Episode 06 “มึงตาย!!!”

1474 Words
Episode 06 “ฉันขอบคุณเธอมากนะ” และอยู่ๆ เขาก็ดึงดราม่าขึ้นมาซะงั้น~ แต่ไม่เป็นไร หลากหลายอารมณ์ดีค่ะ “ขอบคุณที่เธออยู่ข้างฉันมาโดยตลอด” เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ และวางขวดไวน์ลงบนโต๊ะ “หลังจากที่พ่อและแม่ของฉันตายไป ฉันก็ไม่เหลือใครอีกเลย การทำงาน ฉันก็สู้คนเดียวมาโดยตลอด ล้มลุกคลุกคลานมาก็ตั้งเยอะ ข่วงที่เกือบล้มละลายแฟนก็ดันมาทิ้งอีก เหี้ยแม่ง…โคตรเศร้าเลยว่ะ” อันนี้เรื่องจริงค่ะ เขาเคยเล่าให้เราฟังอยู่บ่อยๆ ก็น่าเห็นใจนะคะ ที่ในช่วงเวลาที่แย่ที่สุด คนที่รักที่สุดดันมาบอกเลิกไปน่ะ “แต่พอได้เธอเข้ามาเป็นเลขา ฉันรู้สึกมีความสุขมากๆ เลย ฉันรู้สึกว่าชีวิตของฉันมีชีวิตชีวาขึ้น เธอแปลก…แล้วก็ตลกมากๆ ด้วย เธอทำให้ฉันรู้สึกขำได้ตลอดเวลา” อันนี้ชมหรือเปล่าเนี่ย! “โลกของฉันมันดูสดใสขึ้นมากๆ ตั้งแต่ที่เธอเข้ามา และหลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยรู้สึกโดดเดี่ยวอีกเลย ไม่ว่าจะบริษัทจะเกือบล้มละลายไปอีกสักเท่าไหร่ เธอก็ยังอยู่เคียงข้างฉันมาโดยตลอด ฉันดีใจมากเลยนะ เธออย่าทิ้งฉันไป เหมือนที่แฟนเก่าทำได้ไหม” “โห…คุณก็! ฉันไม่ทิ้งคุณหรอกค่ะ” ถ้าทิ้งไปแล้วจะเอาอะไรแดกล่ะ พูดไม่คิดเลย “มีแต่คุณนั่นแหละที่จะทิ้งฉัน ถ้าเกิดวันนึงคุณเบื่อหรือไม่พอใจฉันขึ้นมา แล้วไล่ฉันออกจากบริษัท ฉันคงจะเครียดมากๆ เพราะไม่รู้ว่าจะไปหางานที่ไหนทำดี สิ้นเดือนนี้จะเอาอะไรแดก เศร้ามากค่ะ” “ไม่ ฉันจะไม่มีวันทำแบบนั้นกับเธอ” เขาหันมามองเราด้วยสายตาที่ไม่เหมือนเดิม เป็นสายตาที่ไม่เคยใช้มันมองเรามาก่อน “…” อยู่ๆ พวกเราก็พากันเงียบ เงียบกันอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย อยู่ๆ ก็เงียบไปพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย งงมาก เป็นอะไรกันก่อน ทั้งเราและเขามันก็แปลกกันทั้งคู่นั่นแหละ~ “เธอ…” เขาพูดขึ้นมาเป็นคนแรกหลังจากที่เราต่างพากันเงียบไปได้สักพัก ก่อนที่เขาจะค่อยๆ เขยิบใบหน้าเข้ามาใกล้ๆ เรา “เธอน่ะ…” “…” “เธอ…” “…” ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง! จะจูบเราเหรอ! ตายแล้ว! ไม่ได้นะคะ! ขนาดพี่โจ้เรายังไม่ให้จูบเลย! “เธอ…” ใกล้เข้ามาแล้วค่ะ! กรี๊ด~ “แบกฉันกลับบ้านทีนะ” พรึบ! …และเขาก็สลบคาอกเรา “เฮ้อ~ อยากลาออกจากการเป็นลียาจริงๆ เลย!” เรากลอกตามองบน ก่อนที่จะหยัดตัวลุกขึ้น และค่อยๆ พยุงตัวเขาไปที่รถ เพื่อที่จะพาเขาไปส่งบ้านทันที “แม่ง! เมาทีไรเป็นแบบนี้ตลอดเลย แต่ก็ไม่เคยเพิ่มเงินเดือนให้เลย!” “ห่าขั่วมึงเอ๊ย!!!” (ห่าคั่วมึงเอ๊ย) หลายวันต่อมา หลังจากวันนั้นที่คุณคลาสอกหัก เขาก็เศร้าซึม กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เป็นแบบนั้นอยู่ประมาณสองสามวัน จนกระทั่งเข้าสู่วันที่สี่และวันที่ห้าเขาก็เริ่มดีขึ้น เพราะมีเราเป็นยาดี คอยช่วยขุดเขาออกจากความเศร้า ทำตัวขายขำให้เขาตลอด ทำให้เขาอารมณ์ดี จนในที่สุดเขาก็กลับมาเป็นปกติได้ดังเดิม วันนี้ก็เป็นวันเสาร์อีกครั้ง หลังจากที่ทำงานหลังขดหลังแข็งมาตลอดทั้งสัปดาห์ วันเสาร์ที่ได้พักนี้เราก็เลยมาเข้าฟิตเนส เพื่อออกกำลังกาย ดูแลสุขภาพของตัวเองค่ะ และแน่นอนว่าเราก็ไม่ได้มาคนเดียวด้วย เพราะเรามากับ~ “เดินอยู่นั่นแหละ เดินอย่างเดียวจนจะครบสองชั่วโมงอยู่แล้วนะ” คุณคลาสเจ้าเก่าเจ้าเดิมนั่นเองค่ะ เหอะ ตามติดเราอย่างกับลูกเลย! “ใจคอจะเดินจนกว่าจะกลับบ้านเลยหรือยังไง?” “มันก็ต้องเริ่มจากการเดินก่อนสิคะ ใจเย็นๆ ค่อยๆ ไปทีละสเต็บสิ ฉันไม่ได้รีบแบบคุณนะคะ” เรามาถึงเราก็มาเดินบนลู่วิ่ง เดินด้วยความเร็วปกติก่อน แต่กลับกันคุณคลาสมาถึงก็เข้าโหมดวิ่งเร็วเลย ตายซะ! ตายอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ! ชิ! “ฉันเห็นเธอเดินอยู่แบบนั้นมาตั้งนานแล้ว กล้ามขาขึ้นแล้วมั้ง!” เขาส่ายหัวไปมาเบาๆ และหันกลับไปตั้งใจกับการวิ่งของเขาต่อ “ร่างกายคนเรามันไม่เหมือนกันค่ะ! ฉันจะวิ่งจนกว่าฉันจะพอใจ แล้วค่อยเปลี่ยนไปทำอย่างอื่น” ไม่แคร์ค่ะ เชิ่ด 555 “ฉันสะดวกแบบนี้” “วิ่งแค่นั้นมันคงช่วยให้เธอผอมอยู่หรอก เหอะ!” เขาปรับจากโหมดวิ่งเร็ว มาเป็นการเดินปกติ เพื่อที่จะพักหายใจ แล้วก็เพื่อที่จะมาด่าเราด้วย “อยากผอมมันต้องทำมากกว่านี้สิ ต้องตื่นตัวมากกว่านี้ด้วย เล่นให้หลากหลาย” “ใครบอกว่าฉันอยากผอมคะ” ส่วนเราก็ยังคงเดินอยู่เหมือนเดิมไม่มีหยุด “ฉันไม่เคยบอกว่าฉันอยากผอม” หุ่นของเราในตอนนี้ก็ไม่ได้แย่ ไม่ได้ผอมมาก แต่เป็นหุ่นที่สมส่วน กำลังดี ส่วนเว้าส่วนโค้งก็พอเหมาะ เพอร์เฟค กำลังน่าขย้ำ คิกๆ “ถ้าเธอไม่ได้อยากผอมแล้วเธอมาออกกำลังกายทำไม? ไม่ได้จะดูถูกผู้หญิงนะ แต่ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่ฉันรู้จักเขาก็ออกกำลังกายเพราะอยากผอมกันทั้งนั้น ถ้าไม่ใช่พวกนักกีฬานอกนั้นฉันก็ไม่เคยเห็นมาออกกำลังกายอีกเลย” “ฉันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ แล้วก็เพื่อที่จะได้โชว์หุ่นดีๆ เวลาถอดเสื้อผ้าตอนอยู่บนเตียงด้วยไง” เราแสยะยิ้มใส่เขา ก่อนที่จะเดินออกมาจากลู่วิ่ง เพื่อไปเข้าห้องน้ำ คุณคลาสในตอนนี้ก็เอาแต่ยืนอึ้ง พูดอะไรไม่ออก เห็นแบบนี้เรายังซิงนะคะ อายุก็จะเข้าเลขสามแล้วแต่ก็ยังไม่เคยผ่านชายใดมาก่อนเลย 555! มันมีอยู่จริงนะคะ คนที่ยังเวอร์จิ้น ตั้งแต่เกิดจนอายุจะเข้าเลขสามน่ะ ที่บ้านเราเคร่งมากเลยค่ะ เขาบอกว่าไม่ว่ายังไงก็ห้ามท้องก่อนแต่งเด็ดขาด และถ้าจะมีอะไรกับแฟน ต้องรอให้เรียนจบก่อน แต่สุดท้ายแล้วเป็นไง? ไม่มีใครฟังแม่สักคน ลูกสาวส่วนใหญ่ในบ้านก็เลยออกเอาผัวกัน 555 แต่ยกเว้นเรานะคะ! ใจเราก็อยากจะยอมให้พี่โจ้ใจจะขาด แต่เราก็อยากได้ความมั่นใจจากพี่เขาอยู่ดี เราอยากรู้ว่าพี่เขาจะรอได้ไหม ถ้าหากเราจะยอมมีอะไรกะบเขาในคืนเข้าหอวันแรก ถ้าเขาทำได้ เขาต้องเป็นผู้ชายที่ดี แล้วก็เป็นพ่อที่อบอุ่นมากแน่ๆ แล้วยิ่งเราเข้ามาเรียนต่อมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพอีก แม่เราก็ยิ่งระแวงค่ะ กลัวเราจะท้องป่องกลับบ้านแทนที่จะได้ใบปริญญากลับไป แม่เราก็โทรจิกวันละสามเวลาเลย กลัวเราจะออกเอาผัวตามพี่และน้องๆ ไปอีกคน 555 แต่สุดท้ายเราก็เรียนจบ และนำใบปริญญาไปฝากพ่อกับแม่ที่อยู่ที่โคราชได้สำเร็จ อีกทั้งตอนนี้ก็ยังซิง ยังไม่เคยผ่านมือชายใดแม้กระทั่งพี่โจ้ที่คบกันมาหลายปี~ กะจะรอตอนแต่งงานทีเดียวเลย แต่ทว่าก็ดูเหมือนจะไม่มีวันนั้นแล้วแหละ เพราะว่าพี่โจ้เองก็อยู่ที่ฟิตเนสนี้เหมือนกัน แต่เขาไม่ได้มาเพื่อที่จะมาเซอร์ไพรส์เรา แต่เขามาเพราะว่า… เพราะว่าเขาพาผู้หญิงอีกคนมาออกกำลังกายด้วยต่างหาก! และอาชีพของพี่โจ้ก็ไม่ใช่เทรนเนอร์ฟิตเนสด้วย! “พ…พี่โจ้!” ช็อกกลางอากาศ~ “ลียา!” รีบถอยห่างจากผู้หญิงคนนั้นทันที “พ…พี่เปล่านะ! เขาเข้ามาอ่อยพี่เอง พี่อยู่ของพี่เฉยๆ” “อ้าว! พูดแบบนี้ได้ไง? เมื่อเช้าก่อนที่จะมาฟิตเนสพี่ยังขย่มหนูอยู่เลยนะ!” ผู้หญิงคนนั้นพูดตอบ “ไอ้เลว!” “เฮ้ย! น้องพูดอะไรออกมา น่าเกลียด! เราเพิ่งเจอกันเมื่อกี้ น้องอย่ามาใส่ร้ายพี่นะ! อย่าไปฟังนะลียา” “พี่โจ้…” “จ…จ๋า!” “…” หันไปคว้าดัมเบล “มึงตาย!!!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD