bc

ซ่อนดวงใจใต้รอยรัก

book_age16+
527
FOLLOW
4.8K
READ
drama
sweet
humorous
heavy
lighthearted
serious
kicking
like
intro-logo
Blurb

เพราะเหตุใดธรรศและมัฌชิมาจึงหันหลังจากกัน ซ้ำร้ายความสัมพันธ์คืนเดียวยังสร้างดวงใจน้อยๆน่าหลงใหล แต่ถูกซ่อนเร้นภายใต้รอยรักของคนทั้งคู่อีกด้วย

“ยัยหนูเป็นลูกของใครกันแน่”

มัชฌิมาคงไม่รู้ตัวว่าตนเองหายใจลึกและยาวราวกับต้องการสงบสติอารมณ์ก่อนตอบเขาแบบกำปั้นทุบดิน

“จะลูกใครก็ลูกอุ่นสิคะ”

“พี่หมายถึงว่าใครคือพ่อของยัยหนู”

“...พี่ธรรศลืมไปหรือเปล่าคะว่าอุ่นแต่งงานกับพี่นิล และเราก็มียัยหนู”

“อย่างนั้นหรอกเหรอ...อยากรู้ไหมว่าพี่ได้หลักฐานอะไรของพอใจมา”

เขาถามด้วยท่าทีคล้ายเป็นต่อ

คนเป็นแม่กางปีกป้องทันที นึกกังวลตามหากเป็นอย่างที่เขาพูด เรื่องจะยุ่งไปกันใหญ่

“อย่ายุ่งกับอุ่นและลูกนะคะ”

“นี่คือการขอร้อง?”

“อุ่น...เปล่า”

“งั้นพี่จะได้ให้ใครสักคนช่วยขุดเรื่องนี้เอาให้ชัดๆกันไปเลย ว่าจ้างนักสืบเก่งๆมันคงไม่กี่ตังค์หรอกมัง อุ่นคิดว่าไง”

“ไม่นะคะพี่ธรรศ อุ่นขอ...”

ธรรศยิ้มกว้างกว่าเก่า วางแก้วเหล้าในมือลงก่อนเดินมาตรงมาหาเธอ จนยืนประจันหน้ากันแล้วค่อยโน้มหน้ามาเสียใกล้ บอกเสียงเบาแต่หนักแน่นเน้นความหมาย“พี่เคยบอกแล้วนี่ ว่าถ้าขอร้องพี่ ต้องแลกกับอะไร”

เธอผงะส่ายหน้าน้อยๆ “อุ่นไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด ถ้าทับทิมรู้เข้า…”

เขาตามมากระซิบคำพูดใส่หน้าเธอ

“อุ่นไม่พูด พี่ไม่พูด ใครจะรู้”

ก่อนจะรัดแขนรอบลำตัวอ้อนแอ้น มัชฌิมายกมือขึ้นดันอกแกร่งๆนั่นโดยอัตโนมัติ ต่อว่าเขาปากคอสั่น

“ทำไมพี่ธรรศเห็นแก่ตัวแบบนี้คะ”

“พี่เรียนรู้มาจากอุ่นไง”

ธรรศกระซิบวาจาร้ายกาจเหนือริมฝีปากของเธอ

ก่อนจะบดเบียดคลึงเคล้าลงมาอย่างหนักหน่วง

chap-preview
Free preview
ปฐมบท
“อุ่นเห็นพี่คนนั้นไหมอุ่น” สุธิตา เพื่อนคนที่ถูกจับคู่ให้มาฝึกงานด้วยกันกับมัชฌิมา นั่งเท้าคางมองเหม่อไปข้างหน้า แล้วถามทั้งน้ำเสียงเพ้อๆ   มัชฌิมาไม่ได้สนใจ เพราะเธอกำลังก้มหน้าเขียนรายงานส่งอาจารย์ที่คุมฝึกงานของเธอ แต่ยังพยายามมีส่วนร่วมด้วยการถามกลับคล้ายว่าสนใจคู่สนทนา “คนไหน” “คนนั้นไง หน้าเข้มๆดุๆหน่อย คนนั้นน่ะที่นั่งคุยกับอาจารย์หงุ่นอ่ะ” เพื่อนยังคงมีน้ำเสียงเพ้อๆแบบเดิมจนในที่สุด ต้องเงยหน้าขึ้นมามอง พอเห็นเป้าหมายของสุธิตา ก็ถามยิ้มๆ “คนที่หน้าบึ้งๆ คนนั้นน่ะเหรอ” “บ้า อุ่นนี่ ตาไม่ถึงเลยนะแก พี่เขาดูหล่อจะตาย หน้าไม่บึ้งหรอก สเปคเราเลย” มัชฌิมาเลิกสนใจแล้ว เธอก้มหน้าลงที่รายงานของตนเองดังเดิม แล้วบอกด้วยน้ำเสียงหวังดี “เพื่อนอาจารย์หงุ่นนะ กล้าเหรอ” “ลองดูไหมล่ะ” คนพูดออกแนวท้ายทายหน่อยๆเพราะชายคนนั้นนั่งอยู่กับผู้ชายอีกคนแต่ไม่มีอาจารย์คุมฝึกงานที่ชื่ออาจารย์องุ่นนั่งอยู่ด้วย ถึงใจกล้าบ้าบิ่นได้แบบนี้ ว่าจบลุกขึ้นยืนทันที สูดลมหายใจเข้าลึกๆแล้วเดินตรงไปที่เป้าหมายไม่รอช้า มัชฌิมาวางปากกาลงแล้วนั่งอมยิ้มมองเพื่อนสาวใจกล้าที่ออกปากว่าชอบชายคนนั้นเอามากๆถึงขนาดใจกล้าเข้าไปคุยด้วย หญิงสาวยิ้มแล้วทำเป็นมองเมินๆไปทางอื่นเมื่อเห็นชายคนนั้นมองมาที่เธอ ครู่เดียวเพื่อนสาวใจกล้าก็เดินหน้างอกลับมาที่โต๊ะ “ไงล่ะ” อดถามยิ้มๆไม่ได้ “แกนะแก” “อะไร” “พี่เขาบอกว่าเรียนให้จบก่อนค่อยหาผัว” ฟังเพื่อนบอกแล้ว มัชฌิมาแกล้งตาโต แล้วตอกเพื่อนอีกที “ไงล่ะ เจ็บปวดไหมทีนี้” “แต่ฉันบอกพี่เขาไปนะ ว่าแกเป็นคนชอบพี่เขา...ไม่ใช่ฉัน” คราวนี้คนที่ยิ้มแต้แต่แรกหุบฉับลงทันที หันไปแว้ดใส่เพื่อน ใบหน้าออกร้อนเสียจนแทบไหม้ “เอ้ย! ทำไมพูดแบบนั้น” สุธิตาหัวเราะจนตัวงอ มัชฌิมานั้นหน้าแดงซ่าน อยากบิดเนื้อเพื่อนให้เขียวจนดำจนหลุดติดมือออกมานัก ทำไมมาแกล้งเธอแบบนี้ พอบังเอิญหันไปมองทางนั้นก็เห็นเขามองตอบกลับมาพอดี สายตาคมๆสีดำและดูดุนั่นทำเอาเธอทำหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว เลยได้แต่บ่นงึมงำ “เพื่อนบ้า” เพื่อนสาวยังคงหัวเราะไม่หยุดที่แกล้งเธอได้ มัชฌิมานั้นทั้งโกรธทั้งอายจนบอกไม่ถูก แล้วต่อว่าเพื่อนอีกครั้ง “ทำไมทำแบบนี้ โอย...ตาย ตาย ฉันต้องโดนหักคะแนนแน่ๆเลย” “จะหักทำไม แกทำอะไรผิด เออ แต่โดนก็ดี ฉันจะได้คะแนนมากกว่าแกไงอุ่น” “ทำกันได้ จำไว้เลย” มัชฌิมาบ่นแล้วฝืนทำตัวเฉยไปก้มหน้าเขียนรายงานต่อจนเสร็จ หญิงสาวออกมาพักที่หอในมหาวิทยาลัยเนื่องจากป้าที่เลี้ยงดูเธอไม่สะดวกขับรถรับส่ง ภาระงานที่เป็นพยาบาลในโรงพยาบาลชุมชนนั้นหนักเอาการอยู่ และเธอก็โตพอที่จะดูแลตัวเองได้ ท่านจึงไว้วางใจให้มาอยู่ยังหอพัก หลังจากเลิกฝึกงาน จึงแยกกับเพื่อนที่มาคู่กัน เธอติดขัดกับเนื้อหาบางส่วนในรายงานเลยตั้งใจว่าจะแวะไปที่หอสมุดในวันหยุดที่จะถึงนี้ เมื่อถึงวันหยุดหญิงสาวตรงไปยังหอสมุด ขึ้นไปยังชั้นที่ต้องการ เนื่องจากว่าใกล้สอบเต็มที นักศึกษาหลายๆคนจึงเลือกใช้หอสมุดในการนั่งติว นั่งอ่านหนังสือกัน ด้วยว่าที่นี่สงบเงียบทั้งยังมีหนังสือหลากหลายให้ค้นหาอ่าน และเย็นสบายด้วยเครื่องปรับอากาศรอบตัวอาคาร จึงแทบไม่เหลือโต๊ะว่าง หญิงสาวเดินหาโต๊ะจนพบแล้วเข้าไปวางกระเป๋าที่เก้าอี้ตัวหนึ่งที่มีเพื่อนนักศึกษานั่งอยู่ก่อนหน้า เธอถามอีกฝ่ายว่ามีใครนั่งหรือไม่ ได้รับคำตอบว่าว่าง จึงเลือกนั่งตรงนั้น แล้วเดินไล่หาไปตามรหัสบนชั้นวางจนพบหนังสือที่ต้องการ หยิบกลับมาที่โต๊ะก็บังเอิญเห็นมีคนมานั่งยังโต๊ะของเธอแทนเพื่อนหญิงนักศึกษาคนนั้นแล้ว มัชฌิมาเดินไปที่เก้าอี้ตรงส่วนของเธอในฝั่งตรงข้าม คนที่นั่งอยู่จึงเงยขึ้นมามองหน้าเธอ นาทีนั้นต่างคนต่างอึ้งไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นใคร “มีอะไร” เสียงทุ้มถาม เมื่อเห็นว่าเธอยังคงยืนอยู่แถมยังมองหน้าเขานิ่งไป “เอ่อ…” มัชฌิมามองไปรอบๆห้อง เพื่อหาโต๊ะตัวใหม่นั่งก็พบว่าโต๊ะอื่นมีคนนั่งเต็มหมดแล้ว และเขาคงอ่านสายตาของเธอออก ถึงได้ยินเขาบอกในลำดับถัดมา “นั่งสิ มันว่างอยู่พอดี” เธอมาก่อนเขาเสียอีก มัชฌิมาอดมุ่ยหน้าไม่ได้  แต่เธอไม่อยากพูดอะไรมาก แล้วเลยนั่งลงที่เก้าอี้อีกฝั่งเยื้องกับเขา หญิงสาวนั่งจดรายงานที่ตนเองต้องการ จนได้ครบแล้วเธอปิดหนังสือลง เงยหน้าขึ้นก็พบว่าเขานั่งเอนหลังมองเธออยู่ “อ่านหนังสือสอบหรือ” เขาถาม “ค่ะ” ตอบส่งๆไป ไม่อยากคุยกับเขานัก ยิ่งนึกถึงวันที่ถูกเพื่อนแกล้งยิ่งไม่อยากคุยกับเขา อายด้วยล่ะ           ชายคนนั้นไม่พูดอะไรต่อ เธอเลยลุกออกจากเก้าอี้ เพื่อเอาหนังสือไปเก็บที่เดิม พร้อมกับคว้ากระเป๋าติดมือมาด้วย ตั้งใจกลับหอพักหลังจากนั้น เห็นเขาตามออกมาเช่นกัน เธอเปิดประตูออกมายืนรอลิฟต์ยังเห็นว่าเขาเข้ามายืนรออยู่ไม่ห่าง จึงจำใจโดยสารตู้เหล็กสี่เหลี่ยมที่มีเธอกับเขาเพียงสองคนลงมาที่ด้านล่างด้วยกัน ด้วยตัวอาคารที่สูงและทึบจึงไม่รู้ว่าด้านนอกในตอนนี้ฝนกำลังตกหนัก เขายืนเยื้องไปทางด้านหลังของมัชฌิมาตอนที่ลงมายืนมองสายฝนผ่านกระจกใสของหอสมุดที่ชั้นล่างสุด โดยที่เธอเองยืนกอดกระเป๋าแนบอกแน่น มองเหม่อๆผ่านสายฝนจนเริ่มซา คนอื่นๆที่มีร่มพากันเดินกางฝนกันออกไปบ้างแล้ว “จะกลับยังไง มีร่มมาไหม” เสียงทุ้มๆถามขึ้นมาลอย มัชฌิมาหันไปมองทางคนถาม เพราะไม่แน่ใจว่าเขาคุยด้วยหรือไม่ แต่พอเห็นสายตาดำคมเข้มที่มองสบมา เลยรู้ว่าเขาเสวนาอยู่กับเธอ เลยต้องตอบเขาไป “ไม่มีค่ะ” “พักที่หอไหน” “อยู่หอในค่ะ” “พี่จะไปส่ง” “ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเดินกลับเอง” “พี่จะไปหาอาจารย์ที่หอพอดี” มันจะน่าเกลียดหรือไม่ หากเธอจะมายืนปฏิเสธโต้เถียงกับเขา สุดท้ายมัชฌิมาก็เดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย ตรงไปยังรถบิ๊กไบท์ของเขาที่จอดหลบฝนข้างๆหอสมุดนั่น เขาถึงรถก่อน แล้วมองขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะเปิดเอาเสื้อกันฝนหยิบออกมาแล้วยื่นส่งให้ “ใส่เสื้อก่อน ฝนยังลงเม็ดอยู่ เดี๋ยวไม่สบาย” เธอรับเสื้อมาแล้วสวมคลุมไว้ทั้งตัว ค่อยปีนขึ้นไปนั่งค่อมเบาะ หลังตรงแน่ว เห็นเขาปรายตามองมาแล้วกระตุกยิ้มหน่อยหนึ่ง ยิ่งทำให้เธอคิดว่าผิดหรือถูกที่ยอมมาด้วยแบบนี้ เพราะปกติมัชฌิมาไม่ค่อยสุงสิงกับต่างเพศนัก เธอพอมีบ้างเพื่อนที่เป็นผู้ชาย แต่ก็น้อยเต็มที เขาเป็นคนแปลกหน้าที่เพิ่งพบกันได้ไม่กี่ครั้ง แต่เธอกลับให้ความไว้ใจเขายอมขึ้นรถมาด้วยหน้าตาเฉย แบบนี้ได้อย่างไร ถ้าไม่เพราะเขาเล่นของ ก็เพราะเธอเองล่ะที่ใจกล้าเหลือเกิน ชายหนุ่มขับช้าๆวนไปจนถึงที่หมายแล้วจอดให้เธอลงตรงตึกที่เป็นหอพักสำหรับนักศึกษาภายในรั้วมหาวิทยาลัย หญิงสาวตะกายลงจากรถได้ ก็เอ่ยปากบอก “ขอบคุณมากค่ะ” “พี่ชื่อธรรศ” ได้ยินเขาแนะนำตัวเองก่อน ก็ชักกระดาก เธออึกๆอักๆเล็กน้อย ก่อนจะแนะนำตัวเองออกไปบ้าง “เอ่อ...อุ่นค่ะ” บอกชื่อตนเองแล้ว หันหลังขวับเดินดุ่มๆกลับเข้าหอพักทันที ด้วยความรู้สึกแปลกๆ คล้ายกับว่าหัวใจถูกสูบลมจนเต็มแล้วลอยละล่องขึ้นไปฟ้า ลมจะพาพัดไปทิศทางใดก็สุดจะทานมันได้ เดินขึ้นบันไดไปชั้นเดียวเลี้ยวตรงหัวมุมก็ถึงห้องพักของตนเอง เปิดประตูเข้ามาเห็นเพื่อนร่วมห้องนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ เจ้าหล่อนเป็นรุ่นน้องของเธอชื่อ ‘นลินี’ มองสำรวจตรงๆก่อนจะถามขึ้น “เป็นอะไรคะพี่อุ่น ทำไมพี่อุ่นหน้าแดงๆ” “ไหน” มัชฌิมายกมือขึ้นจับแก้มตนเอง “หน้าพี่แดงเหรอ” “แดงน่ะสิคะ” นลินีตอบแล้วเลิกสนใจ เอ่ยปากชวน “พรุ่งนี้เราออกไปซื้อของด้วยกันไหมพี่อุ่น” มัชฌิมาเดินเอากระเป๋าไปวางยังที่ของตนเองบ้าง แล้วจึงพยักหน้า “ไปสิ ของใช้พี่หมดพอดีเลย” สองสาวคุยเล่นกันอยู่ครู่ พอถึงเวลาเย็นก็แยกย้ายกันหามื้อเย็นกินด้วยกัน แล้วทำกิจวัตรของใครของมันต่อจนหมดวัน รุ่งขึ้นจึงพากันตื่นสายหน่อย