หลังส่งผู้เป็นป้าเข้าห้องฉุกเฉินได้สักพัก แพทย์เวรออกมาบอกกับเธอว่า
“คงต้องนอนรอดูอาการสักคืนนะคะ”
มัชฌิมาหน้าเครียดทันที แล้วขออนุญาตแพทย์ผู้ตรวจ“ขอดิฉันเข้าไปดูท่านด้านในได้ไหมคะ”
เมื่อแพทย์อนุญาตแล้วจึงอุ้มบุตรสาวโดยมีธรรศตามมาไม่ห่าง เมื่อเห็นว่าผู้เป็นป้านอนนิ่งบนเตียงมีสายน้ำเกลือที่หลังมือข้างหนึ่ง แต่ใบหน้ายังคงซีดเซียวอยู่จึงเอ่ยถามอย่างกังวลใจ
“คุณป้า เป็นยังไงบ้างคะ”
“ไม่เป็นอะไรหรอกลูก กลับบ้านไปพักผ่อนก่อนเถอะไป”
“อุ่นเฝ้าคุณป้าดีกว่าค่ะ”
“ไม่ต้องๆ ลูกเราจะอยู่ยังไง โรง’บาลเชื้อโรคเยอะแยะ เดี๋ยวป้าให้ยัยส้มมาเฝ้าก็ได้”
ท่านหมายถึงรุ่นน้องพยาบาลที่ยังไม่เกษียนและพอทราบข่าวก็เต็มใจจะมาดูแล “พ่อธรรศ ป้าฝากสองแม่ลูกด้วยนะ”
ชื่นจิตต์เอ่ยปากกับชายหนุ่ม แต่มัชฌิมาแปร่งหูกับประโยคนั้นเหลือเกิน ถอนลมหายใจอย่างเครียดๆ เพราะไม่บ่อยเลยที่จะเห็นป้าต้องล้มหมอนนอนเสื่อตั้งแต่เติบโตมา มีเพียงครั้งเดียวที่ท่านผ่าตัดไส้ติ่งเมื่อตอนเธอเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยปีที่หนึ่งนั่น
“ครับคุณป้า”
เมื่อช่วยดูแลและเห็นสมควรแก่เวลาแล้วจึงร่ำลาท่าน พาออกมายังรถของธรรศที่จอดรอบริเวณลานจอดรถของโรงพยาบาล
ฝนเริ่มลงเม็ดตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ระยะทางจากบ้านชื่นจิตต์ถึงโรงพยาบาลเกือบสามสิบกิโลเมตรซึ่งจะว่าไกลก็ไกลจะว่าไม่ก็ไม่ เพราะเป็นลาดยางตลอดเส้นทาง แต่เพราะตอนนี้ฝนที่เริ่มลงเม็ดชักตกลงหนักขึ้นทุกทีจึงทำให้ระยะเวลาบนถนนนานยิ่งขึ้นไปอีก
เสียงคุยจากบุตรสาวกับชายหนุ่มสารถีโต้ตอบสนทนากันมาตลอดตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล จนเกือบๆถึงแล้วนั่นที่แม่ตัวดีหลับซบกับอกของมารดา เมื่อจอดรถลงแล้วธรรศถามขึ้นเบาๆด้วยกลัวจะรบกวนเด็กหญิง แต่ฟังดูห่างเหินเต็มที
“กุญแจบ้านล่ะ”
มัชฌิมาใช้มือข้างที่อยู่ใกล้กระเป๋าที่สุดเอี้ยวหยิบเพราะวางมันไว้ที่วางตรงเท้า ท่าทางที่ดูทุลักทุเลเพราะกลัวบุตรสาวที่เพิ่งหลับไปจะตื่นทำให้ธรรศต้องโน้มตัวมาดึงออกไปแทน ถามเสียงกระด้างเล็กน้อย
“มีอะไรสำคัญในนี้รึเปล่า”
“ไม่มีค่ะ”
“พี่จะหยิบกุญแจแล้วไปเปิดบ้านรอ”
มัชฌิมาเม้มปากนิดๆอึดอัดกับความชิดใกล้ของเขาที่ดูจะมากขึ้นทุกขณะ แม้เขาจะไม่ตั้งใจก็ตามที แต่เธอห้ามหัวใจไม่ให้สั่นไหวไม่ได้เลยสักครั้งเมื่อต้องมองตา อยู่ใกล้ และพูดคุยกับเขา
ธรรศเปิดประตูงับลงแผ่วเบาก่อนจะเดินไปเปิดประตูบ้านรอ หาร่มมากางบังฝนให้แม่หนูน้อยที่หลับลงไปแล้ว เขาตรงมารับด้วยการเปิดประตูรถฝั่งที่เธอนั่งออก กางร่มรอรับ
หญิงสาวกระชับอ้อมแขนจนแนบอกแล้วค่อยๆพาตนเองลงจากรถ เดินเข้าบ้านโดยมีคนตัวโตกว่าเธอเกือบเท่าตัวคอยกางร่มและเดินตามมาส่งจนถึงประตูบ้าน
เธอหอบบุตรสาวพาไปยังเตียง ค่อยๆวางตะแคงลงแผ่วเบา ตบก้นลูกรัก เมื่อเจ้าตัวแบะหน้าจะร้องเพราะถูกเปลี่ยนท่าจนเคลิ้มหลับไปอีกครั้งนั่นจึงหาผ้ามาห่มคลุมจึงลุกออกจากที่นอนได้
พลันร้อนวาบทั่วเรือนกายเมื่อสบสายตาดำดุของเขาตรงประตูที่กำลังมองมาด้วยสายตาเหยียดหยัน ไม่รู้ว่าธรรศมองอยู่นานแค่ไหนแล้ว เพราะแค่เพียงแวบเดียวยังทำเอาเธอประหม่าจนทำตัวไม่ถูก
อดเม้มปากด้วยความรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองไม่ได้ แล้วนึกได้ว่าควรให้เขากลับไปเสียที เธอคงสบายใจกว่านี้หากได้อยู่ห่างๆจากธรรศบ้าง
พรุ่งนี้เธอจะออกไปดูอาการคุณป้าแต่เช้า อยู่ในมือหมอไม่มีอะไรให้ต้องห่วงเผลอๆคงกลับบ้านได้ เธอจะอยู่ดูท่านอีกสักสองสามวันและจะกลับเช่นกัน แม้ใจจริงจะอยากกลับตอนนี้เลยก็ตาม
“พี่ไม่รู้มาก่อนว่าอุ่นมีลูก”
ธรรศถามเสียงขรึม มุมปากยิ้มเหยียดๆ
“มันไม่ได้สำคัญที่พี่ธรรศต้องรู้นี่คะ ทับทิมสบายดีรึเปล่าคะ”
เธอพยายามออกจากเรื่องของตนเองและถามถึงแฟนของเขาแทน
“มาถามอะไรพี่ละ ไม่ถามเจ้าตัวเอาเอง”
เพราะติดต่อกับนลินีอยู่บ้าง ฝ่ายนั้นจะโทรมาคุยด้วย บอกเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ตามประสาคนช่างพูด รวมถึงเรื่องที่จะแต่งงานกับธรรศในเร็ววันนี้ด้วย จะแปลกอะไรหากเธอจะถามถึงแฟนของเขาที่กำลังจะเป็นว่าที่ภรรยาในอนาคตอันใกล้
“อีกหน่อยพี่ธรรศกับทับทิมก็เปรียบเสมือนบุคคลเดียวกันอยู่แล้ว แค่เรื่องเป็นอยู่ ว่าสุขสบายหรือไม่ตอบแทนไม่ได้เชียวเหรอคะ”
“เรื่องของอนาคตพี่ขี้เกียจจะพูดถึง...ทำไมไม่พูดถึงอดีตละอุ่น เรายิ่งกว่าคนคนเดียวกันเสียอีก ถ้าอุ่นไม่ทิ้งพี่ไปเสียก่อน”
เขาพูดพร้อมเดินเข้ามาหยุดยืนตรงหน้าเธอเมื่อจบประโยคพอดี มัชฌิมาเบือนหน้าหนีด้วยว่าสู้สายตาดำดุคู่นี้ไม่ไหว
“หยุดพูดเรื่องเก่าๆเถอะค่ะ จะกลับเลยรึเปล่าคะ อุ่นจะไปส่ง…”
แสงไฟในบ้านดับพึ่บลงมาทันที ก่อนที่เธอจะพูดจบประโยคเสียอีก
“ฮึ ฝนตก ไฟดับ เหมือนวันนั้นเลยนะ”
เสียงเข้มขรึมของเขารื้อฟื้นอดีตที่เธอเองก็ลืมไม่ได้เช่นกัน
ดีที่มีความมืดช่วยพรางตา มันทอนความอึดอัดระหว่างเธอและเขาได้มากโขอยู่ นึกขอบคุณความมืดก็วันนี้นี่เอง เธอจึงเชิดหน้าบอก แม้น้ำเสียงติดจะสั่นๆเล็กน้อยก็ตาม
“อุ่นสมองปลาทอง จำอะไรไม่ค่อยเก่งหรอกค่ะ”
แปลกที่แม้แต่ในความมืดเธอจะมองเห็นสายตาดำดุไม่ชัดนัก แต่สัมผัสได้ถึงความอัดอยู่ในอารมณ์รุนแรงของเขา ประกอบคำพูดหนักแน่น ที่ทำเอาคนฟังต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอเอื๊อกใหญ่ๆ อาการร้อนวูบปรากฏทั่วใบหน้างามอีกครั้ง
“ไม่เห็นเหมือนพี่เลย พี่จำอุ่นได้ทุกซอกทุกมุมเชียวละ”
“…”
“แต่พี่ก็ไม่นิยมเอาของเก่าคนอื่นมากินนะ โดยเฉพาะของชนินทร์”
คำพูดของเขาทำให้คนฟังอย่างเธอหน้าชา นึกหาคำโต้ตอบไม่ทัน ธรรศออกไปแล้ว ทิ้งให้เธอยืนเม้มริมฝีปากแน่นเพราะเจ็บปวดกับคำพูดรุนแรงของเขา ทนเอาหน่อยอีกไม่กี่วันหรอกเธอก็จะไปเช่นกัน และคงจะไม่มาเหยียบที่นี่อีก จะได้ไม่ต้องเจอเหตุการณ์แบบคราวนี้