“พอใจสวัสดีค่ะคุณลุงก่อนสิลูก”
เจ้าของบ้านแนะนำเด็กน้อยกับผู้มาใหม่
เด็กน้อยพนมมือเล็กพร้อมก้มศรีษะไหว้อย่างที่ถูกฝึกมาอย่างดี ทำเอาคนมองมองด้วยสายตาเอ็นดูไม่ต่างจากคนแนะนำ
“สวัสดีค่ะคุณลุง”
ธรรศกระตุกยิ้มมองแม่สาวตัวน้อยก่อนปรายตาคมดำดุมองไปทางมารดาของเด็กหญิง ทักทายด้วยน้ำเสียงห่างเหินเต็มที
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะพี่ธรรศ”
หญิงสาวจึงต้องยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างเสียมิได้ ใจนึกค่อนขอดเพื่อนที่ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าธรรศเดินทางไปธุระที่ต่างประเทศเรียบร้อยแล้ว ไหนจะป้าของเธออีกคน
“ป้านึกว่าธรรศไปดูงานที่สิงคโปร์แล้วเสียอีก”
ชื่นจิตต์ถามชายหนุ่ม เพื่อไขข้อข้องใจให้คนที่ยืนหน้าเรียบตึงข้างๆ
“เลื่อนออกไปครับ พอดีมีธุระต้องเคลียร์ทางนี้ก่อน”
มัชฌิมาคาดว่าตนเองคงคิดมากไปที่เห็นสายตาคมดุมองปราดมาทางเธอเมื่อเอ่ยประโยคท้าย จึงทำทีเป็นตามไปดูบุตรสาวที่วิ่งไปยังสระน้ำข้างบ้าน ชายหนุ่มมองตามสองสาวไปแบบไม่วางตา คนเป็นเจ้าของบ้านจึงชวนแบบทุกที เพราะธรรศมักแวะซื้อผักผลไม้และอยู่กินข้าวด้วยเสมอ
“แล้วนี่ กินข้าวมาหรือยัง”
“ยังครับ กะว่าจะมารบกวนป้าชื่นนี่ละครับ”
“รบกวนอะไรกัน ป้าทำกับข้าวเยอะแยะ ไว้รออยู่แล้ว” แล้วเรียกมัชฌิมาให้เข้าไปช่วยเตรียมอาหารในครัว“อุ่นไปช่วยป้าเตรียมของกันเถอะลูก”
“พอใจไปกับคุณแม่เร็ว”
มัชฌิมาบอกเมื่อบุตรสาวยืนนิ่ง ขืนตัว ไม่ยอมตามไปกับแรงจูงของมารดา สายตามองจ้องไปที่ชายคนเดียวตรงนั้น ก่อนบอกกับมารดา ที่ทำเอาหัวใจคนฟังกระตุกขึ้นมาอีกครั้ง
“พอใจขอเล่นกับคุณลุงได้ไหมคะ”
“มากับแม่ดีกว่า รบกวนคุณลุงป่าวๆนะคะ”
ธรรศมองท่าทางของคนหวงลูกแล้วนึกหยัน ก่อนจะทอดเสียงนุ่มกับเด็กน้อย ดูราวหลอกล่อมากกว่าจะเป็นคุณลุงใจดีในสายตาของคนเป็นแม่
“ลุงจะพาไปดูผีเสื้อตัวเล็กๆทางนู้น... ไม่รู้ว่ามีใครเคยเห็นหรือยัง”
“ยังค่า...”
สาวน้อยตอบรับทันที ทำเอาคนเป็นแม่อดมองบุตรสาวอย่างปรามๆไม่ได้ อ้าปากจะห้าม แต่แม่หนูน้อยก็หันไปคุยกับคุณลุงตัวโตๆว่า “คุณลุงอุ้มพอใจไหวไหมคะ” สาวน้อยยิ้มประจบ อ้าแขนสองข้างยื่นรอท่า บุตรสาวเธอไม่เคยออดอ้อนใคร ประจบใครแบบนี้มาก่อน เหตุใดจึงกล้ากับเขานัก มัชฌิมามองอย่างไม่สบายใจ
แล้วธรรศก็ย่อตัวลงอุ้มแม่หนูไว้ในอ้อมอกพาเดินไปอีกทางด้วยกัน
มัชฌิมามองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกปั่นป่วนในใจ เสี้ยววินาทีที่ตาดำดุหันกลับมาสบเข้ากับเธอขณะอุ้มบุตรสาวอยู่นั่นทำเอาเธอร้อนวูบวาบจนต้องหลบเมินไปทางอื่นในที่สุด
ป้าหลานพากันเข้าไปในครัวได้ครู่เดียวชื่นจิตต์ถามทำลายความเงียบขึ้นมา
“ป้าเกือบลืม ใช่เดือนนี้รึเปล่าครบรอบวันตายพ่อนิล”
“ค่ะคุณป้า”
“น่าเสียดายนะ ยังหนุ่มยังแน่น หน้าลูกก็ไม่ทันได้เห็น เราน่ะยังสาวก็ต้องมาเป็นหม้ายเสียแล้ว ไม่คิดจะมองหาใครใหม่รึไง”
“คุณป้าคะ เลิกพูดแบบนี้เถอะค่ะ”
แล้วจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปเป็นเรื่องอื่นจวบจนเตรียมตั้งโต๊ะจนเสร็จสิ้นพอดี ชื่นจิตต์เตรียมต้มจับฉ่ายใส่ฟองเต้าหู้และซี่โครงอ่อนตุ๋นจนเปื่อย พร้อมหมูกะปิแนมผักสดในสวน จำพวกแตงกวา ถั่วพู มะเขือเปราะ และไข่เจียวปูของโปรดของหลานสาวและผัดผักอีกรายการ ตบท้ายด้วยกล้วยบวชชีจากกล้วยในสวนไว้ท่า
แล้วบอกให้มัชฌิมาออกไปตามอีกสองคนมากินข้าว
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสนุกสดชื่นเมื่อเด็กน้อยมีคำถามและคำพูดแปลกๆออกมาเรื่อยๆทำเอาผู้ใหญ่อีกสามคนฟังแล้วต้องยิ้มตามอย่างเสียมิได้ จนจบมื้ออาหารแล้วนั่น จึงมองเห็นว่าสีหน้าของผู้เป็นป้าไม่ดีนัก ถามขึ้นเมื่อเห็นท่านจับขอบโต๊ะอาหารคล้ายพยุงตัวเองเอาไว้
“คุณป้าเป็นอะไรรึเปล่าคะ”
ชื่นจิตต์ยังไม่ทันตอบ เซถลาลงเกือบล้ม ดีแต่ว่าเธอเข้าไปประครองเอาไว้ทัน อุทานเรียกท่านเพราะท่าทางผู้เป็นป้าดูแย่จนน่าตกใจ
“คุณป้าคะ! ”
ก่อนที่ธรรศจะตรงเข้ามาอุ้มขึ้นรถ พาส่งโรงพยาบาลในเวลาถัดมา