน อย่างน้อย หลงป่าก็อาจมีสิทธิ์รอดมากกว่าอยู่กับชายหนุ่มแปลกหน้าในกรงขังสัตว์ของเขา แต่ยิ่งวิ่งเข้าไปลึกขึ้นป่าก็ยิ่งมืดทึบและน่ากลัวมองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้หนาทึบอยู่รอบตัว กระทั่งเธอสะดุดกับเถาวัลย์ล้มลงหัวเข่ากระแทกกับบางอย่างจนเจ็บระบมไปหมด หญิงสาวเท้าแขนกำลังจะพยุงตัวขึ้น แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงหนึ่งดังอยู่ห่างจากใบหน้าของเธอเพียงไม่กี่ก้าว งูเห่าขนาดเท่าแขนลำตัวสีดำเลื่อม มันกำลังชูคอผงาดแสดงอำนาจของมันอย่างน่ากลัว ด้วยการแผ่แม่เบี้ยใหญ่ขนาดฝ่ามืออยู่หน้าหญิงสาว มัจจุราชพิษร้ายที่อยู่เบื้องหน้าทำเอาเธอหวาดกลัวจนหน้าซีดเผือดเหงื่อแตกพลั่กๆ น้ำตาไหลออกมาเป็นสายด้วยความรู้สึกกลัวจับหัวใจ หน้ามืดตาพร่าลายด้วยม่านน้ำตา แล้วภาพตรงหน้าก็ดับวูบลงราวกับปิดสวิทซ์ด้วยความตกใจสุดขีดเมื่ออสรพิษร้ายพุ่งทะยานเข้ามาหาเธอ … ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน หญิงสาวสะดุ้งตื่นทันทีที่ชายหนุ่มสาดน้ำเข้าใส่ใบหน้าของเธอ ลุกขึ้นนั่งแล้วเช็ดหน้าเช็ดตาด้วยแขนเสื้อมองไปรอบๆ ตัวก็พบว่าตัวเองเข้ามานอนอยู่ในกรงขังตามเดิม ใบหน้าสวยยู่ยี่มองชายหนุ่มที่เท้าเอวยิ้มเยาะอยู่แบบไม่สบอารมณ์นัก ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเขาคงจะช่วยเธอออกมาจากคมเขี้ยวของอสรพิษนั่น แล้วลากตัวเธอมายัดเข้าใส่กรงเอาไว้ดังเดิม อันที่จริงแล้วเธอสมควรจะขอบคุณเขาที่ช่วยชีวิตเอาไว้แต่เรื่องอะไรซะล่ะ ก็เพราะเขาไม่ใช่หรอกเหรอที่ทำให้เธอต้องมีชะตากรรมอย่างที่เป็น “คนบ้า มาสาดน้ำใส่ฉันทำไมเนี่ย” “เอ๊ะ! นี่ไม่ใครเคยสั่งสอนบ้างเลยเหรอคุณหนู ว่าควรพูดอย่างไรกับคนที่มีบุญคุณช่วยชีวิตเธอเอาไว้น่ะ ห๊ะ!” ชายหนุ่มพูดน้ำเสียงตำหนิมองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยัน พันธิตราลุกยืนเกาะกรงขังมองชายหนุ่มตาขุ่นตาขวางอย่างเอาเรื่อง นัยน์ตาของเขาส่องประกายระยับจ้องดวงตาดำขลับไม่ยอมหลบสายตาเช่นกัน แว่บหนึ่งที่ดวงตาคู่สวยของเขาเหมือนยิ้มให้เธออย่างมีนัยแอบแฝง ซึ่งมันทำให้หัวใจของเธอไหววูบอย่างประหลาด ชายหนุ่มลดระดับสายตาของเขามาหยุดอยู่ตรงหน้าอกอวบอิ่ม ที่เสื้อเปียกน้ำของเธอแนบสนิทอยู่กับบราตัวเดียวของหญิงสาว สายตาคมจ้องราวกับมองทะลุเนื้อผ้าเข้ามาเชยชมผิวเนื้อขาวผ่องที่ซ่อนตัวอยู่ด้านในภายใต้กำแพงอาภรณ์ที่ปิดกั้น ปากบางเม้มเข้าหากันยกมือปิดหน้าอกของเธออย่างลนลาน เมื่อรู้ตัวว่าถูกล่วงละเมิดความเป็นส่วนตัวด้วยสายตาคมๆ ของเขา “มองอะไรไอ้คนลามก” หญิงสาวขึงตาใส่จนดวงตากลมโตพองเท่าไข่ห่าน “เฮอะ! …” ชายหนุ่มทำเสียงขึ้นจมูก เงยหน้ามองหญิงสาวที่ทำท่าแบบผู้หญิงหวงเนื้อหวงตัว “อย่ามาทำแอ๊บเป็นสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องหน่อยเล้ย เห็นแล้วมันดูน่าสมเพชเวทนา ผมพอจะรู้อะไรๆ เกี่ยวกับตัวคุณมาไม่น้อยคุณณัจ ผมไม่ใช่ไอ้พวกผู้ชายหน้าโง่พวกนั้นของคุณหรอกนะ ที่พอคุณทำตีหน้าใสซื่อแล้วก็พาหลงกันหัวปักหัวปำ หรือถ้าไม่เชื่อว่าผมรู้จักคุณดีแค่ไหนจะบอกให้เอาบุญสักหน่อยก็ได้” “อะไร” พันธิตราหรี่ตามมองเขานิ่ง “แล้วคุณรู้อะไรเกี่ยวกับฉันไหนลองบอกมาซิ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD