“เปรี้ยว ฉันบอกว่าฉันปวดหัว”
“ปวดหัวก็ไปกินยาสิคะ มาบอกหนูทำมะ....อื้อออ!”
เปรี้ยวถึงกับต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อโดนเจเดนโน้มหน้ามาจูบปากเธอแบบไม่ทันตั้งตัว เจเดนสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากเธออย่างชำนาญทำเอาเปรี้ยวเผลอเคลิ้มไปกับรสจูบเขาอีกตามเคย เมื่อเห็นเธอจูบตอบเจเดนก็ดันร่างบางให้นอนราบลงบนโซฟาโดยมีร่างสูงของเขานอนคร่อมเธอไว้โดยที่ปากยังจูบแลกลิ้นกันอยู่ แต่สักพักเปรี้ยวก็รีบผลักเจเดนออกจนเขานั้นตกใจตามเธอ
“คุณเจเดน หนูต้องไปเรียนนี่คะ งืออ สายแล้วๆๆ”
เปรี้ยวพูดขึ้นแล้วรีบลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนเมื่อลืมว่าตัวเองนั้นต้องไปเรียน จนเจเดนได้แต่ส่ายหน้ายอมกับท่าทางกระวนกระวายของเธอ
“เธอมีเรียนวันเสาร์ด้วยรึไง”
เปรี้ยวถึงกับชะงักหันมองเจเดนเมื่อได้ยินคำพูดของเขา
“จริงด้วย วันนี้วันเสาร์นิ เฮ้อ! โล่งอกไปที”
เปรี้ยวพูดขึ้นพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งใจเพราะเธอเป็นเด็กทุนจึงให้ความสำคัญกับการเรียนมาก
“ทีนี้ฉันจะจูบต่อได้ยัง ฉันยังไม่หายปวดหัวเลยนะ”
เจเดนพูดขึ้นเสียงเรียบแล้วตั้งท่าจะจูบเธอก็ต้องชะงักมองตาขวางใส่เธออย่างไม่พอใจเมื่อเปรี้ยวนั้นเอามือปิดปากเขาไว้ แต่ก็ไม่ได้จับมือเธอออกจากปากของตัวเอง
“เลิกแกล้งหนูเลยนะคะ ใครเค้าจูบแล้วหายปวดหัวกัน”
เปรี้ยวพูดใส่เจเดนด้วยน้ำเสียงประชดประชัดแล้วปล่อยมือออกจากปากของเขา
“ฉันนี่ไง การได้จูบเธอมันทำให้ฉันผ่อนคลายหายปวดหัว”
เจเดนตอบกลับเปรี้ยวหน้าตาเฉยจนเปรี้ยวได้แต่มองค้อนใส่เขา
“งั้นก็จ่ายค่ายามาเลยนะคะ ถ้าจ่ายค่ายาถึงจะรักษาให้ค่ะ”
เปรี้ยวพูดขึ้นแล้วแบมือไปหาเจเดนด้วยท่าทีเล่นๆ แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเจเดนนั้นหยิบกระเป๋าเงินของเขามาวางไว้บนมือเธอ
“ฉันจ่ายหมดหน้าตักแล้ว ทีนี้รักษาได้ยัง”
“งือออ คุณเจเดนหนูแค่พูดเล่น”
เปรี้ยวรีบพูดดักเจเดนทันทีเมื่อเขายื่นกระเป๋าเงินให้เธอแล้วก็ตั้งท่าจะจูบเธออีกจนเธอต้องใช้มือดันอกแกร่งของเขาไว้
“แต่ฉันทำจริง ต่อไปนี้เธอมีหน้าที่จัดการรายรับรายจ่ายให้ฉัน ฉันจะโอนย้ายแอพธนาคารของฉันไปไว้เครื่องเธอ อยากได้อะไรเดี๋ยวฉันจะขอเธอเอง”
เจเดนผละตัวออกมานั่งปกติแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง จนเปรี้ยวได้แต่ทำหน้าอึ้งใส่เขา
“เอาจริงหรอคะ ให้หนูถือเงินหมดแบบนี้แล้วเวลาคุณไปเรียนคุณจะใช้ยังไง หนูกะรายรับรายจ่ายของคุณไม่ถูกหรอกนะคะ เพราะไหนคุณจะต้องเติมน้ำมันรถ ไหนจะต้องกินข้าว แถมในมหาลัยก็ไม่รู้ว่าจะได้จ่ายค่าอะไรในวันนั้นมั้ยอีก ไหนคุณจะต้องไปทำงานที่ผับ เผื่อรถพังกลางทางต้องซ่อมฉุกเฉินคุณก็ต้องใช้เงินอยู่ดี”
