แม่ซ่อนกลิ่น

992 Words
ตีสองแล้ว กลิ่นหอมยังไม่นอน ทำงานจนกระทั่งตาล้าถึงตัดสินใจเข้านอนได้ แต่ก่อนนอนก็คลายเครียดด้วยการหยิบโทรศัพท์มาเตรียมเล่นเกมสักหน่อย คืนนี้มนตรีไม่อยู่ เธอจึงไปนอนบนโซฟาฝั่งที่มนตรีนอนในคืนแรกแทน ทว่าพอปิดไฟและเริ่มเล่นเกมได้สักพัก สายตาก็เหลือบไปเห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนปรากฏขึ้นยังหางตา และอยู่ห่างจากเธอไปเพียงไม่กี่ก้าว เป็นผู้ชายวัยหนุ่มที่โผล่มาให้เห็นแวบหนึ่ง... กลิ่นหอมสะดุ้งเฮือกเพราะสิ่งที่เห็นนั้นใกล้เสียจนขนลุก เธอลุกขึ้นนั่ง หันขวับไปมองก็ไม่พบใคร พลันขนก็ลุกซู่ขึ้นมาอีกระลอกอย่างไม่มีเหตุผล ถึงจะเห็นไม่ชัด แต่เธอก็คิดเอาเองว่าหล่อแล้วกันเพื่อเป็นการปลอบใจตัวเอง ประเด็นสำคัญคือเธอกำลังคิดว่าเห็นภาพหลอนจากการโหมทำงานที่ใช้สายตามาก “ไม่มีอะไรหรอกไอ้หอม แค่ตาฝาด” เธอปลอบใจตัวเองอย่างนั้นเพื่อไม่ให้กลัว ต่อให้ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับอะไร แต่การอยู่คนเดียวในบ้านหลังใหญ่และมืดอย่างนี้ มันก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่เห็นอาจจะเป็น ‘ผี’ ก็เป็นได้ จากที่จะนอนก็ไม่นอนแล้ว หมดอารมณ์ กลิ่นหอมลุกขึ้นมาเปิดไฟ คว้าโน้ตบุ๊กตัวเก่งมาทำงานอีกครั้ง ปล่อยเวลาล่วงเลยไปถึงตอนตีสี่ เสียงเพลงที่ดังลอดออกมาจากหูฟังอินเอียร์ทำให้เธอปวดหนึบที่ใบหูเล็กน้อย หากแต่เมื่อเธอดึงมันออก ฉับพลันก็มีเสียงประหลาดเกิดขึ้นอีก แอ๊ดดด...แกร๊ก... เสียง...ประตูเปิดและปิดจากห้องด้านบน แวบแรกเธอคิดว่าเป็นเสียงของบ้านข้างๆ หากแต่ผ่านไปไม่กี่วินาที เธอก็ตระหนักขึ้นมาได้ ไอ้หอม...แกอยู่บ้านเดี่ยว จะเป็นเสียงประตูบ้านข้างๆ ได้ยังไง คราวนี้ขนลุกอีกระลอก กระนั้นหญิงสาวก็ไม่กล้าที่จะขึ้นไปดูหรือขยับตัวไปไหนทั้งนั้น ได้แต่กัดฟันทนรอกระทั่งถึงฟ้าสว่างทั้งที่ในใจบอกกับตัวเองว่า ‘ผีไม่มีจริง’ “มนตรี! ฉันถูกผีหลอก!” นี่เป็นประโยคแรกที่บอกเพื่อสนิทหลังจากที่อีกฝ่ายรับโทรศัพท์ที่หญิงสาวโทรหาในตอนเช้าตรู่ อีกฝ่ายดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูเล็กน้อย พอมั่นใจว่ากลิ่นหอมไม่ได้โวยวายแล้ว ถึงได้แนบหูเหมือนเดิม [ผีหลอกยังไงยะ ไหนพูดมา] เท่านั้นกลิ่นหอมก็เล่าเสียละเอียดยิบว่าเธอเจอกับอะไรมาบ้าง พอบอกว่าย้ายไปนอนที่เดียวกับมนตรีที่มานอนเป็นเพื่อนวันแรก มนตรีก็กลอกตาฉับพลัน [ถามจริงนะไอ้หอม แกไหว้เจ้าที่หรือยัง] กลิ่นหอมชะงักงันไป ส่ายหน้าให้กับโทรศัพท์ทั้งที่อีกฝ่ายมองไม่เห็น [เอ้า ฉันถามเนี่ยว่าไหว้เจ้าที่ไปหรือยัง] “ยัง” [เออ เจริญ วันนี้ไปไหว้ซะ ท่านจะได้คุ้มครอง บ้านร่มเย็นเป็นสุข] “แต่มันขัดกับตัวฉันมากเลยว่ะ” [ขัดเรื่องอะไรยะ] “ก็เรื่องเชื่อเรื่องผีสางเทวดาอะไรแบบนี้น่ะ” ได้ยินอย่างนั้น มนตรีก็ถอนหายใจมาให้ได้ยิน เขารู้ว่าหญิงสาวคิดอะไรอยู่ หากแต่ไม่ถาม เพราะถ้าถาม เธอก็จะอ้างเรื่องการไม่นับถือศาสนาของตัวเองออกมา ดังนั้นจึงได้แต่พูดออกไปแทน [ไม่นับถือศาสนาก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องไม่เชื่อซะทุกเรื่อง ไปทำซะ มาอยู่ที่ของเขาก็บอกกล่าวให้เจ้าของที่เดิมรู้หน่อย แต่ถ้าไม่ทำก็เรื่องของหล่อน เจอผีอีกก็เรื่องของหล่อนแล้วนะยะ] กลิ่นหอมอยากจะเถียงว่ามันไม่มีจริงหรอกไอ้ของแบบนั้นน่ะ แต่พอถูกทักมาอย่างนี้ เธอก็อดที่จะปิดปากเงียบไม่ได้ มิหนำซ้ำพอมนตรีว่ามา [มีไม่มีไม่รู้แหละ แต่ไหว้ไปก่อน จะได้สบายใจ ไม่งั้นเจอผีอีก เดี๋ยวจะอยู่ไม่ได้เอา] คำว่า ‘อยู่ไม่ได้’ ทำให้กลิ่นหอมต้องถอนหายใจออกมา เธอเพิ่งซื้อบ้านมาใหม่ เรื่องอะไรที่เธอจะย้ายออกไปด้วยเหตุผลว่าถูกผีหลอกกันล่ะ มันพิสูจน์ไม่ได้ว่ามีหรือไม่มีจริงสักหน่อย เธอไม่เชื่อหรอกว่าสิ่งที่เห็นเมื่อวานจะเป็นเรื่องจริง ต่อให้เธอกลัวมากแค่ไหนก็ตาม ไม่เชื่อ แต่ไม่ลบหลู่น่ะ เคยได้ยินไหม “อืม รู้แล้ว ไหว้ก็ได้” [ไม่ใช่ไหว้ก็ได้ ต้องไหว้] ได้ยินอย่างนี้ กลิ่นหอมก็ทำปากยู่โดยไม่รู้ตัว “ค่า คุณแม่ รับทราบแล้วค่า จะไปไหว้เดี๋ยวนี้แหละ” [ย่ะ! ไปไหว้เลย เดี๋ยวก็ลืมอีก] ถึงจะไม่เชื่อว่ามีจริงหรือไม่ศรัทธาอะไรอย่างไร สุดท้ายแล้วกลิ่นหอมก็ตัดสินใจไปซื้อของสำหรับไหว้เจ้าที่เจ้าทางจากตลาดละแวกบ้านกลับมา ทันทีที่ถึงที่หมาย หญิงสาวก็ไม่รอช้า รีบจุดธูปไหว้บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางจนได้ เจ้าที่เจ้าทางบ้านหลังนี้ หากเป็นผีก็ขอให้ออกไป แต่ถ้ามาดีก็ปกป้องคุ้มครองลูกด้วยเถ๊อะ อธิษฐานอย่างตั้งใจ เมื่อจบก็ปักธูปเก้าดอกตามที่อินเทอร์เน็ตบอกว่าต้องใช้จำนวนนี้ลงบนสนามหน้าบ้าน “เอาล่ะ เรียบร้อย” ถึงจะไม่เชื่ออย่างไร แต่ก็เอาความสบายใจเป็นหลัก ก่อนที่ขาเรียวของเธอจะพาร่างบอบบางกลับเข้าไปในตัวบ้าน โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาของใครบางคนจ้องมองอยู่ พลันริมฝีปากของใครคนนั้นจะขยับขึ้นพึมพำออกมาแผ่วเบาเมื่อหญิงสาวหายลับเข้าไป ‘แม่ซ่อนกลิ่น...’
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD