“แล้วแกล่ะ ได้ไหว้เจ้าที่ไหม”
มนตรีส่ายหน้าพรืด “อาบน้ำเสร็จก็เหนื่อยจะเดินไปจุดธูปไหว้แล้ว เห็นแกนอน ฉันก็นอนเลยเหมือนกัน”
“สงสัยเจ้าที่บ้านฉันไม่ชอบแก”
หญิงสาวว่าพลางยกยิ้มใส่ พลันก็ถูกมนตรีคว้าเอาช้อนที่อยู่บนเคาน์เตอร์ขึ้นมาเคาะกะโหลกเพื่อนสาวทีหนึ่ง
“ถ้าเจ้าที่บ้านแกไม่ชอบฉัน ฉันไม่มานอนเป็นเพื่อนก็ได้ คืนนี้ก็ลาก่อน บาย”
พูดแล้วก็ทำท่าจะไปจริงๆ เสียด้วย กลิ่นหอมจึงต้องรีบรั้งเอาไว้เพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะไปจริงๆ ดังปากพูด
“ใจคอจะทิ้งเพื่อนได้เหรอ คุณมนตรี”
“เรียกฉันว่ามนตรีอีกที พ่อจะยกไมโครเวฟทุ่มใส่ละนะ”
“เรียกคุณมนตี้ก็ได้” กลิ่นหอมกลั้วหัวเราะ เพราะรู้ดีว่า ‘คุณมนตี้’ เป็นชื่อในวงการบันเทิงของมนตรี เขาเป็นผู้จัดการดาราและเจ้าของโมเดลลิ่งแห่งหนึ่ง ขณะที่กลิ่นหอมเป็นเพียงนักเขียน ความจริงอาชีพนี้ก็เป็นอาชีพที่ไม่มั่นคงสักเท่าไรนัก แต่พอจับจุดในการขายงานเขียนได้ รายได้ก็เริ่มเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ ทำให้เธอสามารถซื้อบ้านหลังแรกในชีวิตได้ ทว่านั่นก็ไม่ได้สลักสำคัญอะไรเท่ากับการที่มนตรีทำท่าสะบัดสะบิ้ง
“แต่ฉันพูดจริงๆ นะไอ้หอม ที่ว่าค้างกับแกไม่ได้น่ะ คืนนี้ยังนอนได้อีกวัน แต่พรุ่งนี้แกจะอยู่คนเดียวแล้วนะ”
“อืม”
กลิ่นหอมขานรับ ยิ้มหน้าแป้น เธอรู้อยู่แล้วล่ะด้วยมนตรีได้บอกเอาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่มนตรีกลับไม่ไว้ใจเอาเสียเลยเมื่อเห็นสีหน้าของหญิงสาว
“แน่ใจนะว่าอยู่คนเดียวได้”
“อื้ม”
คราวนี้ส่งเสียงสูงหน่อย แต่มนตรีก็ยังลังเลใจอยู่ดี
“ไอ้หอม ถ้าแกอยู่ไม่ได้ก็ไปนอนค้างที่คอนโดฯ ฉันไหม ฉันเป็นห่วงแกจริงๆ ว่ะ”
“เป็นห่วงว่าฉันจะโดนผีอำน่ะเหรอ”
มนตรีพ่นลมหายใจพรืด “เออ นั่นก็อีกเรื่อง แต่เรื่องสำคัญกว่านั้นคือแกอยู่คนเดียวนะเว้ย เป็นผู้หญิงด้วย มันอันตราย”
ถ้ามองตามมุมมองของมนตรีก็อันตรายอย่างที่เขาว่า แต่มนตรีคงจะลืมไปล่ะมั้งว่าหมู่บ้านนี้มีระบบรักษาความปลอดภัยดีเยี่ยม คนนอกไม่ได้เข้ามาง่ายๆ จะต้องมีการตรวจสอบและแลกบัตรถึงจะเข้ามาได้ ทำให้หญิงสาวอดเตือนความจำไม่ได้
“รปภ.เข้มงวดขนาดนั้น บ้านก็ประตูแน่นหนา ฉันไม่เป็นไรหรอก ฉันซื้อบ้านมา ก็อยากอยู่บ้านตัวเองนะคะคุณมนตี้ ไม่ใช่ไปอยู่คอนโดฯ แก แรกๆ อาจจะไม่ชินเพราะบ้านใหม่ แต่เดี๋ยวก็ชินไปเองแหละ”
เห็นเพื่อนดื้อแพ่งแล้ว มนตรีก็ไม่อยากจะเตือนอะไรอีก ก็จริงอย่างที่กลิ่นหอมว่า บ้านนี้เป็นบ้านของหญิงสาว ไม่อยู่ตอนนี้แล้วจะไปอยู่ตอนไหน ปล่อยให้หญิงสาวได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศของบ้านไปตามใจแล้วกัน
