คุณร้องไห้

1142 Words
“บอสคะ อื้อออ∼ บอสหยุดก่อนค่ะ” ฉันพยายามห้ามร่างใหญ่ที่กำลังรุกไล่ฉันไม่หยุดมาได้สักพักตั้งแต่ฉันเข้ามาในห้องทำงานของเขา “หยุดไม่ได้แล้วครับ ไอ้หนูของผมมันไม่ยอมฟังเลย” เขาพูดได้อ่อนโยนจนฉันอ่อนระทวยแทบอยากจะพลีกายให้เขาอีกรอบ แต่มันไม่ได้ไง ฉันจะมาเอากับแฟนคนอื่นอีกแล้วงั้นเหรอ เมื่อคืนยังอ้างว่าเมาได้ แต่ถ้าวันนี้อีก มันไม่มีอะไรนอกเหนือจากความใจง่ายและไม่รักดีของฉันเองทั้งหมด หน้าฉันเริ่มร้อน น้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตา “คุณร้องไห้??” เขาหยุดทำกิจกรรมเมื่อมองเห็นร่างสะอื้นของฉัน ฮึก ฮึก ฉันยังสะอื้นไม่หยุด “ไม่อยากทำกับผมขนาดนั้นเลยเหรอ” สีหน้าเขาเจ็บปวด ดวงตาของเขาจากที่เป็นประกายเริ่มหม่น “บอส” ฉันเรียกเขาเสียงแหบพร่า แล้วหลบตาเขาลงมา “นั่นสิ ไอ้แฟนหนุ่มเธอมันอยู่ข้างนอกนั่น มันรอเธออยู่ ผมลืมไป” น้ำเสียงเขาเจือไปด้วยความไม่พอใจอย่างแรง ฉันอยากจะบอกว่ามันไม่ได้เป็นแบบที่เขาคิด แต่เขาคงไม่มีอารมณ์มาฟังฉัน “ถ้าบอสไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับจูล จูลขอตัวก่อนนะคะ” ฉันพูดแล้วเดินออกมาเลย ไม่ได้ทันมองหน้าเขา ฉันไม่อยากมองให้ใจมันรวดร้าว ตอนนี้ฉันสับสนมากรู้สึกผิดกับคุณยูมิ มากยิ่งกว่าอะไร ฉันไม่คิดว่าเขาจะจู่โจมคนอย่างฉัน ฉันประมาทไป ฉันต้องวางตัวแล้วเว้นระยะห่างให้ดี ฉันนั่งทรุดลงที่โต๊ะทำงาน หัวใจเจ็บแปล๊บและปั่นป่วน เกลียดตัวเองชะมัด แต่ย้ายที่ฝึกงานตอนนี้ก็ไม่ได้ด้วยสิ โอ๊ยยิ่งคิดยิ่งปวดหัว แล้วเสียงทุ้มต่ำก็เรียกฉันจากภวังค์ “จูลลลล” “คะ?? พี่ภาค เรียกเบาๆ ดิ หูไม่ได้หนวกสักหน่อย” ฉันหงุดหงิดพาลใส่พี่เขาเฉยเลย “เรียกตั้งหลายหน เอ็งไม่ยอมหันมาสักที แล้วเป็นอะไรทำไมตาแดงๆ” หมอนี่ก็มาสนใจใฝ่รู้อะไรกับตาคนอื่นก่อน “อะ เอ่อ ผงเข้าตา” มุกประจำชาติ แต่ก็ยังใช้ได้ทุกสถานการณ์ “เออ แล้วกลางวันนี้กินอะไรดี” เขาหันกลับไปทำงานแต่ปากยังชวนฉันคุย “พี่ นี่พึ่ง 8 โมงครึ่งมั้ย พี่มาทำงานหรือมากินกันแน่วะ วันๆ คิดแต่เรื่องกิน” ฉันพูดหน้าตายใส่เขา “ชิชะ เดี๋ยวนี้อัพเลเวลสกิลปากนะไอ้น้องเล็ก” เหมือนเขาจะตำหนิแต่ออกไปแนวหยอกล้อมากกว่า “คิกๆ คนเรามันต้องมีพัฒนาป่ะ” และฉันก็ต่อซิกกับเขาไป พวกเราสองคนขำกันคิกคัก อย่างน้อยมีเพื่อนคุยมันก็ยังโอเค ฉันคิดในใจ แล้วความรู้สึกเสียวสันหลังวูบก็เริ่มก่อตัวเมื่อไอ้หมอนี่มายืนข้างหน้าพวกเรา เขาหน้าบูดเหมือนไปกินรังแตนมาจริงๆ ฉันไม่อยากมองหน้าบูดๆ นั่นเลย (Talk เดวิด) ยัยเด็กนี่กำลังปั่นหัวผม ท่าทีของเธอไม่เคยแสดงออกว่าขัดขืนผม ตั้งแต่เธอเริ่มทำงานเธอก็ทำตามคำสั่งของผมและรับผิดชอบหน้าที่ได้ดีมาตลอด แล้วทำไมถึงมาขัดขืนผมเอาซะดื้อๆ แบบนี้นะ ทั้งๆ ที่เมื่อคืนเธอร้อนแรงขนาดนั้น หรือว่าเธอรู้สึกผิดกับแฟนเธอ ยิ่งคิดผมก็ยิ่งหงุดหงิด แล้วไหนจะเรื่องยูมิที่อยู่ๆ เธอก็พูดถึงยูมิ ไม่ใช่ว่ากำลังเข้าใจผิดอยู่นะ แล้วผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องมาหงุดหงิดแบบนี้ ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเขาก็ไม่ได้ดูคิดมากเรื่องที่ผมพรากพรหมจรรย์ไปจากเธอสักเท่าไหร่ ผมยังแอบคิดว่าถ้าวันนี้เธอมาเรียกร้องขอให้ผมรับผิดชอบ ผมก็จะรับผิดชอบเธอ แล้วไอ้หมอนี่มันยังไงวะ หัวเราะต่อซิกกันอยู่ได้น่ารำคาญชิบ ผมเริ่มจะหงุดหงิดจนทำตัวไม่ถูกแล้ว แค่เห็นหน้ายัยนี่ผมก็ตื่นตัวจนอยากจับเธอถอดเสื้อผ้าออกให้หมด แล้วกระแทกแรงๆ ซะตรงนี้เลย แล้วดวงตาของเธอตอนถอดแว่นมันช่างเร้าอารมณ์จนทำให้ผมอดคิดถึงไม่ได้ เจ้าของเรือนร่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสายัยจูลลี่ “พวกคุณจะพลอดรักกันก็กรุณาเก็บอาการกันไว้บ้างนะครับ ที่นี่ที่ทำงาน เก็บไว้นอกเวลางานเถอะครับ” ผมหาเหตุผลที่ผมหงุดหงิดไม่เจอแต่ผมอาจรู้สึกดีขึ้นถ้าได้ค่อนขอดพวกเขา แม้สักนิดให้เธอหันมามองผม ไม่อยากเชื่อว่าผมจะเป็นคนแบบนี้ “บอสพูดอะไร ผมกับยัยนี่ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยครับ” เจ้าภาคียังทำหน้าทะเล้นตอบผมกลับมา เดี๋ยวนะ… “ห๊ะ” ผมรีบห๊ะใส่หน้ามันที่กำลังทำหน้า งง ใส่ผม “บอสพูดแบบนี้เมียผมมาตีหัวผมตายทำไงละครับ” วินาทีนั้นใจผมมันก็เต้นตึกตัก หันไปมองคนร่างบางที่กำลังหลบตาผมหน้าแดงก่ำ ผมชักสีหน้าใส่เธอแล้วหันมาบอกเจ้าภาคีที่อายุมากกว่าผม แต่เป็นลูกน้องผม “คุณภาคีมีภรรยาแล้วเหรอครับ” ผมถามย้ำเพื่อความมั่นใจ “ครับ แล้วผมก็รักเมียมาก เธอดุมาก ไอ้เจ้าจูลมันก็เป็นแค่ศิษย์น้องของผมเท่านั้นเองครับ” “งั้นหรอ แต่ว่างานของจูลลี่ทำออกมาได้ดีกว่าศิษย์พี่แบบคุณอีกนะ” ผมแอบชมเธอแล้วเหลือบมองใบหน้าแดงก่ำของเธอ “โถ่บอสครับ เอาความจริงมาพูดเล่นอีกแล้วนะครับ” ผมอารมณ์ดีขึ้นมาทันตา พลางคิดในใจว่าแล้วทำไมเธอถึงปฏิเสธผมกันนะ ผมเรียบเรียงข้อมูลในสมองแล้วคิดออกมาได้อย่างเดียว เรื่องยูมิ แน่ๆ พระเจ้า ผมเริ่มอยากแกล้งเธอขึ้นมานิดๆ แล้วแฮะ เอาให้สาสมกับที่เธอมาปั่นหัวผม ผมเหลือบมองเธอด้วยสายตาชั่วร้าย ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม แต่ผมอยากแกล้งเธอจัง “คุณจูลบ่ายนี้มีพรีเซนต์งานลูกค้า เตรียมตัวให้พร้อมนะครับ” “หะ ห๊ะ เอ่อ บอสคะ” คิกๆ สีหน้าลำบากใจนั่นน่าแกล้งสุดอะไรสุด “ล้อหมุนบ่ายโมง ห้ามสายนะครับ” ผมทำหน้าขรึมใส่เธอพระเจ้าแทบกลั้นขำไม่อยู่กับสีหน้าของเธอ . . เอาล่ะจูลลลล บ่ายนี้ผมจะทำยังไงกับเธอดีนะ แค่คิดผมก็ตื่นตัวไปหมดแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD