ฉันแต่งตัวชุดนักศึกษาปกติ กระโปรงพีชกับเสื้อตัวโคร่ง รวบผมหยักศกแสนเซอร์ของตัวเอง แบกร่างบอบช้ำเล็กน้อยและเต็มไปด้วยรอยแดง ใส่รองเท้าผ้าใบคู่เก่าและเดินออกจากหอเพื่อขึ้นรถโดยสารไปทำงาน โชคดีที่ ที่ทำงานไม่ไกลมากนัก ฉันมาถึงเกือบสายจนพี่ภาคเอ่ยแซว
“โอ๊ะ โอ วันนี้น้องเล็กเรามาสาย” เออ แซวไม่ได้ดูหน้าตูเล้ยย
“แฮ่ๆ” ฉันหันหน้าไปยิ้มเจื่อนให้เขา ไม่อยากถูกจับได้ว่าไปเมามาแถมยัง…
“แล้วไงงานที่บอกให้ร่างให้เมื่อวาน เห็นบอกว่าจะทำให้เมื่อคืน”
“โอ๊ะ พี่ภาค” ฉันยกมือไหว้เหนือหัวแล้วส่งสายตาอ้อนวอนบอกเขา เขารู้ได้ในทันที
“นี่แน่ะ บังอาจมากที่ลืมงานของพี่” เขาตีหัวฉันด้วยแบบที่ถือในมือ
“น้องสุดที่รักคนนี้ต้องขออภัยศิษย์พี่เป็นอย่างสูงเอาไว้คืนนี้ น้องคนนี้จะตั้งใจร่างให้นะคะ”
“ปัดโถ่ ไอ้เด็กคนนี้ ฮ่าๆๆ”
พวกเราขำกลิ้งกันอยู่ตรงนั้นได้ไม่นาน ก็มีเจ้าของร่างใหญ่ นัยน์ตาสีฟ้าสุกสว่างเดินเข้าออฟฟิศมามองพวกเราด้วยสายตาเย็นยะเยือก ฉันหลบตาเขาแบบออโต้ แล้วกำลังจะมุดหนีเข้าไปที่โต๊ะตัวเอง
“จูลลี่ เข้ามาหาผมที่ห้องทำงาน ด่วน” เขาเน้นย้ำตรงคำว่าด่วนจนฉันสะดุ้งเฮือก ลำพังแค่เขาเรียกชื่อฉัน ฉันก็สะดุ้งเฮือกแล้ว นี่ยังมาสั่งฉันเข้าไปหาเพื่ออะไรก๊อนนน อยากตะโกนใส่หน้า แต่ทำได้แค่เพียง
“ค่ะ” แล้วยิ้มเจื่อน
“เชี่ย ทำอะไรมาหน้าบูดขนาดนั้นวะ กินรังแตนที่ไหนมา” พี่ภาคทำหน้าเจื่อนกระซิบข้างหูฉันกับอาการของเจ้านายตัวเอง
“มะ ไม่รู้สิ” ฉันกำลังหาเหตุผลที่เขาเรียกฉันเข้าไปหา ใจฉันเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ พระเจ้าไม่ใช่ว่าเขาจำได้แล้วจะมาต่อว่าฉันใช่มั้ย จริงอยู่ที่ว่าฉันเป็นฝ่ายผิด แต่ว่าเขาเองก็…
“ผมบอกว่าด่วนคุณไม่ได้ยินหรือไงครับ” เขาโผล่หน้าออกมาจากห้องทำงาน เสียงเขาดุขึ้นมาทันทีที่เห็นฉันนิ่งคิด
“ค่ะ” ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ
.
.
พอฉันเข้าไปแล้วเขาก็เดินมาล๊อกประตูทันที พระเจ้าการคุยแบบส่วนตัวงั้นเหรอ เรื่องใหญ่สินะ เรื่องที่พวกเราทำมันผิดสินะ โอ๊ยย ไม่น่าเลยฉัน คนที่มีแฟนอยู่แล้วแบบเขา อย่าบอกนะว่าเขาจำได้ ไม่สิ ฉันต้องบ่ายเบี่ยง ใช่แล้วต้องบ่ายเบี่ยง
“เมื่อคืน…” เขากำลังจะพูดแต่ฉันรีบเอ่ยขึ้นมาก่อน
“เมื่อคืนบอสพาสาวเข้าโรงแรมค่ะ” ฉันรีบลนลานบอกเขา
“หืม” เขาคำรามในลำคอและหรี่ตามองมาแบบ งงๆ และสงสัย
“คุณจะบอกว่าเมื่อคืนเซ็กซ์ดุเด็ดเผ็ดมันส์ของผม ผมทำกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้งั้นหรอ” เขามองมาอย่างคาดคั้น
“ชะ ใช่ค่ะ แต่บอสไม่ต้องห่วงนะคะ จูลไม่เอาไปบอกคุณยูมิหรอกค่ะ จูลจะเก็บเป็นความลับให้ค่ะ” ฉันหลบตาเขา
“ตรงนั้นไม่ใช่ประเด็นแล้วมันก็ไม่เกี่ยวกับยูมิเลย” ไอ้หมอนี่พูดเหมือนไม่แคร์แฟนตัวเอง
“ฮะๆ บอส” ฉันพยายามคิดหาเหตุผลเผื่อว่าเขาจะถามอะไรมาอีก
“เธอจะบอกว่าหญิงสาวที่มานอนกับผมเมื่อคืน คนที่ผมเอา คนที่ผมเปิดซิง เป็นผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้แล้วเช้ามาเธอก็อันตรธานหายไปกับแสงแดดงั้นหรอ” เขายิ่งคาดคั้นเข้าไปใหญ่น้ำเสียงเจือไปด้วยความไม่พอใจ
เขาพูดแล้วเดินเข้ามาไกลฉัน เขาจ้องมาที่ดวงตาฉัน ฉันถอยกรูดจนไปติดผนังห้องทำงานสุดหรู
“อะ เอ่อ บอสเมามากอาจจะหลงลืมไปก็ได้ค่ะ” แถ ฉันต้องแถไปให้ได้
“แล้วผู้หญิงคนนั้นเป็นเจ้าของนาฬิกาเรือนนี้ด้วยงั้นหรอ” พระเจ้านาฬิกาข้อมือของฉัน ฉันจะเริ่มจนแต้มแล้วสิ ทำไงดีวะ
“ฮะๆ บอสเอ่อ” ฉันยิ้มแห้ง
“ผมจำนาฬิกาเรือนนี้ได้เพราะมันเป็นของคุณจูล” เขาเปลี่ยนมาเรียกชื่อเล่นของฉัน หัวใจฉันเต้นระรัว
“ฮะๆๆ นาฬิกาแบบนี้ใครเขาก็ใส่กันค่ะบอส” ฉันยิ้มเจื่อนบอกปัดอีกที ไม่นะ ฉันจะไม่ยอมจนมุม
“งั้นหรอ งั้นแล้วเธออธิบายรอยแดงพวกนี้ได้รึเปล่าจูล” พระเจ้าหมอนี่ไม่ยอมจริงๆ หรอเนี่ย เขาคลี่ปกคือเสื้อนักศึกษาของฉันดูรอยแดงที่เขาเป็นคนทำไว้ทั้งหมด หน้าฉันแดงฉ่า ฉันจนมุมแล้ว ฉันหลบตาเขา ตัวสั่นเทา
เมื่อเขาเริ่มปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาเม็ดแรก เผยให้เห็นร่างขาวที่เต็มไปด้วยรอยแดง สีหน้าเขาเปลี่ยนมายิ้มร้ายทันที เขาเจอคำตอบที่เขาตามหา แล้วใช่ ฉันมันผู้หญิงหน้าไม่อายที่สมยอมคุณ
ปากฉันสั่นระริก ฉันกะพริบตาถี่ๆ แล้วช้อนสายตาขึ้นมองร่างใหญ่ ฉันสบตาเขา แล้วเขาก็เหมือนถึงจุดลิมิตที่สะกดกลั้นตัวเองแล้วลงจูบสุดร้อนแรงจนฉันอ่อนระทวยไปหมด
เขาดูดมาที่ริมฝีปากฉ่ำของฉันจนไม่เหลือลิปที่พึ่งทาดูดกลืนกินไปจนหมดสิ้น ขาฉันเริ่มอ่อนแล้วเหมือนเขาจะรู้ เขาผลักฉันลงตรงโซฟารับแขกและละเลงจูบมาอย่างร้อนแรง
“อื้อออ บอสคะ ไม่ได้นะคะ คุณ…” เขาไม่รอให้ฉันพูดจบและลงจูบมาอีก
“ผมจำรอยจูบของตัวเองได้จูล เพราะฉะนั้น คุณไม่รอดแล้ว” เขายิ้มชั่วร้ายมากๆ
นัยน์ตาสีฟ้าที่เคยสุกสว่างกลับลุกโชนไปด้วยไฟปรารถนา ไม่อยากจะเชื่อเขาควรเกลียดตัวเองสิที่มาเอากับผู้หญิงแบบฉัน ทำไมกันนะ ทำไมถึงยังจูบร้อนแรงได้ขนาดนี้
พระเจ้าเดวิด คุณกำลังทำให้คนอย่างฉันเป็นบ้า