ตอนที่ 4

1624 Words
EP 4   เช้าวันต่อมา มะลิตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย หล่อนอาบน้ำแต่งตัวให้กับฮัสซันก่อนจะพาเด็กน้อยไปส่งที่โรงเรียนอนุบาล จากนั้นก็ดั้นด้นไปยังสำนักงานกฎหมายที่ตัวเองเคยเดินผ่าน และไม่เคยคาดคิดว่าจะมีโอกาสได้เข้ามาใช้บริการ “เอ่อ... ดิฉันมาขอคำปรึกษาค่ะ” ทนายความประจำออฟฟิศยิ้มให้กับหล่อน และนั่งฟังหล่อนพรั่งพรูทุกอย่างออกมาจากปากอยู่นานเกือบสิบนาที จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ผมคงให้คำปรึกษาอะไรคุณไม่ได้หรอกครับ” “อ้าว ทำไมล่ะคะ ถ้าต้องเสียค่าบริการก็คิดมาเลยนะคะ ดิฉันยินดีจ่ายค่ะ” คู่สนทนาตรงหน้าส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อย และท่าทางของเขาไม่ไยดีหล่อนเลย “เพราะผมไม่อยากมีปัญหากับเจ้าชายเซรีมน่ะครับ” หล่อนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจกับสิ่งที่ออกมาจากปากของผู้ชายตรงหน้า “ทะ... ทำไมคุณรู้ล่ะคะว่า...” มะลิยังพูดไม่ทันจบ คู่สนทนาก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายใดๆ “ทนายความของเจ้าชายเซรีมติดต่อผมตั้งแต่เมื่อคืน และสั่งห้ามไม่ให้ผมให้คำปรึกษาใดๆ กับคุณครับ คุณมะลิ กรองอักษร” มะลิถึงกับหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ “ทะ... ทำไมเป็นอย่างนั้นล่ะคะ คุณเป็นทนายความก็ควรช่วยเหลือประชาชนสิคะ ทำไมต้องทำตามคำสั่งของเจ้าชายจากต่างแดนด้วย” คู่สนทนาของหล่อนลุกขึ้นยืน สีหน้าไม่ยินดียินร้ายเหมือนเดิมเลย “ก็เพราะว่าเจ้าชายเซรีมจ่ายเงินให้ผมยังไงล่ะครับ” มะลิเข้าใจทุกอย่างในทันที หล่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้ ความตกใจแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธเคือง “ฉันไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าคุณจะเห็นแก่เงินแบบนี้” “ทุกคนก็เห็นแก่เงินกันทั้งนั้นแหละครับ อ้อ... แล้วก็ไม่ต้องไปหาทนายคนอื่นหรอกนะครับ เพราะเท่าที่ผมคุยกับทนายความของเจ้าชายเซรีม...” ผู้ชายตรงหน้ายิ้มให้หล่อนอย่างสมเพช ก่อนจะพูดออกมาอย่างไร้ความละอาย “จะไม่มีใครให้คำปรึกษากับคุณอย่างแน่นอน” หล่อนกำมือแน่น มองผู้ชายเห็นแก่เงินตรงหน้าด้วยความขยะแขยงชิงชัง “งั้นก็ขอให้คุณเดินสะดุดเงินหกล้มก็แล้วกัน” “ผมยินดีหกล้มครับ หากได้ล้มลงไปบนกองเงินกองทอง” ไอ้ผู้ชายตรงหน้าไม่มีความสะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย หล่อนกัดฟันแน่นด้วยความโมโห คิดคำด่าไม่ออกเลยทีเดียว “อ้อ แล้วผมก็อยากจะบอกเอาไว้นะครับว่า คุณไม่ควรจะมาวิ่งหาทนายความอย่างนี้หรอก เพราะสิ่งที่คุณควรทำก็คือเฝ้ามองเด็กคนนั้นไม่ให้คลาดสายตาต่างหาก” หน้าตาของมะลิซีดเผือด “คุณ... หมายความว่ายังไงคะ นี่บอกมานะว่าหมายความว่ายังไง” คู่สนทนาหน้าเงินส่ายหน้าไปมาและหัวเราะ “เชิญออกไปจากออฟฟิศของผมได้แล้วครับ เชิญ...” มะลิจำต้องเดินออกมาจากมาจากออฟฟิศนั่นอย่างไม่มีทางเลือก ในหัวเต็มไปด้วยความสับสนและหวาดกลัว “ทำไมเขาพูดแบบนั้น... หรือว่า...” สันหลังของมะลิเย็นวาบ เมื่อสมองร้องบอกว่าอาจจะมีการลักพาตัวฮัสซันเกิดขึ้น สองเท้าของหล่อนรีบวิ่งตรงไปยังวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง “ไปไหนครับ” “ไปโรงเรียนอนุบาลร่มเกล้าค่ะ เร็วด้วยค่ะพี่” หัวใจของหล่อนเต้นแรงระรัว ความห่วงใยที่มีต่อฮัสซันระเบิดในอกอย่างรุนแรง ทำไมหล่อนถึงมองข้ามการลักพาตัวไปได้ เจ้าชายทะเลทรายคนนั้นท่าทางดิบเถื่อน แน่นอนว่าเขาคงจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ฮัสซันกลับประเทศ ทำไมหล่อนโง่แบบนี้นะ ทำไมถึงเพิ่งมาคิดออก “พี่คะ... ขับเร็วอีกหน่อยได้ไหมคะ” “ไม่ได้แล้วน้อง เดี๋ยวตำรวจจับ” “แต่หนูรีบ... มากค่ะ...” “โอเคๆ” คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างตอบรับอย่างไม่อยากจะขัดใจ และความเร็วของยานพาหนะที่โดยสารอยู่ก็เร็วขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง แต่กระนั้นก็ยังไม่ทันใจของหล่อนอยู่ดี หล่อนภาวนา... ภาวนาให้เจ้าชายแห่งทะเลทรายคนนั้นไม่ทำอย่างที่หล่อนหวาดกลัว     มะลิรีบกระโจนลงจากรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และรีบจ่ายเงินค่าโดยสารมือไม้สั่น “ไม่ต้องทอนค่ะพี่” หล่อนตะโกนกลับไปบอก ขณะซอยเท้าตรงไปยังบริเวณรั้วโรงเรียนอนุบาล “มารับลูกเหรอครับ” พนักงานรักษาความปลอดภัยเอ่ยถาม เพราะจำหน้าหล่อนได้ เนื่องจากหล่อนเจอพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนี้ทุกเช้าตอนที่มาส่งฮัสซัน “เอ่อ ค่ะ” หล่อนพยักหน้าซีดๆ รับ ก่อนจะรีบถามต่อ “ลุงคะ ไม่ทราบว่ามีผู้ชายแปลกหน้า แต่งตัวแปลกๆ มาที่โรงเรียนบ้างไหมคะ” คู่สนทนาตรงหน้าทำท่านึกเล็กน้อย ก่อนจะฉีกยิ้มและตอบในสิ่งที่หล่อนหวาดกลัวออกมา “อ๋อ... มี เพิ่งเข้าไปเมื่อสักพักนี่เอง” “ว่ายังไงนะคะ?” สันหลังของมะลิเย็นเฉียบราวกับถูกนาบด้วยก้อนน้ำแข็ง โสตประสาทก็อื้ออึ้งด้วยความหวาดกลัว ไม่ได้การแล้ว หล่อนต้องรีบเข้าไป ก่อนที่เจ้าชายทะเลทรายบ้านั่นจะพาตัวฮัสซันออกนอกประเทศ “หนู... ขอเข้าไปในโรงเรียนก่อนนะคะ” “ได้สิ แต่ติดบัตรด้วย” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเอาบัตรสำหรับผู้เยี่ยมเยียนมาให้หล่อนติดที่เสื้อ จากนั้นก็เปิดรั้วให้หล่อนเดินเข้าไปภายใน หล่อนวิ่ง... วิ่งหน้าตั้งไปยังอาคารเรียนของฮัสซัน และเมื่อมาถึงก็พบว่ามีผู้ชายผิวสีแทนหลายคน แต่ละคนใส่สูทสีดำ และสวมแว่นตาดำทั้งหมด หัวใจของหล่อนตกไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อมองขึ้นไปที่หน้าห้องเรียนของฮัสซัน แล้วพบว่าครูไก่ ครูประจำชั้นของฮัสซันกำลังพูดคุยอยู่กับเจ้าชายทะเลทรายอย่างเซรีม “ไม่ได้นะคะ ฉันไม่ยอม!” หล่อนตะโกนลั่น และก็ทำให้ทุกคนหันมาจ้องมองที่หล่อนเป็นตาเดียวกัน ครูไก่เห็นหล่อนก็ยิ้มกว้าง และเดินเข้ามาหา โดยมีเซรีมในชุดลำลองสุดเท่เดินตามมาด้วย “นี่ไงคะ ผู้ปกครองของฮัสซันค่ะ” ครูไก่พูดขึ้น ในขณะที่หล่อนจ้องหน้าเซรีมอย่างกับจะกินเลือดจะกินเนื้อ “เรามีเรื่องต้องคุยกัน” หล่อนเค้นเสียงโมโหลอดไรฟันออกมา ก่อนจะถือวิสาสะคว้าแขนล่ำสันของชายหนุ่ม และออกแรงลากให้เดินตาม แต่เรือนร่างของเขาหนักอึ้ง “เอามือสกปรกของเธอออกจากพระกรขององค์ชายเดี๋ยวนี้” หนึ่งในผู้ชายสวมแว่นดำตะโกนก้อง น้ำเสียงดุดันและน่าหวาดกลัวมาก “ช่างเถอะ อาซัน” “พ่ะย่ะค่ะ” ผู้ชายเสียงดุดันถอยห่างออกไป ในขณะที่เซรีมหันไปกล่าวลากับครูไก่ ก่อนจะยอมให้หล่อนลากไปในที่ลับตาคน ซึ่งนั่นก็คือสวนเล็กๆ ที่ด้านหลังของโรงเรียนอนุบาล “ปล่อยแขนฉันได้แล้ว” คำเตือนของผู้ชายที่หล่อราวกับเทพบุตรทำให้หล่อนต้องรีบปล่อยมือจากแขนล่ำสันอย่างรวดเร็ว และเขากับหล่อนก็ประสานสายตากัน ซึ่งมันก็เกิดกระแสไฟฟ้าแรงสูงพุ่งเข้าใส่ร่างเหมือนเมื่อวานไม่มีผิด หัวใจของหล่อนเต้นแรงระรัว ตัวสั่นเทิ้มราวกับใบไม้ต้องลมพายุ หล่อนจ้องมองเขาราวกับคนปัญญาอ่อน มองบุรุษแดนทรายที่งดงามไปทุกสัดส่วนด้วยความลุ่มหลง นี่ถ้าเขาไม่กระแอมเตือนขึ้น หล่อนก็คงจะอ้าปากค้างมองอยู่อย่างนั้นอีกนาน หน้าตาของหล่อนแดงก่ำ ร้อนผ่าวไปทั้งตัว เกลียดที่ตัวเองต้านทานเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้ได้ยากเย็นนัก ทั้งๆ ที่เขาร้ายกาจ ใช่... เขาร้ายกาจมากที่คิดจะลักพาตัวฮัสซันไปจากหล่อน “คุณทำอย่างนี้ได้ยังไง ไอ้เจ้าชายบ้า!” เขาหรี่ตามองหล่อน ดวงตาสีทองเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ระวังคำพูดหน่อย” “ทำไมฉันต้องระวังด้วย ในเมื่อคุณ... กำลังใช้วิธีสกปรกเพื่อเอาชนะฉันอยู่” คิ้วเข้มที่หนาดกจนน่ามองเลิกสูง เครื่องหมายคำถามเกิดขึ้นบนใบหน้าของเขาไม่น้อย “เธอพูดบ้าอะไร” “อย่ามาทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน่อยเลย” “ก็ฉันไม่รู้จริงๆ นี่ ไหนบอกมาซิ” น้ำเสียงของเขาดุดัน และตวัดตามองมาที่หล่อนเขม็ง ทำไมนะ ทำไมหล่อนจะต้องมองว่าดวงตาของเขาสวยงามด้วย โอ้... ทำไมหัวใจถึงไม่รักดีแบบนี้นะ “ก็... คุณกำลังจะลักพาตัวฮัสซันไปจากฉันยังไงล่ะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ” เขามองหล่อนอยู่หลายวินาที ก่อนจะหัวเราะเยาะออกมา “ฉันว่าเธอดูหนังมากไปหน่อยมั้ง” “ไม่ต้องมาทำเป็นปฏิเสธเลย ฉันรู้หมดแล้วนะว่าคุณคิดจะทำอะไรน่ะ รวมถึงการที่คุณเอาเงินไปหว่านปิดปากทนายความทุกคนในจังหวัดนี้ด้วย” เขาเอียงคอแข็งแรงเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเข้ามาหาหล่อนทีละก้าวทีละก้าว ในขณะที่หล่อนต้องก้าวถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณเช่นเดียวกัน “ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น” “อย่ามาโกหกเลย” “คนระดับฉันไม่จำเป็นต้องโกหก เธอก็น่าจะรู้นะ” ในที่สุดแผ่นหลังของหล่อนก็ชนเข้ากับต้นไม้ต้นหนึ่ง และหมดทางหนี เขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า ระยะห่างระหว่างสองร่างแทบไม่มีเลย หัวใจสาวเต้นโครมคราม “ถะ... ถอยออกไปนะ” ใบหน้าหล่อจัดที่รวบรวมเอาส่วนประกอบชั้นเลิศมาตกแต่งจนแสนจะงดงามโน้มเข้ามาหา กลิ่นลมหายใจของเขาช่างหอมหวาน และริมฝีปากของเขาก็สวยเหลือเกิน “อย่า... เข้ามานะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD