“ขอบคุณนะคะพี่ที่ช่วยหนูไว้”
เมื่อขึ้นรถแล้วเปรี้ยวก็พูดขอบคุณและยกมือไหว้เจด้าที่มาช่วยเธอไว้
“เรื่องเล็กน้อยจ้ะ พี่ชื่อเจด้านะ น้องชื่ออะไรหรอ”
เจด้าเอ่ยถามเปรี้ยวด้วยรอยยิ้ม
“เปรี้ยวค่ะ”
เปรี้ยวตอบเจด้าด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ทำไมถึงมาทำงานแบบนี้ล่ะ ดูท่าน้องไม่น่าจะชอบนะ หรือจำเป็นต้องใช้เงินหรอ ขอโทษนะที่ถามมากไป ไม่ต้องตอบพี่ก็ได้นะถ้าลำบากใจ”
เจด้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเพราะรู้สึกถูกชะตากับเปรี้ยวเป็นอย่างมากถึงได้ตัดสินใจเข้าไปช่วยเธอไว้
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูตอบได้ คือหนูต้องหาเงินใช้เองค่ะ พอดีหนูไม่ได้มีคนคอยช่วยเรื่องค่าใช้จ่าย”
เปรี้ยวตอบเจด้าไปตามตรงแต่ไม่ได้บอกเรื่องที่ต้องใช้หนี้แทนพ่อ
“แบบนี้นี่เอง แล้วยังเรียนอยู่ใช่มั้ย ถึงได้เลือกทำงานตอนกลางคืน”
เจด้าถามเปรี้ยวอย่างเป็นกันเองเพื่อไม่ให้เธอเกร็ง
“หนูเรียนพยาบาลปีหนึ่งที่มหาลัย xxx ค่ะ หนูสอบชิงทุนเรียนมาถึงมหาลัยจะให้เรียนฟรีแต่ก็มีค่าใช้จ่ายประจำวันหนูเลยต้องหางานทำตอนกลางคืน”
“เก่งจัง สอบชิงทุนได้ด้วย น้องนี่สุดยอดเลย”
เจด้าพูดชมเปรี้ยวด้วยรอยยิ้มทำเอาเปรี้ยวถึงกับน้ำตาคลอเบ้าเพราะเป็นครั้งแรกที่มีคนชื่นชมเธอแบบนี้ ทางด้านเจด้าเมื่อหันมามองเปรี้ยวก็หุบยิ้มทันทีเมื่อเห็นคนข้างๆ ทำหน้าซึมน้ำตาคลอ
“เป็นอะไร พี่พูดอะไรผิดไปรึเปล่า ขอโทษนะ พอดีพี่เป็นคนที่อยากจะพูดอะไรก็พูดออกมาเลยไม่ได้คิดว่าคำพูดจะทำให้น้องรู้สึกอะไรรึเปล่า”
เจด้าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด เพราะคิดว่าตัวเองพูดอะไรที่ไม่ควรออกไป
“ไม่ค่ะๆ ไม่ใช่แบบนั้น คือหนูแค่รู้สึกดีมากจนอยากร้องค่ะ พี่เป็นคนแรกที่ชมหนูแล้วก็เป็นคนแรกที่คุยกับหนูอย่างเป็นกันเอง คือ…ตอนอยู่มหาลัยหนูไม่มีเพื่อนค่ะ ในห้องมีหนูเป็นเด็กทุนคนเดียวไม่ได้มีฐานะเหมือนคนอื่น เพื่อนในห้องเลยไม่ค่อยอยากจะคบด้วย แต่ก็ดีแล้วล่ะค่ะที่เป็นแบบนี้ ถ้าเพื่อนชวนไปเที่ยวหนูก็ไม่มีเงินเที่ยวกับเค้าอยู่ดี”
เปรี้ยวรีบพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นเจด้าพูดรู้สึกผิด จนเจด้าหันมามองอย่างเห็นใจ
“สังคมผู้ดีชอบเหยียดคนอื่นสินะ เกลียดจริงๆ คนแบบนี้ พี่ก็เรียนมหาลัยเดียวกันกับน้องนะ แต่เรียนนิเทศ เอางี้มั้ย เรามาแลกเบอร์กับไลน์กันวันไหนพักเที่ยงพร้อมกันก็ไปกินข้าวกับพี่ มีอะไรปรึกษาพี่ได้ตลอดเลย อ้อ! แล้วเรื่องงานน้องมาทำงานที่ผับพี่มั้ย ทำแผนกจ่ายเครื่องดื่มให้เด็กเสิร์ฟกับเช็ครายการเครื่องดื่มที่ต้องสั่งเพิ่มต่อวัน ค่าแรงวันละห้าร้อย ถ้าทำโอทีเกินเที่ยงคืนก็จะได้ค่าโอทีด้วย สนใจมั้ย”
“งืออ สนใจค่ะพี่เจด้า ขอบคุณมากๆ นะคะ พี่เหมือนนางฟ้ามาโปรดของหนูเลย”
เปรี้ยวรีบยกมือไหว้ขอบคุณเจด้าด้วยความดีใจเมื่อเจด้าเสนองานให้ ทำเอาเจด้าถึงกับหลุดขำเอ็นดูกับท่าทางดีใจของเปรี้ยว
“งั้นพรุ่งนี้เลิกเรียนแล้วไปที่ผับพี่นะ เดี๋ยวพี่ส่งโลเคชั่นไปให้ต้องไปรายงานตัวกับพี่น้องของพี่อีกสองคนที่เป็นหุ้นส่วนกัน”
“ได้ค่ะ หนูจะรีบไปเลยค่ะ”
เปรี้ยวรับคำเจด้าด้วยรอยยิ้ม ระหว่างขับรถอยู่สองสาวก็คุยกันอย่างถูกคอเพราะเป็นคนพูดเก่งเหมือนกันจนเจด้าขับรถมาถึงห้องพักของเปรี้ยว ก็ให้เงินชดเชยวันนี้กับเธอสองพันบาท เปรี้ยวพยายามปฏิเสธไม่รับเพราะมันเยอะเกินค่าแรงแต่ก็สู้ความดื้อของเจด้าไม่ได้ต้องรับไว้อยู่ดี เมื่อเข้ามาในห้องแล้วเปรี้ยวก็อาบน้ำเข้านอนเป็นครั้งแรกที่เธอได้นอนอย่างสบายใจเพราะไม่ต้องคิดมากเรื่องหางานทำ
เช้าวันต่อมา เปรี้ยวก็เดินมามหาลัยเหมือนเดิมเพราะเริ่มชินและเหมือนได้ออกกำลังกายด้วย เมื่อเข้ามาในมหาลัยแล้วเธอก็เดินมาทางตึกวิศวะเหมือนเดิม
“วันนี้เรียนห้องไหนล่ะเนี่ย อ๊ะ!”
ขณะที่เปรี้ยวกำลังเดินก้มหน้าก้มตาดูตารางเรียนในโทรศัพท์ก็ต้องร้องเจ็บออกมาเมื่อดันเดินไปชนแผ่นหลังของใครบางคน
“ขอโทษค่ะ เอ้า! คุณ”
เปรี้ยวรีบขอโทษคนที่ตัวเองเดินชน ก็ต้องยิ้มกว้างออกมาเมื่อเงยหน้าขึ้นมองเห็นเป็นเจเดน ถึงเขาจะทำหน้านิ่งขรึมใส่เธอแต่เปรี้ยวก็ไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด
“ซุ่มซ่าม”
เจเดนพูดใส่เปรี้ยวสั้นๆ เสียงดุ เพราะเขากำลังยืนคุยโทรศัพท์กับพ่อตัวเองอยู่หน้าตึกก็มีคนมาเดินชนหลังเขาจนต้องหันไปมองด้วยความไม่พอใจ และตกใจเล็กน้อยที่คนเดินมาชนดันเป็นคนที่ชอบมาวุ่นวายกับเขาถึงสองครั้ง
“หนูไม่ได้ซุ่มซ่ามค่ะ แค่ไม่เห็นคุณยืนตรงนี้แค่นั้นเอง ก็ตรงนี้มันทางเดินใครจะคิดว่าจะมีคนยืนล่ะคะ”
เปรี้ยวเถียงเจเดนกลับอย่างไม่ยอม
“แหกตาดูบ้างว่ามันใช่ทางเดินมั้ย”
เมื่อได้ยินเสียงดุของเจเดน เปรี้ยวก็ก้มมองตำแหน่งที่เธอยืนถึงกับหน้าเสีย เพราะตัวเองดันเผลอเดินมาตรงพื้นหญ้าข้างทางเดิน
“อุ๊ย! ไม่ใช่ทางเดิน แฮร่ ขอโทษค่ะ พอดีก้มดูตารางเรียนเพลินไปหน่อย”