แล้วออกไปห้างสรรพสินค้าใกล้ๆกับหอพักเพื่อหาซื้อของใช้ที่ขาดเหลือ ขณะหยิบของลงรถเข็น นลินีก็ชวน “พี่อุ่นไปงานบายเนียร์ไหมคะ” “ไม่รู้สิแต่พี่ว่าจะไม่ไป” “อ้าว! ทำไมละคะ ทับทิมไปนะคะ อยากไปแสดงความยินดีกับรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว พี่อุ่นต้องไปนะคะ” มัชฌิมายิ้มตอบ ไม่ได้ต่อความอะไร เพราะใจจริงเธอก็ยังห้าสิบห้าสิบอาจไปและอาจไม่ไปเท่าๆกัน จนเลือกซื้อของเสร็จ นลินีชวนต่อ “งั้นพี่อุ่นไปช่วยทับทิมเลือกชุดหน่อยนะคะ” มัชฌิมาไม่ได้ขัดอะไร เธอสองจิตสองใจอยู่กับเรื่องของงานบายเนียร์เลยเดินตามไปช่วยกันเลือกชุด เลือกจนได้ชุดที่ถูกใจแล้วจึงกลับหอพักด้วยกันในตอนเย็น พากันเดินผ่านรั้วลอดผ่านเข้าไปตามทางลัดที่มีรุ่นพี่ทำเอาไว้ก่อนหน้า สองสาวก็ทะลุมาจนถึงหอพักในที่สุด เสียงเฮดังลั่นที่โต๊ะไม้ตัวใหญ่ที่พวกคณะวิศวะ ชอบมานั่งสรวลเสเฮฮากันอยู่นั้นดังกว่าทุกที ขณะเดินผ่านเสียงเรียกชื่อ ‘อุ่น’ ดังออกมาจากในวงนั้น มัชฌิมาคิดว่าตนเองคงหูแว่วไป จึงไม่ได้สนใจ เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ จนมีผู้ชายในนั้น ลุกออกมาจากโต๊ะ วิ่งเหยาะๆมาที่เธอ แล้วเรียก “อุ่นครับ” เธอชะงักไปนิดแต่ไม่ได้ขานรับอะไร “มีแฟนหรือยังครับ” มัชฌิมายืนเงียบ เมื่อถูกจู่โจมแบบไม่ให้ได้ตั้งตัวแล้วเสียงเฮก็ดังออกมาจากวงนั้นอีก เธอหันไปมองบ้างจึงประสานสายตาเข้ากับธรรศที่นั่งอยู่ในนั้นพอดิบพอดี แล้วเลยไม่ได้ตอบอะไรคนที่วิ่งมาถาม ตัดสินใจเดินหลบชายคนนั้นเพื่อกลับขึ้นห้องของตนเอง โดยมีสายตาของรุ่นน้องร่วมห้องที่มองตามมาอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก “เสน่ห์แรงจริงๆเลยพี่เราเนี่ย” เสียงนลินีเปรยขึ้นเมื่อเดินจนมาถึงหน้าห้องพักแล้ว “เสน่ห์แรงอะไรล่ะทับทิม” บอกปัดไปเสีย แล้วนลินีก็บอกขึ้นคล้ายชวนคุย “เมื่อกี้พี่ธรรศก็นั่งอยู่ด้วยนี่คะ” คราวนี้มัชฌิมาหยุดเดินไปจังหวะหนึ่ง ถามอย่างไม่ให้ดูว่าสนใจมากไปนัก “ทับทิมรู้จักด้วยเหรอ” “รู้จักสิคะ ก็พ่อทับทิมเคยช่วยพี่ธรรศไว้ตอนที่พี่แกโดนเผาไล่ที่” “สนิทกันเหรอ” เสียงถามที่แฝงความอยากรู้ทำให้นลินีต้องลอบยิ้ม ก่อนตอบออกไป “ทับทิมกับพี่ธรรศ เราสนิทกันมากเลยล่ะค่ะ”   มัชฌิมากับเพื่อนที่ไปฝึกงานด้วยกัน ช่วยกันจัดของใส่ถุงเพื่อนำไปให้เด็กกำพร้า ที่ทางอาจารย์ฝึกงานของพวกเธอขอแรงอาสาในตอนบ่ายคล้อยก่อนเวลาเลิกเล็กน้อย หลังจากที่เจอธรรศที่หน้าหอพักนี่ก็ครบสัปดาห์พอดี เธอรู้เรื่องของธรรศจากนลินีมาบ้าง เช่นว่า เขาจบจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ไปหลายปี เคยทำงานในบริษัทเอกชนแต่ลาออกมาเพราะทัศนคติไม่ตรงกับกับหัวหน้างาน แล้วหันมาศึกษาและทำไร่พืชแบบผสมผสานในพื้นที่บ้านของเขาเองและดูท่าจะไปได้ดีเชียวละ เขายังลงทุนปลูกปาล์มในพื้นที่ที่ลงทุนซื้อเอาไว้อีกด้วย ทั้งหมดเธอไม่ได้เอ่ยปากถามแม้เพียงครึ่งคำ นลินีเล่าแต่เรื่องของธรรศจนเธอคิดว่านลินีนี่เก่งจริงที่เล่าจนเธอเห็นภาพชัดแจ้ง จนไม่ต้องไปเห็นของจริงๆแค่ฟังจากปากของนลินีนั่นก็เพียงพอแล้ว “เรียบร้อยไหมเด็กๆ” เสียงอาจารย์ผู้คุมฝึกงานเดินเข้ามาถามเธอกับเพื่อน “เรียบร้อยแล้วค่ะ” “เดี๋ยวรถมา พี่ขอแรงพวกเขาขนของใส่ท้ายรถนะ... นู่นแน่ะมาพอดีเลย ตายยากจริงพูดถึงปุ๊บมาปั๊บ” อาจารย์องุ่นผู้คุมฝึกงานเดินไปโบกรถให้ถอยเข้ามาจอดเทียบ แล้วเดินไปคุยตรงข้างประตูคนขับ ครู่เดียวประตูฝั่งคนขับก็เปิดออกมาพร้อมกับธรรศ มัชฌิมาออกอาการประหม่าเล็กน้อยตอนที่เขาลงรถมาแล้วมองสบตากับเธอ เลยทำเมินๆมองไปยังของที่เตรียมเอาไว้สำหรับยกขึ้นรถ “มา พี่ช่วย” เขาว่าตอนเดินเข้ามาสมทบแล้วและกลายเป็นธรรศคนเดียวที่ขนของทั้งหมดนั่นขึ้นรถ “เด็กๆจะไปกับพี่ไหม พี่เอาของไปให้เด็กกำพร้าที่บ้านครูอัญ” อาจารย์องุ่นชวนอีกรอบ จากตอนแรกสุธิตาว่าจะไม่ไป อ้างจะกลับหอไปอ่านหนังสือ แต่แล้วกลับลำเปลี่ยนใจเฉยเลย “ไปค่ะ” “ดีดี เดี๋ยวขากลับพี่แวะส่งที่หอ” อาจารย์องุ่นยิ้มหวานบอก ทั้งหมดจึงพากันขึ้นรถสี่ประตูของธรรศ อาจารย์ผู้คุมฝึกงานของเธอเป็นหญิงสาวร่างเล็กที่คล่องไปทุกสิ่งอย่าง บทจะตลกแกก็ตลกเหลือหลาย แต่เวลาเข้มเอาจริงขึ้นมาก็พอตัวเหมือนกัน เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของแก แต่แกติดประชุมเลยตั้งใจเอาของที่จัดซื้อหาไว้ให้เด็กๆกำพร้าที่บ้านของครู้อัญ เสียวันนี้เลย แกว่าแกทำแบบนี้ทุกปี อะไรที่ทำแล้วสบายใจไม่เบียดเบียนคนอื่นก็มักนิยมทำ ถึงที่หมายทุกคนช่วยกันขนของ แจกจ่ายให้กับเด็กๆคนละไม้คนละมือจนเรียบร้อย อาจารย์องุ่นก็เอ่ยปาก “เด็กๆรีบกลับไหม” “รีบค่ะ หนูต้องกลับไปเขียนรายงานต่อค่ะอาจารย์” เพื่อนของเธอชิงตอบเสียก่อน ส่วนมัชฌิมา อย่างไรก็ได้ทั้งนั้น เพราะเธอไม่มีรายงานให้เขียนในวันนี้ “อ้าวเหรอ พี่ว่าจะเลี้ยงข้าวเย็นเสียหน่อย” “ว่างค่า…” เพื่อนคู่ฝึกงานของเธอรีบตอบรับทันที เรื่องของฟรีละขอให้บอก มัชฌิมาจึงไม่กล้าทำตัวผิดแปลก เพื่อนไปเธอจึงไปด้วย อาจารย์ท่านว่ากินเสร็จจะแวะส่งให้ถึงหอเลยทีเดียว ถึงร้านอาหารไม่ไกลจากนั้น ทั้งหมดพากันลงจากรถ ธรรศเดินตามสามสาวที่ออกหน้าไปแล้ว จนนั่งลงที่โต๊ะ ก็ทยอยกันสั่งอาหารคนละอย่างสองอย่างสุธิตานั้นสั่งหนักกว่าคนอื่น ตามประสาคนไม่ค่อยอยากมา