เปรี้ยวใช้เวลาไม่ถึงห้านาทีก็แต่งตัวเสร็จ เธอเลือกใส่กางเกงกีฬาขาสั้นกับเสื้อยืดสีดำด้วยความที่เจเดนนั้นสูงมากพอสมควร เสื้อและกางเกงที่ใส่จึงลุ่มล่ามไม่พอดีตัว เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วเปรี้ยวก็ค่อยๆ เดินเขย่งเท้าเพื่อจะออกไปหาเจเดน
“อ๊ะ! ทำไมเจ็บมากแบบนี้”
เปรี้ยวถึงกับร้องเจ็บออกมาเมื่อเผลอทิ้งน้ำหนักลงที่เท้าข้างขวา
“บอกว่าห้ามเดินไง ดื้อจริงๆ”
เจเดนดุเปรี้ยวทันที เพราะตอนที่เธอกำลังบ่นว่าเจ็บก็เป็นจังหวะที่เขาเปิดประตูเข้ามาในห้องพอดี
“หนูคิดว่าแค่ไม่ทิ้งน้ำหนักลงที่เท้าข้างขวาก็ไม่น่าจะเป็นอะไรนี่คะ ว้ายย! จะอุ้มก็บอกกันก่อนสิคะ”
เปรี้ยวพูดขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเจเดนนั้นเดินมาอุ้มโดยไม่ให้เธอตั้งตัวก่อน
“ก็รู้ว่าฉันจะอุ้ม จะตกใจทำไม เปิดประตู”
เจเดนบ่นให้เปรี้ยวเสียงเรียบขณะที่อุ้มเธอเดินไปแล้วสั่งให้เธอเปิดประตูห้องทันที เมื่อได้ยินคำพูดของเขาเปรี้ยวก็เปิดประตูให้เจเดนจึงอุ้มเปรี้ยวออกจากห้องแล้ววางเธอลงที่โซฟาห้องนั่งเล่นอย่างเบามือจากนั้นเขาก็มานั่งข้างๆ เธอ
“ว้ายย! คุณเจเดน ทำอะไรของคุณคะ”
เปรี้ยวเอ่ยถามเจเดนด้วยความตกใจเมื่ออยู่ดีๆ เขาก็จับขาข้างขวาของเธอไปวางไว้บนตักของเขา
“ทายา”
เจเดนตอบเปรี้ยวสั้นๆ แล้วโน้มตัวไปหยิบยานวดที่วางบนโต๊ะกระจกด้านหน้า
“หนูทำเองก็ได้ค่ะ มัวแค่บวมหนูทายาเองก็ได้”
เปรี้ยวพูดขึ้นด้วยความเกรงใจแล้วยื่นมือจะไปหยิบหลอดยาจากมือเจเดนก็ต้องชะงักเมื่อเจเดนนั้นชักมือออกไม่ให้หลอดยากับเธอ
“อยู่เฉยๆ แล้วหยุดพูดซะ ฉันต้องใช้สมาธิไม่ให้น้ำหนักมือมันแรงไป ถ้าเธอพูดขึ้นอีกฉันอาจจะทำเธอเจ็บ อย่ามาโทษฉันทีหลังแล้วกัน”
พูดจบเจเดนก็บีบยาใส่เท้าของเปรี้ยวแล้วนวดให้เธอทันที
“คุณก็ให้หนูทำเองสิคะ อ๊ะ! งืออ เจ็บอะ”
เปรี้ยวที่กำลังอ้าปากเถียงเจเดนก็ต้องร้องเจ็บออกมาเมื่อเขาทิ้งน้ำหนักมือนวดแรงกว่าตอนแรก
“ฉันบอกแล้วว่าให้เธอเงียบ เธอทำฉันเสียสมาธิเองนะ”
เปรี้ยวถึงกับเงียบเสียงไม่พูดเพราะกลัวเจเดนจะทำตัวเองเจ็บอีก ส่วนเจเดนที่กำลังก้มหน้านวดเท้าให้เธออยู่ก็กระตุกยิ้มชอบใจที่สามารถทำให้คนช่างเถียงอย่างเปรี้ยวเงียบเสียงได้ เจเดนนวดเท้าให้เปรี้ยวอย่างเบามือจนเปรี้ยวได้แต่มองไม่วางตาเพราะการกระทำของเขาตอนนี้ช่างดูอ่อนโยนไม่ดุร้ายเหมือนตอนอยู่กับคนอื่นเลยสักนิด ยิ่งเขาทำแบบนี้ยิ่งทำให้เธอนั้นตกหลุมรักเขามากขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไปเพราะกลัวเขาจะว่าตัวเองนั้นใฝ่สูง จึงได้แต่เก็บความรู้สึกตัวเองไว้ในใจคนเดียว เจเดนนวดเท้าให้เปรี้ยวนานพอสมควรจนเธอเริ่มรู้สึกดีขึ้นและก็ได้แต่มองโทรศัพท์ของเขาเพราะตั้งแต่เจเดนนั่งนวดเท้าให้เธออยู่ก็มีคนโทรเข้ามาไม่หยุดโดยไม่รู้ว่าเป็นใครโทรมาเพราะเจเดนนั้นคว่ำโทรศัพท์ไว้
“รับสายก่อนมั้ยคะ โทรมาไม่หยุดเลย อาจจะมีเรื่องด่วนก็ได้นะคะ”
เปรี้ยวพูดขึ้นทันทีเมื่อรู้สึกว่ามีคนโทรมาติดต่อกันไม่หยุดเพราะกลัวจะมีเรื่องด่วน
“เบอร์นี้โทรมาไม่เคยมีเรื่องสำคัญหรอก”
เจเดนตอบเปรี้ยวเสียงเรียบขณะที่สายตายังจดจ้องเท้าเธออยู่
“แต่หนูว่าสำคัญนะคะ โทรมาจนโทรศัพท์คุณจะไหม้แล้วเนี่ย รับเถอะค่ะ”
“อืม”
เมื่อเห็นเปรี้ยวพูดรบเร้าให้รับสายไม่หยุดเจเดนจึงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วยอมรับสายตามที่เธอบอก ที่เขาไม่อยากรับเพราะคนที่โทรมาก็คือเจด้าฝาแฝดของเขานั่นเอง เจเดนหยิบโทรศัพท์มากดรับสายแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร รอปลายสายพูดมาก่อน
(เจเดนนน นายเอาน้องสาวฉันไปไว้ที่ไหน บอกมาเดี๋ยวนี้นะไอ้แฝดบ้า นายแกล้งน้องฉันหรอยะ)
เจเดนถึงกับหลับตาเพราะแสบหูเมื่อได้ยินเสียงแว๊ดของเจด้า
“เป็นบ้าอะไรแต่เช้า ทั้งบ้านมีแค่ฉันกับเธอที่เป็นพี่น้องกัน พ่อกับแม่ไปแอบมีน้องตอนไหน”
(อย่ามากวนประสาทฉัน น้องเปรี้ยวอยู่ไหน ฉันไม่ได้เข้าผับแค่คืนเดียวนายก็แกล้งน้องแล้วหรอ ฉันไปดูกล้องวงจรปิดมา นายอุ้มน้องเปรี้ยวขึ้นรถไป นายเอาน้องไปไว้ไหนเจเดน บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ บอกมาทีเจเดนว่านายไม่ได้ทำอะไรน้องเค้าอย่าแกล้งน้องเค้าเลยนะฉันขอร้อง น้องเค้าเจออะไรมาบ้างนายรู้บ้างมั้ย บ้าเอ้ยย นายฟังฉันอยู่มั้ยเนี่ย ฉันเป็นห่วงเปรี้ยวจนแทบจะคลั่งอยู่แล้วนะเจเดน ขอร้อง บอกทีว่าน้องเค้าปลอดภัยดี)
เจเดนถึงกับชะงักเมื่อได้ยินคำพูดและน้ำเสียงที่สั่นเทาเหมือนจะร้องไห้ของเจด้าครั้งแรก ตั้งแต่โตมาด้วยกันเจด้าแทบจะไม่มีเรื่องเครียดหรือเป็นห่วงใครมากขนาดนี้เพราะเธอเป็นน้องสาวคนเล็กของเหล่าพี่น้องจึงได้รับความห่วงใยจากพี่ๆ มากกว่า ส่วนเปรี้ยวก็ได้แต่เงียบเสียงมองเจเดนด้วยความสงสัยเมื่อเห็นคิ้วหนาขมวดขึ้นเหมือนรู้สึกแปลกใจกับอะไรบางอย่าง
“ทำไมถึงได้กังวลเรื่องของคนอื่นแบบนี้”
เจเดนถามเจด้ากลับเสียงเรียบ
(ไม่รู้เหมือนกัน แต่ฉันรู้สึกถูกชะตา ฉันคิดว่าน้องเค้านิสัยเหมือนฉันกับแม่ ฉันรู้สึกรักและเอ็นดูตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอกับน้องเค้า เปรี้ยวทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวเองได้เป็นพี่สาวที่สามารถปกป้องน้องได้ นายรู้ดีกว่าใครไม่ใช่หรอเจเดนว่าฉันต้องการอะไร)