เปรี้ยวพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มแห้งใส่เจเดน ส่วนเจเดนก็ได้แต่มองเปรี้ยวด้วยสายตานิ่งขรึมไม่พอใจแล้วตั้งท่าจะเดินไปก็ต้องชะงักเมื่อเปรี้ยวมาจับแขนเขาไว้ เจเดนจึงสลัดแขนเธอทิ้งจนเปรี้ยวนั้นตกใจเล็กน้อย
“หนูแค่จะถามเรื่องแผล เหมือนคุณจะยังไม่ล้างแผลหรอ ข้ามวันแล้วนะคะ”
เปรี้ยวรีบพูดขึ้นทันทีเมื่อเจเดนหันมามองเธอด้วยความไม่พอใจ
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ”
เจเดนตอบเปรี้ยวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่ใช่เรื่องของหนูได้ไง ก็หนูเป็นคนทำแผลให้ ถ้าไม่ล้างแผลมันจะอักเสบนะคะ”
เปรี้ยวพูดตอบเจเดนอย่างไม่ยอม
“ร่างกายของฉัน ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน นี่เธอ! ทำบ้าอะไร”
เจเดนถึงกับตกใจเมื่ออยู่ดีๆ เปรี้ยวก็มากอดแขนเขาไว้ไม่ยอมปล่อย
“ถ้าคุณไม่ยอมให้หนูทำแผลให้ หนูไม่ยอมปล่อยมือออกจากแขนคุณแน่นอนค่ะ หนูล้างแผลให้แป๊บเดียว ถ้าไม่ให้หนูทำเกิดแผลคุณติดเชื้อหนูรู้สึกผิดเลยนะคะ นะคะๆๆ ให้หนูล้างแผลให้ สัญญาจะไม่ให้นิ้วโดนหน้าคุณเด็ดขาด น๊า”
เปรี้ยวพูดอ้อนเจเดนพร้อมกับทำหน้าอ้อนๆ ใส่เขา จนเจเดนเริ่มรู้สึกรำคาญพยายามแกะมือเธอออกแต่เธอยิ่งกอดเขาแน่นแถมยังเอาขามาเกี่ยวขาเขาไว้อีกทำเอาเจเดนถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“ก็ได้ ปล่อยฉันได้แล้ว จะทำก็รีบทำ อย่าช้าฉันมีเรียน”
เมื่อเจเดนยอมให้เธอทำแผลแล้ว เปรี้ยวก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างพอใจแล้วปล่อยเจเดนทันที เมื่อเธอปล่อยมือแล้วเจเดนก็เดินไปนั่งตรงม้านั่งใกล้ที่พวกเขายืนอยู่โดยมีเปรี้ยวเดินตามจากนั้นเปรี้ยวก็เริ่มทำแผลให้เธอทันที ทำเอาลีวายและว่านที่พึ่งมาถึงกับอ้าปากค้างตกใจเมื่อเห็นมีผู้หญิงกำลังนั่งอยู่กับเจเดนแถมยังสามารถเข้าใกล้เจเดนโดยที่ไม่โดนเจเดนไล่อีก
“ไอ้ลี มึงตบกูที กูตาฝาดไปรึเปล่าวะ มีสาวสวยนั่งกับคุณเจเดนใช่มั้ยวะ โอ๊ย! ไอ้สัส ตบเบาๆ ก็ได้”
ว่านด่าลีวายทันทีเมื่อโดนเพื่อนตบอย่างแรง
“ก็มึงให้กูตบ กูก็ตบสิ ตบเบาเดี๋ยวมึงไม่รู้สึก อย่าพึ่งเถียงกัน สนใจภาพหายากตรงหน้าก่อน เดี๋ยวนะ นั่นน้องผู้หญิงที่มาขอสมัครงานวันก่อนนิ”
ว่านพูดขึ้นทันทีเมื่อเห็นหน้าเปรี้ยวชัดๆ ตอนหันมาหยิบของ เพราะเขาจำสาวสวยที่ยุให้เจ้านายตัวเองลงไปดูได้
“หรอวะ น้องคนนี้อยู่ในเหตุการณ์ตอนที่คุณเจเดนโดนชนด้วยเหมือนกัน กูว่าเรามีแววจะได้นายหญิงแล้วแน่ๆ ฮ่าๆ ขึ้นห้องเรียนเถอะ อย่ากวนเวลาสวีทหวานเจ้านายเลย”
