เชลยสาว
ตอน
เชลยสาว
ร่างบอบบางของหญิงสาวนอนคุดคู้อยู่ในกรงขัง…
ซึ่งสร้างขึ้นด้วยไม้สภาพเก่าซอมซ่อคาดว่ามันถูกสร้างขึ้นมาอย่างแน่นหนาตามจุดประสงค์เดิมของผู้สร้างที่ทำเอาไว้สำหรับกักขังสัตว์ป่าดุร้าย ประเมินได้จากร่องรอยคมเขี้ยวและรอยเล็บอันแหลมคมที่ฝากเอาไว้บนเนื้อไม้ภายในกรง แต่บัดนี้สัตว์ร้ายที่นอนอยู่อย่างไร้สติในกรงขังกลับกลายเป็นหญิงสาวแสนสวย รูปร่างอรชรอ้อนแอ้น หุ่นทรงราวกับเทพธิดาในภาพวาดจากจิตรกรฝีมือชั้นครู รูปโฉมโนมพรรณของเธอช่างไร้ที่ติ ผิวพรรณที่โผล่พ้นเสื้อผ้าออกมาขาวผุดผาดเนียนลออ และเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวที่ส่องประกายระยิบระยับที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ แม้ใครก็ตามที่ไม่เคยรู้จักหญิงสาวผู้นี้มาก่อน ก็คงพอจะคาดเดาได้ว่าเธอมาจากชนชั้นที่มีหน้ามีตาและทรงเกียรติในสังคมพอสมควรทีเดียว
หากวัดจากมูลค่าของมัน
แสงจ้าอันร้อนแรงของดวงอาทิตย์สาดลำแสงผ่านใบไม้หนาทึบ ส่องลงมายังใบหน้าของหญิงสาว ทำให้เปลือกตาคู่สวยกระตุกน้อยๆ ก่อนจะค่อยๆ เปิดออก เธอยกมือเรียวขึ้นป้องแสงที่ส่องเข้าตาจนต้องหยีตากลมโตหลบแสงจ้า เธอดันร่างลุกขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก ในหัวของเธอปวดตุบเหมือนเพิ่งโดนทุบด้วยค้อนปอนด์ขนาดใหญ่จนมึนงงไปหมด ภาพบรรยากาศรอบตัวที่แปลกหูแปลกตา ทำให้โสตประสาทในการระแวดระวังภัยทำงานตื่นตัวเต็มที่ แม้ว่าสภาพร่างกายของเธอไม่อยู่ในสภาวะที่พร้อมสมบูรณ์มากนักก็ตามที
หญิงสาวตกใจเมื่อพบว่าตนเองตื่นมาอยู่ในสถานที่ซึ่งไม่คุ้นเคยรอบๆ ตัวมีแต่สีเขียวของต้นไม้เซ็งแซ่ไปด้วยเสียงนกและสรรพสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ ซ้ำยังถูกกักขังอยู่ในกรงไม้ราวกับเธอเป็นนักโทษ หญิงสาวพยายามดันร่างพยุงตัวขึ้นยืนแต่ในหัวก็หนักอึ้ง จนต้องซวนเซนั่งทรุดลงตามเดิม หากเป็นผู้หญิงคนอื่นถ้ากำลังพบเจอเรื่องแบบนี้อยู่เฉกเช่นเธอ คงไม่พ้นนั่งร้องไห้เป็นเผาเต่าคร่ำครวญจนทำอะไรไม่ถูกแล้วกระมัง ถ้าหญิงสาวเหล่านั้นตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับเธอ แต่ผู้หญิงประเภทนั้นย่อมไม่ได้ชื่อว่า ‘พันธิตรา’ อย่างแน่นอน…
‘เธอมันเป็นประเภทผู้หญิงแกร่ง อ่อนนอกแข็งใน และดื้อเงียบสุดๆ ยัยณัจ’
เพียงดาวเพื่อนสนิทของเธอคนหนึ่งเคยบอกไว้แบบนั้น เชลยสาวเริ่มมองซ้ายมองขวาสำรวจสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวด้วยความรู้สึกหวาดกลัวปนตื่นตระหนก ทว่าพยายามควบคุมและเรียกสติให้กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัวให้มากที่สุด ด้านหนึ่งของกรงไม้ที่ริดรอนอิสรภาพเธออยู่เป็นหน้าผาสูงชันที่มีน้ำตกไหลเป็นสายสีขาวทอดยาวลงสู่เบื้องล่าง วิวทิวทัศน์ที่เห็นสวยราวกับภาพถ่ายประเภทสาระคดีท่องเที่ยว เธอกำลังถูกขังในกรงที่ตั้งอยู่บนหน้าผา… แต่จากฝีมือของใครกันล่ะ!!
รอบๆ ตัวมีแต่ต้นไม้ใหญ่ขึ้นหนาทึบไปหมด ไร้เงาและสรรพเสียงของสิ่งมีชีวิตประเภทเดียวกันกับเธอ นอกจากเสียงซ่าของมวลน้ำที่ไหลลงจากที่สูงกระทบโขดหิน เบื้องล่าง แตกตัวกลายเป็นละอองสีขาว มีหมอกควันบางเบาลอยกรุ่นอยู่เหนือผืนน้ำ บวกกับเสียงของนกและสัตว์ป่าอีกหลายชนิดดังแว่วมาเป็นระยะ ซึ่งหญิงสาวเองก็ยังจำแนกไม่ได้หมดว่าพวกมันคือสิ่งมีชีวิตชนิดใดบ้าง เธอพยายามทบทวนในสิ่งที่เกิดขึ้นอันเป็นเหตุการณ์สุดท้ายที่เธอจำได้ ก่อนจะพบว่าตัวเองตื่นมาอยู่ที่นี่ แต่เพียงแค่คิดหัวสมองก็ปวดหนึบจนต้องยกมือเล็กกุมขมับบีบคลึงเบาๆ หวังเพื่อช่วยให้ความเจ็บปวดทุเลาเบาบางลง เธอหันไปด้านหนึ่งของป่าที่ป่ารกชัฏเมื่อรู้สึกว่าได้ยินเสียงเหมือนเครื่องยนต์ดังเข้ามาใกล้ ใช้มือเล็กๆ จับกับซี่ของกรงไม้ช่วยในการพยุงตัวลุกขึ้นพลางมองไปยังต้นเสียงด้วยความหวังเล็กๆ ที่เรืองรองขึ้นมา
“ช่วยด้วยค่ะ… ช่วยด้วย!!”
พันธิตรารวบรวมเรี่ยวแรงที่มีตะโกนออกไปสุดเสียง ในใจคิดว่านี่อาจเป็นเพียงความหวังเดียวของเธอสำหรับอิสรภาพ เธอเงี่ยหูฟังด้วยใจระทึก เสียงเครื่องยนต์ที่เธอเดาว่ามันน่าจะเป็นของรถชนิดหนึ่งดังกระหึ่มเข้ามาใกล้ๆ แล้วเสียงนั้นก็ดับเงียบไป แทนที่ด้วยเสียงนกและสัตว์หลายชนิดแตกฮือเมื่อพวกมันถูกบุกรุกอาณาเขต พุ่มไม้หนาเบื้องหน้าของหญิงสาวไหวยวบยาบ คล้ายกับมีสิ่งมีชีวิตกำลังแหวกสุมทุมพุ่มไม้คืบคลานเข้ามา ก้อนเนื้อในอกของหญิงสาวเต้นระทึกดังก้อง ทั้งที่พยายามปรับสีหน้าให้ปกติแล้วก็ยังไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นได้ คิ้วโค้งดั่งวงพระจันทร์ย่นเข้าหากัน ในขณะที่นัยน์ตาดำขลับดุจมณีสีนิลมีแววตื่นกลัวระคนความหวังปะปนกัน
ทันใดนั้นเอง!
ชายหนุ่มในชุดกางเกงทหารลายพรางขายาว สวมเสื้อยืดแขนสั้นเดินออกมาปรากฏกายอยู่เบื้องหน้าของเธอ เขาสวมหมวกหนังปีกกว้างสีดำปิดบังใบหน้า เห็นเพียงริมฝีปากหยักสวยราวกับเรียวปากผู้หญิง หากเต็มไปด้วยไรเคราเข้มปกคลุม ขับให้ชายหนุ่มแปลกหน้าดูบุคลิกดุดัน บุรุษปริศนารูปร่างสูงใหญ่ผิดกับชายชาวเอเชียทั่วไป ผิวพรรณดีขัดกับลักษณะการแต่งกายจนดูขัดตา กล้ามเนื้อที่โผล่พ้นแขนเสื้อออกมาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ เขาปลดกระเป๋าเป้ใบใหญ่ที่สะพายเอาไว้ด้านหลังวางลงห่างจากหญิงสาวเพียงไม่กี่สิบก้าว โดยที่ไม่ได้เหลือบมองเธอแม้แต่ปลายหางตาเสียด้วยซ้ำ สัญชาตญาณของสาวน้อยที่อยู่ในกรงขังสัตว์บอกกับตัวเองว่า ชายหนุ่มเบื้องหน้าไม่ใช่คนที่จะช่วยเธอออกไปจากที่นี่อย่างแน่นอน
“คุณๆ คะช่วยฉันออกไปหน่อยค่ะ”
หญิงสาวลองหยั่งเชิงถามออกไป แต่ชายหนุ่มที่เธอกำลังพูดด้วยกลับนิ่งเฉยทำราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน เขาหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเป้และกางออกท่าทางสบายๆ พันธิตรามองดูทุกอิริยาบถของชายหนุ่มอย่างขัดเคืองสายตา เขากางเก้าอี้สนามออกแล้วล้มตัวลงนอนอย่างสบายอกสบายใจ เปิดหน้าหมวกมองหน้าของเธอแว่บหนึ่ง ทว่าดวงตาคมกล้าคู่นั้นทำให้เธอชะงักงันไปหลายวินาที ก่อนที่เขาจะปิดมันลง เพียงครู่เดียวก็ตามมาด้วยเสียงกรนเบาๆ อาการเดียวกับคนหลับสนิท
“เฮ้ย! บ้าจริง! ให้มันได้อย่างนี้ซิ” พันธิตราสบถออกมาเบาๆ กับตัวเอง