พรปวีร์ พีรวัศ

3454 Words
พรปวีร?์ พีรวัศ ก่อนหน้านี้ ก็อกๆๆ เสียงเคาะประตูห้องพักของพรปวีร์ดังขึ้นทำให้หญิงสาวเจ้าของห้องนึกสงสัยขึ้นมาก่อนจะเดินไปเปิดประตูช่วงที่หญิงสาวเปิดออกมาจึงได้เห็นใบหน้ายิ้มแป้นของพัญวลัย “อ้าว น้องพั้นมีอะไรรึเปล่าคะ” คนอายุมากกว่าเอ่ยถามเด็กสาวอย่างสงสัยหลังจากที่ได้คุยกับพีรวัศวันนั้นชายหนุ่มก็หายเงียบไปส่วนเธอก็ใช้คติน้ำเชี่ยวอย่าขวางเรือ จึงไม่คิดจะเข้าไปคุยอยากจะให้ชายหนุ่มใจเย็นลงสักนิดแล้วเขาคงเข้าใจเหตุผลของเธอบ้าง “พั้นมาชวนอาพลอยไปเที่ยวค่ะ พั้นกับพ่อพีจะไปเที่ยวเกาะ ไปด้วยกันนะคะ นะคะ” แม่หนูพัญวลัยเอ่ยอย่างออดอ้อนจนพรปวีร์อดยิ้มออกมา ถ้าน้องพั้นกับพริกหวานเจอกันคงจะเข้ากันได้ดีแน่ “เที่ยวเกาะเหรอคะ ก็ได้ค่ะอาขอไปเอากระเป๋าก่อนจริงๆอาก็กะจะไปอยู่พอดีเลย” พรปวีร์เอ่ยบอกก่อนจะกลับเข้าห้องไปเอากระเป๋าแล้วเดินออกมาพร้อมกับพัญวลัย หญิงสาวรู้สึกถูกชะตากับเด็กสาวอย่างบอกไม่ถูกนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พูดคุยกับเด็กสาวนานๆแม้จะเคยพบเจอกันมาหลายครั้งแต่ก็ไม่ถึงขั้นสนิทเพราะพีรวัศที่แค้นฝังหุ่นไม่ยอมให้เด็กสาวได้คุยกับเธอสักเท่าไหร่ ทั้งสองเดินออกมาจนถึงท่าเรือที่พีรวัศยืนคุยโทรศัพท์รออยู่ “นายพูดจริงหรือพูดเล่นวะเพลิง” พีรวัศที่คุยกับเพลิงตะวันอยู่เอ่ยถามปลายสายโดยไม่รู้ว่าลูกสาวตัวแสบพาครูสาวมายืนอยู่ข้างหลังแล้ว “บ้าไปแล้ว แล้วไอ้ธามมันยอมเหรอ” “ฮ่ะยอม ป๋านะไม่เท่าไหร่แต่ไอ้ธามนี่สิบ้าเข้าขั้น วันแรกฉันเห็นยังออกอาการจะกินหัวกันได้อยู่แล้วทำไมตอนนี้มันยอมได้วะ” พีรวัศยังคุยกับปลายสายอย่างไม่อยากเชื่อ พรปวีร์ที่ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังจำต้องตั้งใจฟังทันทีเมื่อได้ยินชื่อของธนกฤต “แล้วยังไงต่อเล่าให้หมดดิวะ จริงเหรอ555 สมน้ำหน้ามันนะโดนป๋าเอาคืนแบบนั้นเอ่อแค่นี้ก่อนนะเรือจะออกแล้วฉันจะไปตามน้องพั้น” ชายหนุ่มเอ่ยสนทนากับปลายสายก่อนจะขอวางสายเมื่อเรือที่จะไปเกาะใกล้จะออกแล้ว ชายหนุ่มเก็บสมาร์ทโฟนใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะหันหลังหมายจะไปตามลูกสาว “จ๊ะเอ๋” คนเป็นลูกเอ่ยทันทีที่พ่อหันหลังกลับมา พีรวัศชะงักอย่างตกใจนิดๆก่อนจะเอ็ดให้เด็กสาว “ ลูกไม่ควรทำแบบนี้นะคะ ถ้าพ่อพีตกใจจนช็อคหัวใจวายตายมาจะทำไงคะลูก” “555 ขอโทษค่ะน้องพั้นขอโทษ” เด็กสาวเอ่ยบอกอย่างไม่จริงจังนัก พีรวัศได้แต่ส่ายหัวก่อนจะเอ่ยบอก “เอ้าๆหยุดหัวเราะค่ะลูก เรือจะออกแล้วไปกันเถอะค่ะ” “อาพลอยคะมาค่ะ” เด็กสาวเอ่ยเรียกหญิงสาวเมื่อเห็นสายตามางเมินของผู้เป็นพ่อ พ่อพีคงโกรธมากแน่พั้นนี่แหละจะเป็นกามเทพ555 “พ่อพีขา อาพลอยขามาถ่ายรูปกันดีกว่า พี่คะถ่ายรูปให้หนูหน่อยได้มั้ยคะ” พัญวลัยเอ่ยขึ้นหลังจากเรือออกจากท่าเทียบเรือมาได้สักพัก พีรวัศและพรปวีร์ได้แต่ยิ้มแหยๆอย่างไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร “พ่อพียืนตรงนี้นะคะ อาพลอยยืนตรงนี้” เด็กสาวจัดท่าทางให้พรปวีร์ยืนแนบชิดติดกับพีรวัศแถมยังจัดให้มือหนาโอบไหล่หญิงสาวไว้ “น้องพั้นคะ แล้วลูกจะยืนตรงไหนล่ะ อีกอย่างไม่ต้องชิดขนาดนี้ก็ได้ แทบจะสิงกันยู่แล้ว” พีรวัศเอ่ยท้วงขึ้น พัญวลัยเท้าสะเอวก่อนจะเอ่ยบอก “เพื่อภาพที่ออกมาสวยและศิลป์ที่สุด เดี๋ยวจัดท่าเสร็จพั้นจะไปยืนตรงนั้น” “โอเคพร้อม ยิ้มค่ะ” เด็กสาวเอ่ยบอกหลังจากเดินมายืนอยู่ตรงกลางก่อนจะยิ้มให้ตากล้องจำเป็นถ่ายรูป “ขอบคุณมากนะคะพี่” เด็กสาวเอ่ยบอกคนที่เธอขอให้ถ่ายรูปให้ก่อนที่เด็กสาวจะมองดูรูปในกล้องดิจิตอล เหมือนรูปครอบครัวเลย อิอิ “นายคุยกับเพลิงเหรอ เป็นไงมั้ง ธามคงไม่ถูกสงสัยนะ” พรปวีร์เอ่ยถามพีรวัศออกมาเมื่อพัญวลัยเดินไปถ่ายรูปอีกมุมหนึ่งของเรือ “ก็ไม่มีอะไรมาก ฉันขี้เกียจเล่า เอาเป็นว่าถ้าอยากรู้ก็หาคำตอบเอาเอง” พ่อของแม่หนูพัญวลัยเอ่ยบอกก่อนจะยักคิ้วอย่างกวนประสาทแล้วเดินไปหาพัญวลัยอย่างเป็นห่วง 'บอกก็โง่แล้ว ขืนบอกไปเธอก็กลับกรุงเทพฯสิ คอยดูล่ะกันเวลา2อาทิตย์นี้ฉันจะรวบหัวรวบหางเธอให้ได้ยัยตัวแสบ หลอกให้คิดว่าเป็นทอมอยู่ได้ตั้งนาน' พีรวัศเอ่ยในใจอย่างคาดโทษ เขาไม่ได้โกรธพรปวีร์เลยสักนิดเพราะคิดๆไปแล้วถ้าเขาเป็นเธอก็คงจะทำคล้ายๆกัน อดีตปล่อยมันไปแต่อนาคตต่อไปเขาจะต้องได้มีเธออยู่เคียงข้าง เพราะตอนนี้สิ่งที่เธอทำมามันสูญเปล่าเพราะมาลารินกับเขาและพัญวลัยไม่เกี่ยวข้องกันแล้ว อีกอย่างดูเหมือนลูกสาวตัวแสบกำลังทำตัวเป็นกามเทพแผลงศรอยู่ซะด้วย 'การเป็นพ่อที่ดีลูกอยากได้อะไรต้องหามาให้ ยัยน้องพั้นอยากได้แม่อย่างพลอย พ่อพีก็จะจัดการให้555 รอโอกาสก่อนเถอะเธอโดนดีแน่' “นี่นายพี ไอ้คนกวนประสาทคิดจะแก้แค้นกันอย่างงั้นล่ะสิ ฉันค่อยไปสืบเอาเองก็ได้ย่ะ” คนกำลังจะถูกรวบหัวรวบหางโดยไม่รู้ตัวเอ่ยบอกกับสายลมอย่างแสนงอนก่อนที่จะเดินไปหาสองพ่อลูกเมื่อแม่หนูพัญวลัยกวักมือเรียก “อาพลอยขา พ่อพีเป็นอะไรไม่รู่อ่ะ อยู่ๆก็ทรุดลงไปเฉยๆ” เด็กสาวเอ่ยบอกเมื่อครูสาวเดินมาถึง พรปวีร์มองไปที่ร่างที่จับขอบเรือไว้เพื่อประคองร่างไม่ให้ทรุดลงไปกองกับพื้น “นายเป็นไรรึเปล่า เมาเรือเหรอ” พรปวีร์เอ่ยถามอย่างเป็นห่วง คนที่จับขอบเรือเป็นที่ยึดส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยบอกอย่างเเผ่วเบา “เปล่า ฉันเป็นทหารเรือนะจะเมาเรือได้ไง สงสัยโรคกระเพาะกำเริบ เมื่อเช้าไม่ได้กินข้าว” “แล้วทำไมไม่กินห่ะ ไอ้บ้าพี เดี๋ยวฉันไปเอายามาให้ ยาอยู่ไหน” ครูสาวเอ่ยบ่นอย่างเป็นห่วงก่อนจะทำท่าจะเดินแต่ถูกมือหนารั้งไว้ พรปวีร์หันกลับมามือหนาด้วยหัวใจเต้นแปลกๆ “ไม่ต้องไป เดี๋ยวก็หายอยู่ด้วยกันก่อนได้มั้ย” คนป่วยเอ่ยบอกอย่างออดอ้อนและวิงวอนจนคนฟังใจอ่อนยวบ “แต่นายต้องกินยานะ ปล่อยก่อนจะไปเอายามาให้” พรปวีร์เอ่ยบอกเสียงอ่อนลงแต่คนถูกโรคกระเพาะเล่นงานยังส่ายหน้าไม่ยอม “เดี๋ยวพั้นไปเอามาให้ค่ะ อาพลอยช่วยอยู่เป็นเพื่อนพ่อพีหน่อยนะคะ” เด็กสาวเอ่ยก่อนจะวิ่งไปที่ที่เธอวางกระเป๋าไว้โดยไม่หันมาฟังคำตอบรับหรือปฏิเสธของพรปวีร์ “ให้มันได้อย่างนี้สิไม่ฟังใครเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก” พรปวีร์เอ่ยบ่นก่อนจะหันมาดูอาการคนป่วย พีรวัศทรุดลงนั่งกับพื้นเรือพรปวีร์จึงนั่งลงข้างๆ “ขอนอนตักได้มั้ย” คนป่วยเอ่ยบอกอย่างออดอ้อน จนพรปวีร์ต้องยอมพยักหน้า พีรวัศค่อยๆขยับมาใกล้แล้วเอนตัวลงนอนที่ตักนุ่มที่เขาอยากจะนอนมานานแสนนาน พรปวีร์มองอย่างเป็นห่วงก่อนจะหันไปมองหาพัญวลัยจนไม่ทันเห็นรอยยิ้มมุมปากของคนที่นอนหนุนตักอยู่ จริงๆเขาไม่ได้เป็นอะไรแม้แต่น้อย แต่พอนึกถึงต้นตอที่ทำให้มานอนตรงนี้ได้แล้วได้แต่ยิ้ม ก่อนหน้านี้ “น้องพั้น หนูคิดอะไรอยู่ยัยหนูแสบ” พีรวัศเอ่ยถามลูกสาวหลังจากเดินออกมาจากการกวนประสาทพรปวีร์ “แล้วพ่อพีคิดอะไรอยู่ล่ะ” เด็กสาวหยอกย้อนจนคนเป็นพ่อส่ายหน้า “ยัยเด็กรู้ทัน ไหนบอกมาสิพ่อพีควรทำยังไงต่อ” “ไม่ยากๆ แผนพ่อพีมีอะไรพับไว้ก่อนแต่ตอนนี้ต้องพิสูจน์ก่อนว่าอาพลอยจะรู้สึกอะไรกับพ่อพีป่าว” เด็กสาวเอ่ยบอกก่อนจะเขย่งเท้าขึ้นไปกระซิบข้างหูผู้เป็นพ่อ “พ่อพีต้องแกล้งไม่สบาย ถ้าอาพลอยรู้สึกอะไรกับพ่อพีก็ต้องมีอาการเป็นห่วงเกินเพื่อนแน่ๆ จากนั้นค่อยทำตามแผนพ่อพี แต่ถ้าอาพลอยไม่ห่วงเกินเพื่อนล่ะก็ต้องใช้แผนของพั้น” เสียงของลูกสาวยังคงดังอยู่ในหัว 'ขอบใจแผนของลูกรักจริงๆ ตอนนี้พ่อพอจะรู้แล้วแหละ ยัยพลอยนะยัยพลอยไอ้เราก็นึกว่าที่จีบๆไปเธอไม่รู้สึก ที่ไหนได้ชอบนี่หว่า' พีรวัศเอ่ยในใจอย่างรู้สึกดีก่อนที่จะแกล้งเอามือกุมหน้าท้องและทำหน้าทรมาน ด้านพัญวลัยที่วิ่งออกมาแอบดูด้วยรอยยิ้มพร้อมทั้งหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายภาพน่ารักๆไว้ ก่อนจะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่สักพักแล้วแกล้งวิ่งเข้าไปอย่างกระหืดกระหอบ “ทำไมช้าจังคะน้องพั้น” พรปวีร์เอ่ยถามอย่างสงสัย เด็กสาวบอกจะไปเอายาให้พีรวัศแต่หายไปนานราวกับพีรวัศไม่ได้กำลังเจ็บป่วย “อ๋อ พอดีมันหาไม่เจอนะคะ พั้นเลยลองไปถามนักท่องเที่ยวคนอื่นๆแต่ก็ไม่มีคนที่มียาเลย” พัญวลัยเอ่ยบอก พร้อมทำหน้าเศร้าๆคล้ายจะร้องไห้ “ไม่เป็นไร ฉันหายแล้ว ไม่ต้องกินยาหรอก น้องพั้นไม่ต้องร้องลูก พ่อพีหายแล้วครับ” พีรวัศเอ่ยพร้อมกับยืนขึ้น พรปวีร์ถึงกับอ้าปากค้าง 'อีตานี่หายเร็วจริง' “แน่ใจนะว่าหายแล้ว” ครูสาวถามอย่างเป็นห่วง พีรวัศพยักหน้าแล้วยิ้มออกมา “ขอบใจเธอมากนะ เตรียมตัวลงเรือกันเถอะ ดูเหมือนใกล้ถึงเกาะแล้ว” “นายแกล้วป่ะเนี่ย” คนเป็นครูเริ่มสงสัย พีรวัศหัวเราะออกมาก่อนจะเอ่ยบอก “ นี่ยัยพลอยดูหนังมากไปเหรอ โทษทีนะฉันไม่ใช่พระเอกที่จะแกล้งสำออยให้นางเอกเห็นใจหรือเป็นห่วง” “ฉันก็แค่ถามดูย่ะ ฉันก็ไม่ได้คิดว่านายเป็นพระเอกหรอก