ว่านพยักหน้าให้ลีวายแล้วทั้งสองก็เดินเลี่ยงไปอีกทางเพื่อไม่ให้เจเดนเห็น ทางด้านเจเดนที่นั่งให้เปรี้ยวล้างแผลก็เผลอมองหน้าเธอไม่วางตาในใจรู้สึกแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูกเพราะตัวเขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ส่วนเปรี้ยวก็ตั้งใจทำแผลให้เจเดนโดยไม่รู้ว่าเจเดนนั้นจ้องมองเธอตลอด
“ขอถามอะไรหน่อยได้มั้ยคะ”
ขณะที่กำลังปิดแผลให้เจเดนเปรี้ยวก็พูดขึ้นทันที
“อะไร”
เจเดนถามกลับสั้นๆ เสียงแข็ง
“คุณใช้ครีมอะไรหรอคะ ผิวคุณดีมากเลย หน้าเนียนสุดๆ ครีมที่ใช้คงจะแพงน่าดู”
เปรี้ยวเอ่ยถามเจเดนไปตรงๆ ทำเอาเจเดนถึงกับทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยมีใครถามเขาแบบนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมายังนิ่งขรึมปกติเหมือนเดิม
“ฉันไม่ชอบให้ใครถามเรื่องส่วนตัว”
“แค่ถามเรื่องครีมก็ไม่ได้หรอคะ”
เจเดนถึงกับมองตาขวางใส่เปรี้ยวเมื่อเธอพูดสวนกลับเขาอย่างเร็ว
“โอเคค่ะ ไม่ถามก็ได้ค่ะ มองซะดุเชียว เสร็จแล้วค่ะ ช่วงนี้คุณต้องล้างแผลทุกวันก่อนนะคะ ถ้าล้างเองไม่ได้ก็ให้แฟนล้างให้ก็ได้ หรือถ้าแฟนคุณล้างไม่เป็นก็ดูในยูทูปเอาก็ได้ค่ะ ง่ายนิดเดียว”
เปรี้ยวพูดแนะนำเจเดนด้วยน้ำเสียงจริงๆ เพราะคิดว่าเขามีแฟนแล้ว
“ฉันพูดตอนไหนว่ามีแฟน”
“คุณยังโสดหรอคะ”
เจเดนถึงเอนหลังหนีด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ดีๆ เปรี้ยวก็โน้มหน้ามาใกล้เขาจนจมูกเกือบจะชนกันด้วยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ
“อ๊ะ!”
เปรี้ยวถึงกับร้องเจ็บเมื่อเจเดนใช้มือผลักหน้าผากเธอออกจนเธอเกือบหงายหลังตกม้านั่ง
“งืออ มือหนักจัง คุณรู้จักคำว่าอ่อนโยนกับผู้หญิงมั้ยเนี่ย”
เปรี้ยวแว๊ดเสียงใสเจเดนด้วยความตกใจเพราะไม่คิดว่าเขาจะทำเธอแรงขนาดนี้
“ใครใช้ให้เธอเอาหน้ามาใกล้ฉัน บอกแล้วไงว่าฉันไม่ชอบให้ใครเข้าใกล้ไม่ชอบให้มาจับหน้า”
เจเดนพูดเสียงแข็งใส่เปรี้ยว
“หนูก็ไม่ได้จับนี่คะ โอเคๆ ไม่เถียงแล้วค่ะ ว่าแต่คุณไม่มีแฟนหรอคะ”
เปรี้ยวยกธงขาวยอมหยุดเถียงเมื่อเห็นเจเดนส่งสายตาดุมาให้เธอ
“ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องรู้”
“แต่หนูอยากรู้”
เปรี้ยวยังพูดต่อปากต่อคำกับเจเดนกลับ ทำเอาเจเดนถึงกับไม่พอใจ
“จะอยากรู้ไปทำไม ถ้าฉันไม่มีแฟน เธอจะมาจีบฉันรึไง”
“ถ้าหนูจีบ คุณจะให้จีบมั้ยล่ะคะ”