เจด้าพูดกับเจเดนด้วยน้ำเสียงอ่อนลง เรื่องที่เธอบอกว่าเขานั้นรู้จักเธอดีมากกว่าใครนั้นเป็นเรื่องจริงเพราะเจเดนรู้มาตลอดว่าสิ่งที่เจด้าต้องการคือการมีน้องสาวซึ่งเธอขอพ่อกับแม่มาตั้งแต่เด็ก แต่หลังจากที่แม่ของพวกเขาคลอดทั้งสองออกมาแล้วร่างกายกลับอ่อนแอป่วยง่าย คนเป็นพ่อจึงไม่กล้าที่จะมีลูกอีกเพราะไม่อยากเห็นภรรยาทรมานซึ่งตอนเด็กๆ เจด้าก็งอแงโกรธพ่อกับแม่อยู่บ่อยๆ เพราะไม่ยอมมีน้องให้ แต่พอโตขึ้นได้รู้เหตุผลจริงๆ เธอจึงเข้าใจและเลิกเซ้าซี้อยากมีน้องถึงในใจจะยังอยากมีก็ตาม เมื่อได้ยินคำพูดของเจด้า เจเดนจึงเปิดสปีกเกอร์โฟนแล้วยื่นให้เปรี้ยว จนเปรี้ยวได้แต่ทำหน้างงใส่เขา
“คุยกับเจด้าที จะได้รู้ว่าฉันไม่ได้แกล้งเธอ”
เจเดนบอกเปรี้ยวสั้นๆ
(น้องเปรี้ยวก็อยู่ตรงนั้นหรอ)
“สวัสดีค่ะพี่เจด้า เปรี้ยวเองนะคะ”
(งืออ น้องเปรี้ยววว เป็นยังไงบ้าง ขอโทษนะที่เมื่อคืนพี่ไม่ได้อยู่ด้วย ตกใจมากเลยใช่มั้ยน้องสาวพี่)
เปรี้ยวถึงกับน้ำตาคลอรู้สึกดีไม่น้อยเมื่อได้ยินน้ำเสียงห่วงใยของเจด้า จนเจเดนได้แต่สงสัยว่าที่ผ่านมาเธอนั้นเจออะไรมาบ้างถึงได้อ่อนไหวง่ายแบบนี้
“หนูไม่ได้เป็นอะไรเลยค่ะ คุณเจเดนมาช่วยไว้ทัน ขอโทษนะคะพี่เจด้าที่ไม่ได้บอกเรื่องที่หนูติดหนี้”
(หนี้เราที่ไหน หนี้ของพ่อต่างหาก พี่ไปจัดการไอ้พวกเจ้าหนี้มาแล้วนะ ถึงตอนนี้มันจะนอนหยอดข้าวต้มก็ตามพี่ก็ไม่คิดจะปราณีหรอกนะ กล้ามาทำร้ายน้องสาวพี่มันต้องเจอมากกว่านอนรักษาแผลฟกช้ำที่โรงพยาบาล)
“เธอไปทำอะไรพวกมัน”
เจเดนถามเจด้าทันทีเมื่อได้ยินว่าแฝดตัวเองไปยุ่งกับพวกนั้น
(ก็ไม่ได้ทำอะไรมาก เห็นว่ามือยังไม่หักก็เลยไปหักเล่นๆ ให้พวกมันมีแผลเพิ่มแค่นั้น ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ลีวายเคลียร์กล้องวงจรปิดให้แล้ว ไม่มีใครรู้แน่นอน น้องเปรี้ยวอยู่ไหนเดี๋ยวพี่ไปรับมานอนกับพี่)
“ไม่ต้องยุ่ง ตอนนี้เปรี้ยวอยู่ในความดูแลของฉัน ฉันจะจัดการเอง รู้ว่าปลอดภัยแล้วก็เลิกโทรจิกฉันสักที”
พูดจบเจเดนก็กดตัดสายเจด้าไปทันทีแล้วรีบปิดเครื่องเพราะรู้ว่าเจด้าต้องโทรมาอีกแน่นอน
“เอ้า! คุณเจเดน หนูยังคุยกับพี่เจด้าไม่จบเลยนะคะ”
เปรี้ยวพูดขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นเจเดนวางสายเจด้าไป
“คุยอะไรมากมาย ยัยนั่นพูดเสียงดังผ่านโทรศัพท์จนฉันปวดหัวแล้วนิ”
เจเดนบ่นใส่เปรี้ยวเสียงเรียบ
“งั้นหนูยืมโทรศัพท์คุณโทรคุยกับพี่เจด้าหน่อยได้มั้ยคะ เดี๋ยวหนูไปคุยไกลๆ ก็ได้ค่ะ”
เปรี้ยวพูดกับเจเดนแล้วตั้งท่าจะหยิบโทรศัพท์เขาแต่ก็ต้องชะงักเมื่อเจเดนนั้นหยิบโทรศัพท์ไปวางไว้ข้างๆ เขาก่อน
“เปรี้ยว ฉันบอกว่าฉันปวดหัว”
“ปวดหัวก็ไปกินยาสิคะ มาบอกหนูทำมะ....อื้อออ!”
เปรี้ยวถึงกับต้องกลืนคำพูดลงคอเมื่อโดนเจเดนโน้มหน้ามาจูบปากเธอแบบไม่ทันตั้งตัว