เปรี้ยวพูดร่ายยาวเรื่องค่าใช้จ่ายด้วยสีหน้ากังวล
“หึ นี่ขนาดไม่รู้ว่าฉันจะใช้ยังไง เธอยังคาดการการใช้เงินมาซะละเอียดเลยนะ ค่าน้ำมันรถฉันจะเติมเต็มถังทุกเช้าก่อนไปเรียนซึ่งเธอก็ต้องไปเรียนพร้อมฉันแล้วก็ทำหน้าที่จ่ายเงิน ค่าข้าวก็ให้ฉันมาวันละสองร้อยเพราะฉันไม่ใช่คนติดหรูฉันกินอาหารตามสั่งหน้ามหาลัย ส่วนค่าฉุกเฉินอื่นๆ ถ้าจำเป็นต้องใช้กะทันหันฉันจะโทรบอกเธอเอง ก็แค่นี้มันจะยากอะไร เธอเป็นลูกหนี้ฉันห้ามปฏิเสธ”
เจเดนตอบเปรี้ยวทุกประเด็นจนเธอที่พยายามปฏิเสธถึงไปต่อไม่ถูก
“ก็ได้ค่ะ หนูดูแลค่าใช้จ่ายให้คุณก็ได้ งั้นขอถามอะไรได้มั้ยคะ รายรับคุณได้มาจากแค่ที่ผับหรือมีที่อื่นอีกมั้ยคะ”
เปรี้ยวถามเจเดนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“รายได้ฉันมาจากสามที่ หนึ่งคือที่ผับซึ่งจะได้เยอะเพราะฉันถือหุ้นใหญ่ สองคือหุ้นจากบริษัทของครอบครัวที่พ่อแบ่งให้ฉันกับเจด้า และสุดท้ายคือหุ้นจากสนามแข่งรถของพี่ฉันที่ถือหุ้นสิบเปอร์เซ็น รายได้รวมๆ ก็หลักล้านขึ้น”
“หลักล้าน!”
เปรี้ยวถึงเบิกตากว้างตกใจเมื่อได้ยินยอดเงินรายรับของเจเดน
“คุณเจเดนขา สนใจเลี้ยงเด็กน่ารักๆ นิสัยดีไว้สักคนมั้ยคะ”
เปรี้ยวพูดกับเจเดนอย่างอ้อนๆ ด้วยท่าทีเล่นๆ จนเจเดนกระตุกยิ้มใส่เธออย่างชอบใจทำเอาเปรี้ยวถึงกับใจเต้นแรงเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา
“หึ ฉันไม่ชอบเลี้ยงเด็ก สรุปฉันจูบต่อได้ยัง”
“นี่คุณยังไม่ลืมอีกหรอคะไอ้เรื่องจูบเนี่ย อุตส่าห์พูดเรื่องอื่นมาตั้งยาว”
เปรี้ยวบ่นให้เจเดนทันทีเมื่อเขานั้นวนมาเรื่องจูบอีก
“เงินค่ารักษาฉันก็จ่ายแล้ว ฉันก็ต้องได้จูบสิ”
เจเดนตอบกลับเปรี้ยวหน้าตาเฉย
“พอเลยค่ะ วันนี้รักษาเรียบร้อยแล้ว หนูหิวข้าวอะ คุณกินข้าวยังคะ”
“ยัง แต่ฉันสั่งข้าวมาแล้ว”
เจเดนตอบเปรี้ยวทันทีแล้วเลิกคิดเรื่องจูบเมื่อเห็นเธอบ่นว่าหิวข้าว
“สั่งเผื่อหนูด้วยมั้ยคะ”
“ไม่”
“ใจร้าย”
เปรี้ยวพูดใส่เจเดนด้วยน้ำเสียงประชดประชันเมื่อเขาบอกไม่ได้สั่งให้เธอ
“ฉันก็ไม่เคยพูดว่าเป็นคนใจดีนิ นั่งรออยู่นี่ล่ะ”
พูดจบเจเดนก็ลุกเดินไปที่ครัวสักพักก็กลับมาพร้อมกับจานข้าวผัดหนึ่งจาน
“นี่คุณเจเดน ถ้าจะมากินข้าวยั่วกันหนูโกรธจริงๆ นะคะ”
เปรี้ยวพูดใส่เจเดนแล้วทำหน้าบึ้งตึงใส่เขา
“ปัญญาอ่อน นี่ข้าวเธอ กินซะ แล้วก็รออยู่ที่นี่ฉันจะออกไปทำธุระ ถ้าเบื่อก็ดูทีวีรอ”
เจเดนวางจานข้าวไว้ที่โต๊ะกระจกจากนั้นก็เดินออกจากห้องไปทันทีโดยไม่รอให้เธอได้ถามอะไร
“คนอะไรคิดจะไปก็ไปเลย ไหนบอกจะพาไปเก็บของไง จะให้ใส่ชุดชั้นชุดเดียวแบบนี้ใจขาดพอดี”
เปรี้ยวบ่นให้เจเดนเบาๆ หลังจากที่เขาเดินออกจากห้องไปแล้ว แต่ก็ละความสนใจจากเจเดนเพราะตอนนี้เธอสนใจจานข้าวผัดที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าจึงหยิบมากินอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดเกลี้ยง จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเขย่งเอาจานไปล้าง
“ดูท่าจะไม่ค่อยได้กลับห้องจริงๆ แม้แต่ตู้เย็นยังมีแค่น้ำเปล่า”
เปรี้ยวพูดพึมพำอยู่คนเดียวเมื่อเดินมาเปิดตู้เย็นดูว่ามีอะไรพอจะทำเป็นอาหารเย็นให้เขารึเปล่า เมื่อสำรวจห้องครัวเสร็จแล้วก็เดินกลับมานั่งดูทีวีรอเจเดนที่โซฟาโดยไม่คิดจะแตะต้องของอะไรในห้องของเขา เปรี้ยวดูทีวีรอเจเดนกลับมาจนเผลอหลับไป ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงเธอก็ต้องรู้สึกตัวตื่นขึ้นเมื่อมีคนมานอนคร่อมเธอไว้ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจเดนนั่นเอง
“คุณเจเดนทำอะไรคะเนี่ย มานอนคร่อมหนูทำไม หนูหนักนะ”
เปรี้ยวแว๊ดเสียงใส่เจเดนด้วยความตกใจเมื่อเห็นเขานอนคร่อมร่างตัวเองไว้จนใบหน้าหล่อแทบจะโน้มมาจูบเธอแล้ว
“ฉันเหนื่อย อยากนอนพัก”
เจเดนตอบกลับเสียงเรียบแล้วทิ้งตัวลงนอนทับเธอใบหน้าหล่อก็ซุกลงที่ซอกคอขาวของเธอจนเปรี้ยวต้องดิ้นไปมาเมื่อรู้สึกอึดอัดขึ้น
“งืออ อยากนอนก็ให้หนูลุกออกก่อนสิคะ มานอนทับหนูแบบนี้หนูหายใจไม่ออกนะ ว้ายย! คุณเจเดน”
เปรี้ยวที่กำลังพยายามจะดันตัวเขาออกก็ต้องร้องตกใจเมื่ออยู่ดีๆ เจเดนก็จับเธอพลิกให้มานอนทับตัวเขาแทนจนเธอได้แต่เอามือนาบอกแกร่งเขาไว้ด้วยความเขิน
“แค่นี้ก็นอนได้แล้วใช่มั้ย”
เจเดนพูดขึ้นแล้วมองใบหน้าหวานไม่วางตา ยิ่งได้มองใกล้ก็ยิ่งทำให้เขานั้นไม่อยากปล่อยเธอออกห่างจากตัวเองมากขึ้น แต่ก็ทำเป็นหน้านิ่งไม่แสดงอาการอะไรออกมา
“นอนได้อะไรล่ะคะ ยิ่งไม่สบายตัวไปใหญ่ ว้ายย! คุณเจเดนทำอะไรอีกเนี่ย”
เปรี้ยวได้แต่ร้องตกใจอีกครั้งเมื่ออยู่ดีๆ เจเดนก็จับเธอพลิกให้มานอนข้างเขาโดยทั้งสองหันหน้าเข้าหากันแขนแกร่งก็กระชับกอดเธอแน่นขึ้นจนตัวเธอแบบชิดกับเขาทุกส่วน
“เลิกบ่นสักที ฉันจะนอน ถ้าเธอบ่นอีกฉันจะไม่นอนเฉยๆ แล้วนะ”
เจเดนพูดขู่เปรี้ยวเสียงเรียบ เมื่อได้ยินคำพูดของเขาเปรี้ยวก็เงียบเสียงแล้วรีบหลับตาลงทันที ท่าทางของเธอทำเอาเจเดนนั้นยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวจากนั้นก็หลับตาลงสักพักเขาก็หลับไปจริงๆ จนเปรี้ยวที่ยังไม่หลับก็ลืมตาขึ้นมองเขาเมื่อได้ยินลมหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเขานั้นหลับไปแล้ว
‘คนอะไรตอนหลับก็ยังหล่อ รู้สึกดีจัง’
เปรี้ยวได้แค่คิดในใจไม่กล้าพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แขนเรียวที่ตอนแรกยังทาบอกตัวเองไว้ก็ย้ายไปกอดเอวสอบของเขาเหมือนที่เขานั้นกอดเธออยู่ การได้นอนกอดเขาทำให้เธอนั้นทั้งรู้สึกดีและอบอุ่นไม่น้อยสักพักก็หลับตามเขาไป