บริกรรับรายการเรียบร้อยเดินจากไป อาจารย์องุ่นเอียงคอถามชายหนุ่มคนเดียวบนโต๊ะ “ธรรศ แกเป็นไร” “เป็นอะไรล่ะ” “ทำไมหน้าแดงๆ นี่เดี๋ยวนี้แกกรึ๊บเหรอ” “บ้าเถอะ” คนถามมองหน้าชายคนเดียวในโต๊ะ ส่งสายตามีเลศนัยก่อนจะหาพวก “จริงๆนะ อุ่นดูสิ หรือพี่ตาฝาดไป” มัชฌิมาได้ยินที่อาจารย์ว่าเช่นนั้นเลยมองที่ใบหน้าของธรรศบ้าง คราวนี้จากหน้าที่แดงอยู่หน่อยๆ กลับแดงมากยิ่งขึ้นจนเจ้าของใบหน้าว่าเสียงห้วนๆให้ แล้วเมินหนีไปอีกทาง ไม่ให้มาจ้องหน้าเขา “มองอะไรกัน” อาจารย์องุ่นปิดปากขำเลยทีเดียว ก่อนจะกระซิบข้างหูธรรศ “ฉันรู้ละว่าแกเป็นอะไรธรรศ” มัชฌิมามองสองคนที่ท่าทีมีลับลมคมนัยแล้วหันไปมองทางเพื่อน อีกฝ่ายยกไหล่ ทำนองว่าไม่รู้สิแล้วจึงเริ่มกินอาหารเมื่อพนักงานในร้านทยอยนำมาวางทีละรายการบนโต๊ะ กินข้าวอิ่มหนำแล้ว ธรรศเองที่เป็นคนชำระเงินค่าอาหาร ทั้งๆที่อาจารย์องุ่นเป็นคนชวน แล้วจึงกลับขึ้นมาบนรถด้วยกันอีกครั้ง “ธรรศ แกแวะบ้านแกก่อนได้ไหม ฉันจะเอาของไปให้น้าหลาบ” “ได้” ธรรศตอบสั้นๆคำเดียวแล้วขับรถเข้าบ้านของเขาโดยที่ยังไม่ได้ไปส่งใครสักคน เพราะองุ่นแจ้งความประสงค์ว่าจะเอาของฝากไปให้แม่ของเขาก่อน บ้านของธรรศอยู่ต้นทางพอดีจึงไม่ต้องวนรถไปมาแวะเข้าไปจอดยังบริเวณในตอนพลบค่ำแล้วนั่น “ขอโทษทีนะเด็กๆพี่แวะทำธุระสักครู่ ลงมาก่อนเร็ว อุ่นลงมาสวัสดีแม่ย่าก่อน” “ฮึ้ย” เสียงคนขับฮึ่มฮ่ำใส่คนพูด จนได้เสียงหัวเราะของอาจารย์องุ่นสัพยอกตอบกลับมา ลงรถแล้วอาจารย์องุ่นเดินหิ้วสมุนไพรขึ้นไปบนบ้านด้วย เรียกหาเสียงหวานหยด “น้าหลาบคะ” เจ้าของชื่อเดินออกมาพอดีขานรับ “ว่าไงลูก” “หงุ่นเอาของมาไหว้แม่สามีค่ะ” “ทำมาพูดเล่น รอตั้งหลายปีแล้วเมื่อไรจะมาขอเสียทีล่ะ” “โอ้ย...ลูกชายแม่เขาไม่ชอบหนูนี่คะ” “ไม่เคยเห็นจะชอบใครสักคนหรอกขานั้นน่ะ”           “มีแววอยู่คนแล้วล่ะค่ะน้าหลาบ” อาจารย์องุ่นซุบซิบส่งสายตาเป็นนัยมาให้ด้วย “ใครกันหนู” “หงุ่นพามาให้ดูก่อนค่ะว่าคนนี้ผ่านไหม... เด็กๆมาสวัสดีคุณน้าก่อนเร็วลูก” ท้ายประโยคเรียกสองนักศึกษาฝึกงานที่เป็นรุ่นน้องร่วมสถาบันให้เข้ามาไหว้ผู้ใหญ่ สองสาวในชุดนักศึกษาฝึกงานเดินตามกันมาที่ที่กุหลาบยืนอยู่ แล้วองุ่นจึงแอบกระซิบบอก “คนที่สองค่ะน้าหลาบ” กุหลาบมองไปยังหญิงสาวท่าทางเรียบร้อย ใบหน้าสวยหวานสะอาดหมดจด ก่อนพยักหน้ายิ้มๆ “เออๆ เข้าท่านะหนูหงุ่น” “เด็กๆ นี่แม่ของพี่ธรรศจ้ะ” “สวัสดีค่ะคุณน้า”           คุยกันเพียงครู่เดียว กุหลาบจัดแจงแบ่งผลไม้จากในสวนที่เก็บหาไว้เสมอ ใส่ถุงใบโตแบ่งให้ทั้งสามสาวก่อนร่ำลากลับไปในเวลาต่อมา ก่อนขึ้นรถ อาจารย์องุ่นก็หันมาทางมัชฌิมา           “อุ่นนั่งหน้าแทนพี่ที” มัชฌิมางงไปครู่ “คะ?”           “พี่อึดอัดน่ะสิ นั่งเบาะหลังกับยัยแสบสบายๆดีกว่า”           มัชฌิมาจึงต้องนั่งข้างธรรศตอนที่ขับรถออกมาจากบ้านเขา เห็นคนขับนั่งเงียบมาตลอดทาง ท่าทางเหมือนกับไม่พอใจอะไรสักอย่าง แต่ใครจะกล้าออกปากถามเขากัน           บ้านอาจารย์องุ่นถึงก่อนใครพวก จึงลงก่อนคนแรก ก่อนลงก็รีบบอกสองสาวที่ยังอยู่บนรถ “พี่ลงก่อนได้ไหม รับประกันว่าธรรศไม่เคยพาสาวเข้าป่าปลุกปล้ำมาก่อนไว้ใจได้” “ได้ค่ะ’จารย์ แต่แหม...หนูอยากเข้าป่าจัง” สุธิตาบอกก๋ากั่นเรียกเสียงหัวเราะของอาจารย์องุ่นไม่น้อย แล้วธรรศจึงออกรถพาสองสาวไปส่งยังที่พักต่อ หอพักของสุธิตาคือจุดลงคนต่อมา และเธอเป็นคนสุดท้ายที่เขาขับวนมาส่ง           “ขอบคุณมากนะคะ” บอกเมื่อรถจอดลงที่หน้าหอแล้ว เธอขยับตัวจะลงรถ ก็ได้ยินเสียงท้วงจากคนขับ           “เดี๋ยวก่อน...อุ่น”           “คะ?” “คือ...พี่” ธรรศอึกๆอักๆไม่ยอมพูด โดยมีหญิงสาวตั้งหน้าตั้งตารอฟังเขา และธรรศก็กลั้นใจพูดออกไป ท่าทางเขาประหม่าไม่น้อยเลยล่ะ “พรุ่งนี้พี่มารับอุ่นตอนเช้าได้ไหม” “รับไปไหนคะ” “รับไปส่งฝึกงานน่ะสิ” “อุ่นไปเองสะดวกกว่าค่ะ” มัชฌิมาบอกปัดเขาอย่างนุ่มนวล แล้วก็พากันเงียบไปบนรถที่แอร์เย็นฉ่ำ ก่อนที่ธรรศจะพูดขึ้นอีก “อุ่น” “คะ” “คือ คือว่า พี่ชอบ…พี่ชอบอุ่น” ได้ยินเขาว่าแบบนั้น มัชฌิมาอดจะอมยิ้มอย่างอายๆไม่ได้ เมื่อตนเองก็รู้ใจตนเองว่าชอบพอเขาเช่นกัน แต่เธอเลือกที่จะเงียบเอาไว้ไม่ปริปากใดๆ เป็นธรรศเสียอีกที่รุกอย่างกับเป็นคนละคนแบบที่เธอเคยคิดเอาไว้ “เรา...เราลองคบกันได้ไหมอุ่น” “ไหนว่าเรียนให้จบก่อน ค่อยหา...แฟน” บ่นอุบเมื่อจำได้แม่นว่าตอนนั้นเขาบอกสุธิตาไป “พี่บอกเพื่อนเรา ไม่ได้บอกเรานี่” “อุ่นก็ว่าจะรอให้เรียนจบก่อนค่ะ ตอนนี้ยังไม่คิดเรื่องมีแฟน” “งั้นขอพี่ลงคิวไว้คนแรก...ได้ไหม” ธรรศว่าอ้อนๆ “คิวอะไรคะ” “คิวจีบอุ่นมาเป็นแฟนพี่ไง” เธอยิ้มแล้วทำท่าจะเปิดรถลงไปโดยไม่ตอบอะไรเขาสักคำเดียว ธรรศรีบท้วงเมื่อหญิงสาวไม่ตอบรับเขาสักข้อ “เดี๋ยวสิ...อุ่น” “คะ” “พรุ่งนี้ให้พี่มารับนะ” จำได้ว่าตนเองพยักหน้าแล้วตอบรับเสียงเบาแสนเบา “ค่ะ”

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.7K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.3K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.6K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
39.4K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.1K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook