@หน้ามุก@บ้านบุญทรัพย์
"ตาครับ ตามีเรื่องอะไรจะบอกผมหรือเปล่าครับ" กรวรรธเอ่ยขึ้นหลังจากมายืนอยู่ข้างหลังตาผลซึ่งนั่งอยู่ที่หน้ามุกและหันหน้าไปทางหน้าบ้าน
"เอ้ามาแล้วเหรอ นั่งก่อนซิ"
"ครับ ผมมีผลไม้มาด้วยครับ" กรวรรธกล่าวราบเรียบพร้อมกับวางจานผลไม้ไว้ข้าง ๆ ผู้สูงวัย
"อืม กินเถอะพ่อเกม ตาเคี้ยวไม่ไหวแล้ว…คนแก่นะ ฟันฟางไม่ค่อยดี ว่าแต่เราเถอะไปมาหาสู่กันก็เกือบปีแล้วเห็นอะไรบ้างล่ะ?" ตาผลถามยิ้ม ๆ
"….เอ่อ ตาหมายถึงอะไรหรือครับ" กรวรรธตกใจและแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่ได้ยินคำถามนี้จากปากของผู้สูงวัย
"ก็ไอ้ที่เคยถามที่วัดนั่นแหละ เค้ามาให้เห็นอีกมั๊ยล่ะ"
"เมื่อหัวค่ำวันนี้ตอนที่กำลังทำกับข้าวผมเห็นเค้าวิ่งเล่นกันครับ พอผมนึกถึงคำสอนของหลวงตาแล้วแบ่งบุญให้เค้า และบอกว่า..ถ้าอยากกินขนมจะให้ตาเอาให้ครับ แฮร่…เค้าก็หันมายิ้มให้ผมครับ ผมคิดว่าผมมาดีไม่ได้คิดร้ายกับใครคงไม่เป็นไรมั้งครับ" กรวรรธอธิบายราบเรียบ
"หึหึ ไม่มีอะไรหรอก วันไหนวันพระที่ตรงกับวันหยุดก็มาซิ่ ที่บ้านขึ้นหิ้งทุกวันพระ แต่วันนี้ไปสัญญาเค้าไว้แล้วนิ่ก็ต้องทำตามนั้นซิ่ หึหึ" (ขึ้นหิ้งหมายถึงการเลี้ยงสิ่งศักดิ์ หรือสิ่งที่เคารพนับถือเช่นปู่ย่าตายาย กุมาร เป็นต้นค่ะ)
…………………………………….
หลังจากที่ได้ทำตามสัญญากับเจ้าเด็กที่มาวิ่งเล่นซนให้เห็นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กรวรรธจึงหันกลับมามองที่เพิ่มบุรุษเด็กหนุ่มที่รักและถูกชะตาเหมือนน้องชายบ้างที่เคยสัญญาว่าจะมาติวหนังสือให้ก็ต้องทำตามสัญญาซินะ จึงเดินเข้าไปในบ้านเพื่อทำตามสัญญาทันที
"ไหนใครจะให้พี่ติวหนังสือให้ ไปเอาหนังสือมาดูซิ๊" กรวรรธเอ่ยยิ้ม ๆ พร้อมกับนั่งขัดสมาธิลงบนพื้นข้าง ๆ เด็กหนุ่ม ซึ่งเพ็ญสุดาเองก็นั่งสังเกตการณ์อยู่ด้วยเผลอยกยิ้มมุมปากไปโดยไม่รู้ตัว
"นี่ครับหนังสือ ผมเตรียมไว้แล้วครับ แต่อ่านแล้วไม่เข้าใจครับ" เพิ่มบุรุษพูดไปมือก็เกาหัวไปแถมยังทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกต่างหาก
"หึหึ ไหนตรงไหน โอ้ วิชาคำนวณด้วย อ๋อมันเป็นอย่างนี้นะ นี่แบบนี้ ค่อย ๆ ทำทีละขั้นตอนเอาให้เข้าใจ" กรวรรธอธิบายและพาคนน้องถอดสูตรคณิตศาสตร์ให้เด็กหนุ่มฟังอย่างละเอียดทีละขั้นตอน จนเด็กหนุ่มเข้าใจและยิ้มได้
ด้านเพ็ญสุดาแอบมองเห็นสายตาของน้องชายที่มองกรวรรธเต็มไปด้วยความชื่นชม ไว้เนื้อเชื่อใจ และรัก เขาอ่านสายตาน้องชายดูก็รู้ เธอได้แต่คิดในใจว่าถ้าวันนึงเขาและเธอเป็นคนแปลกหน้าต่อกันในสักวันแล้วความรู้สึกของน้องชายจะเป็นเช่นไรกันหนอ ครั้นจะบอกน้องชายให้ถอยความรู้สึกก็ไม่รู้จะหาเหตผลอะไรมาขวางกั้น คิดแล้วก็ได้แต่ทอดถอนใจเผลอถอนหายใจออกมาเสียงดัง