“แล้วสวนนี่ แกจะลงมือจัดเมื่อไร”
พลันก็เปลี่ยนเรื่องเพราะไม่อยากคุยเรื่องนี้อีก ด้วยรู้ดีว่าคนอย่างกลิ่นหอมถ้าตัดสินใจอะไรแล้วก็จะเปลี่ยนใจยาก
กลิ่นหอมเอาไส้กรอกออกจากไมโครเวฟ ปากพลางพูดไปด้วย
“ก็กะจะเริ่มทำวันนี้แหละ แกถามทำไม”
“ฉันจะอยู่ช่วยได้แค่วันนี้นะ พรุ่งนี้ต้องไปทำงานแล้ว”
“ฉันรู้แล้ว ย้ำอยู่นั่น”
“เออ จะย้ำจนกว่าแกจะไหว้เจ้าที่นี่แหละ บ้านแกเองนะเว้ย ไหว้เจ้าที่หน่อย”
“รู้แล้วน่า ไส้กรอกสุกแล้ว จะกินไหม”
มนตรีย้ำเรื่องไหว้เจ้าที่มาอีกแล้ว ต่อให้เขารู้ว่ากลิ่นหอมเป็นคนไม่เชื่อเรื่องลี้ลับ แต่ตัวเขาเชื่อ ดังนั้นจึงอดที่จะย้ำไม่ได้ ขณะที่กลิ่นหอมกลับตัดบทเอาเสียอย่างนั้น คงเพราะไม่อยากให้มนตรีพูดบ่นเรื่องนี้แล้ว มนตรีรู้นิสัยของเพื่อนดี เลยคล้อยตามไป
“กิน เอาจัดใส่จาน ตกแต่งให้ดีแบบระดับมิชลินเลยนะ ฉันจะไปรอที่โต๊ะ”
กลิ่นหอมหัวเราะคิกคักกับท่าทางของเพื่อนชาย ก่อนจะจัดการยกจานไส้กรอกไปวางที่โต๊ะอาหาร แล้วกลับมาเตรียมอาหารเช้าอีกนิดหน่อยไปเสิร์ฟให้เพื่อนรักกิน
ดูท่าวันนี้คงต้องใช้แรงงานทั้งวัน เรื่องกินต้องมาเป็นอันดับหนึ่งก่อนล่ะ
และก็จริงอย่างที่คิดไว้ วันนี้ทั้งวัน หญิงสาวใช้เวลาไปกับการทำสวนหน้าบ้าน สนามหน้าบ้านของเดิมเป็นสนามหญ้าธรรมดา เธอก็จัดการแบ่งสรรปันส่วนให้มีพื้นที่สำหรับทำสวนหิน เพราะตั้งใจจะหาชุดโซฟาหวายสวยๆ มาตั้ง เอาไว้ออกมานั่งเล่นพักผ่อนหรือเขียนงานอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่การจับจอบจับเสียมขุดดินสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเธอไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ในเมื่อไม่สามารถทำวันเดียวเสร็จได้ กลิ่นหอมจึงตัดสินใจที่จะยุติกิจกรรมเพียงเท่านี้ก่อน เพราะถ้าไม่หยุด ลูกมืออย่างมนตรีก็คงจะบ่นกระปอดกระแปดด้วยความเหนื่อยอ่อนไม่หยุด
วันนี้มนตรีไม่ได้นอนด้วย เพราะแฟนหนุ่มโทรมาชวนไปทานดินเนอร์ด้วยกันอย่างกะทันหัน กลิ่นหอมเห็นทั้งคู่ถ่ายรูปพร้อมข้อความหวานๆ หลังจากที่มนตรีออกจากบ้านเธอไปได้ไม่กี่ชั่วโมงแล้วก็ได้แต่ยิ้มระคนหมั่นไส้ที่เห็นคนรักกัน
ใช่สิ! เธอยังโสดนี่ วันๆ ทำแต่งาน แถมทำงานที่บ้านด้วย จะเอาเวลาที่ไหนไปหาแฟนกัน เรียกได้ว่าไม่ได้พบหน้าใครเลยจะดีกว่า ทำงานแบบนี้คงได้เป็นโสดไปจนตาย
กระนั้นหญิงสาวก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก ราวกับว่าเธอพร้อมที่จะใช้ชีวิตโสดอยู่แล้ว สิ่งที่เธอสนใจคือการที่วันนี้เป็นอีกวันที่เธอเหนื่อยล้ามากที่สุดมากกว่า ทั้งเหนื่อยจากการทำสวน ยังจะต้องมาเหนื่อยกับการปั่นงานเขียนเพื่อให้ทันเดดไลน์ของสำนักพิมพ์ที่เธอรับปากว่าจะส่งงานอีก