"เฮ๊อ..อุบ" เพ็ญสุดารีบเอามือปิดปากตัวเองอย่างเร็วเมื่อรู้ตัวว่าเผลอถอนหายใจออกมาเสียงดัง ทำเอาสองหนุ่มหันมามองหนึ่งสาวเป็นตาเดียวกัน (ส่วนตาผลกับยายบัวเข้าห้องนอนไปสักพักแล้วคนแก่มักจะนอนเร็ว)
"พี่วันพระเป็นอะไรไปครับ ถ้าง่วงก็ไปนอนก่อนได้เลยนะครับเข้ากะเช้าไม่ใช่เหรอต้องตื่นแต่เช้านิ่ ไปนอนเถอะเดี๋ยวผมปิดบ้านเอง อีกสักพักก็เสร็จแล้ว" เพิ่มบุรุษบอกพี่สาวด้วยความเป็นห่วงเพราะเข้าใจว่าพี่สาวคงเหนื่อยจากงานแล้วยังมานั่งเป็นเพื่อนตนติวหนังสืออีก
มีเพียงกรวรรธเท่านั้นที่อ่านคนตัวเล็กออกแต่ไม่รู้จะบอกหรืออธิบายให้คนตัวเล็กเข้าใจได้อย่างไรว่าเขาจริงใจกับเด็กหนุ่มคนนี้ขนาดไหน ถึงแม้เขาและเธอจะไม่ได้ลงเอยกันด้วยเหตผลใด ๆ ก็ตาม แต่เขาก็ไม่มีวันทิ้งมิตรภาพดี ๆ ที่มีต่อเด็กหนุ่มคนนี้ไปแน่ ๆ คนที่เฝ้ามองได้แต่คิดในใจ
"อือ งั้นพี่ไปนอนก่อนนะ" เพ็ญสุดาเอ่ยกับน้องชายและทำท่าจะลุกเกิดเสียหลักเพราะนั่งกับพื้นนานเกินไปจนเป็นเหน็บ
พรึ่บ!!!!! อึ่ก!!!!! “เป็นอะไรไปน่ะวันพระ” กรวรรธโน้มตัวเข้ามารับคนตัวเล็กเอาไว้ไม่ให้ล้มก้นกระแทกไปกับพื้น กลายเป็นว่าคนตัวเล็กล้มหงายหลังลงบนตักแกร่งของอีกคน กรวรรธเผลอดสูดดมกลิ่นเฉพาะตัวของสาวเจ้าเข้าไปจนเต็มปอดรู้สึกติดใจขึ้นมาตะหงิด ๆ
"ขอโทษ ๆ ไม่ได้ตั้งตัว พอดีเหน็บกิน ลุกเร็วด้วย งั้นขอไปนอนก่อนนะ เดี๋ยวจะตื่นสายน่ะ" ว่าแล้วคนตัวเล็กก็รีบจ้ำอ้าวเข้าห้องไปอย่างไม่เหลียวหลัง
"หึหึ" คนตัวโตได้แต่หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ
"อะแฮ่ม!! หันมาทางนี้ครับพี่เกม ติวหนังสือต่อครับ" เพิ่มบุรุษไอกระแอมอย่างรู้ความนัย
…………………………………….
กรวรรธพาร์ท
{ผมเฝ้าสังเกตอาการของคนตัวเล็กผู้หญิงที่ผมปลงใจแล้วว่าจะรักและรักไปแล้วทั้งที่ไม่อยากจะรักใครทั้งนั้น บนเส้นทางของการแข่งขันเต็มไปด้วยการแก่งแย่งชิงดี มีศัตรูรอบด้าน ผมไม่อยากให้คนที่รักต้องจากไป หรือเป็นผมที่จากไปแล้วทิ้งคน ๆ นั้นไว้ให้จมอยู่กับความอ้างว้างเหมือนผมที่เสียพ่อแม่ไปจากอุบัติเหตุตั้งแต่ยังเด็ก ผมต้องจมอยู่กับความอ้างว้างมาตลอดถึงแม้จะได้รับความรักความเอาใจใส่จากนายใหญ่และครอบครัวแต่นั่นมันทดแทนความรักที่อบอุ่นจากพ่อแม่แท้ ๆ ไม่ได้เลย นั่นคือความจริงแก่นแท้ของความรู้สึก
แต่แล้วยังไงล่ะ ผมต้องจมอยู่กับความอ้างว้างอย่างนี้ต่อไปเหรอ ผมตัดสินใจออกจากกรงขังของตัวเองทันทีเมื่อพบกับเธอ เพ็ญสุดา หรือที่ใคร ๆ เรียกเธอว่า วันพระ ผมรู้สึกชุ่มชื่นหัวใจขึ้นมาทุกครั้ง มันเกิดขึ้นทีละน้อย ๆ เหมือนน้ำค้างชะโลมหัวใจในยามแห้งแล้ง เหมือนพระอาทิตย์ทอแสงให้ความอบอุ่นยามเหน็บหนาว เหมือนสายลมที่พัดโชยมายามที่ร้อนอบอ้าว เหมือนสายฝนที่ให้ความชุ่มฉ่ำในยามแห้งแล้ง เธอคือทุกอย่างสำหรับผม แล้วทำไมผมต้องอยู่ในกรงขังนั้นต่อไปล่ะ}