แค่ตัวโกงอ่ะ” พรปวีร์เอ่ยก่อนจะเดินออกไปเพื่อไปเอากระเป๋า “พ่อพีนี่ปากหมาเนอะ กวนประสาทด้วยเฮ่อ ทำตัวน่ารักน่ารักหน่อยสิเดี๋ยวอาพลอยก็ไม่มาเป็นแม่พลอยให้พั้นหรอก” พัญวลัยเอ่ยในเชิงละเหี่ยใจพร้อมทั้งสั่งสอนจนพีรวัศได้แต่หมั่นไส้จนต้องยกมือขึ้นขยี้ผมอีกฝ่าย “พ่อแค่ปากหมา แต่น้องพั้นนี่สิน่าจะได้รางวัลออสก้าร์ ฝีมือขนาดนี้ลูกสาวพ่อเป็นซุปตาห์ได้เชียว เป็นดารามั้ยพ่อจะเป็นป๋าดันเอง555” พีรวัศเอ่ย พัญวลัยหัวเราะออกมา “น่าสนนะ พั้นพัญวลัย เหมาะจะเป็นซุปตาร์” 2วันต่อมา ร่างบางนั่งมองแก้วใบหนึ่งที่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่เกือบเต็มแก้วด้วยความรู้สึกสบสัน หลังจากที่เธอไปเที่ยวเกาะกับพีรวัศและพัญวลัยเมื่อ2วันก่อนและกลับมาถึงห้องพักในโรงแรมเมื่อ2ชั่วโมงก่อน พรปวีร์ก็ตัดสินใจโทรศัพท์ติดต่อหาพี่สะใภ้เพราะยังคงคาใจกับบทสนทนาของพีรวัศและเพลิงตะวันและข่าวที่ได้รับกลับทำให้ครูสาวละอายใจและรู้สึกผิดกับหลานสาวสุดที่รักที่ต้องมาแต่งงานตั้งแต่ อายุ17 แถมยังเป็นเจ้าสาวตัวสำรองเสียอีก เมื่อรู้สึกผิดมากเข้าทำให้หญิงสาวต้องออกมาหาอะไรทำเพราะไม่อยากคิดให้ละอายใจอีกเมื่อออกจากห้องพักหญิงสาวจึงได้เห็นร้านอาหารกึ่งสถานบันเทิงแห่งหนึ่งอยู่ในระยะมองเห็นของสาวตาทำให้หญิงสาวเดินเข้ามาทันที พรปวีร์ยกแก้วเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นมาก่อนจะดื่มมัน นานแล้วที่เธอไม่ได้แตะต้องของมึนเมา ครั้งสุดท้ายที่ดื่มของมึนเมาก็ตอนที่พีรวัศแต่งงานกับมาลารินเมื่อ17ปีก่อน ตอนนั้นนยอมรับว่าเสียใจ จนต้องพึ่งของมึนเมาอยู่หลายคืน ส่วนตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นกับหลานสาวที่เธอรักเหมือนลูกก็ไม่ปานยอมรับว่าทำให้เธออยากดื่มขึ้นมาเพื่อจะได้ลืม ถ้าย้อนกลับไปได้เธอจะย้อนไปแก้ไขมันและให้ธนกฤตเป็นฝ่ายหนีงานแต่งแทน “พอได้แล้วพลอย ทำไมถึงได้ดื่มเยอะแบบนี้กี่แก้วแล้วเนี่ย” เสียงทุ้มห้าวของพีรวัศดังขึ้นพร้อมทั้งแย่งแก้วในมือไปถือไว้ เขาจะไปหาเธอที่ห้องพักตามที่พัญวลัยบอกให้มาชวนไปกินข้าวเย็นแต่กลับเห็นเธอเดินออกมาจากห้องมุ่งหน้าไปที่ชายหาดจนกระทั้งร้านอาหารแห่งนี้เปิดเขาก็ตามร่างบางเข้ามาแล้วคอยดูเธอห่างๆตั้งแต่เครื่องดื่มแก้วแรกถูกเสิร์ฟจนถึงแก้วที่หก “อย่ามายุ่ง ฉันกำลังกลุ้ม” พรปวีร์เอ่ยบอกก่อนจะแย่งแก้มเครื่องดื่มสีอำพันกลับมาแล้วดื่มมัน “เธอเป็นอะไรวะพลอย ทำอย่างกับอกหัก” ชายหนุ่มเอ่ยถามก่อนจะนั่งลงข้างๆแล้วสั่งเครื่องดื่มที่ไม่แรงมา “อกหักเหรอ อกหักมันยังรู้สึกดีกว่านี้เลย ธามมันจะดูแลหลานฉันได้มั้ยเนี่ย อายุก็ห่างกันตั้ง20ปี ยิ่งไอ้หมอนั้นพูดไม่เก่งเงียบๆอยู่ พริกหวานอยู่กับหุ่นยนต์พูดได้แบบนั้นไม่เป็นโรคประสาทเหรอ” จากที่แรกพรปวีร์รู้สึกละอายใจที่ทำให้หลานสาวต้องมาเจอเรื่องแบบนี้แต่พอดื่มไปดื่มมามันกลับเปลี่ยนเป็นความกังวล เธอรู้นิสัยธนกฤตดีและรู้จักหลานสาวดีด้วย พิมพ์ลภัสจะทนอยู่กับหุ่นยนต์พูดได้ได้นานแค่ไหน “อย่าเพิ่งตัดสินสิพลอย บางทีมันอาจจะไปได้ดีก็ได้” พีรวัศที่เริ่มเข้าใจความกลัดกลุ้มของหญิงสาวเอ่ยบอก “เหอะ. ถ้าเป็นนายล่ะจะทำไง สมมุติว่าน้องพั้นต้องแต่งงานตั้งแต่อายุ17 แถมเจ้าบ่าวยังเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับนายแถมยังนิ่งยิ่งกว่าก้อนหินนายจะกลุ้มแบบนี้มั้ย” พรปวีร์เอ่ย ทำให้พีรวัศเห็นด้วยขึ้นมาจึงไม่ห้ามหญิงสาวต่อ “ที ลา ซอล ลา ที ที ที เพลงนี้มานเพลงอารายหว่า จามเนื้อม่ายได้ หนูมาลาป่าว เอ หรือว่าอาราย มาลี มาลา มานะ มานี เพลงนี้มานช่ายป่าว” เสียงหวานเอ่ยร้องเพลงอย่างรั่วๆก่อนจะเอ่ยถามคนที่แบกเธอไว้บนไหล่ หลังจากพีรวัศปล่อยให้พรปวีร์ดื่มไปได้สักพักใหญ่ คนเมาก็เกิดอาการเปิ่นๆฮาๆ จนเขาต้องฉุดกระชากออกมาจากร้านแต่เจ้าคุณเธอก็ไม่ยอมมาง่ายๆทำให้พีรวัศต้องจับพาบ่ากลับมาส่งที่ห้อง “มายมีสานยานตอบราบจากเลขหมายที่คูนเรียกนายขานะนี้ ท่านกามลางข้าวสู่ บอรีกานราบฝากหัวจาย ลงทาเบียนฝากว้ายตัวเอากาบปายจายห้ายเก็บรากสา ต้องสะบัด ต้องสะบัด อารายต่อว่ะจามม้ายได้เด็กที่โรงเรียนร้องบ่อยๆ กิ๊กอยู่นายตู้ ชู้อยู่ต้ายเตียง แฟนก่าวอยู่นอกราเบียง โคนเลี้ยงกามลางจะมา เอิ่ก “ พรปวีร์ยังคงแหกปากร้องอย่างไม่สนใจว่าคนที่แบกเธอพาดบ่ามาจะรำคาญหรือไม่ พีรวัศทั้งรำคาญทั้งขำแต่ก็ยังมิวายใช้โทรศัพท์บันทึกเสียงไว้ 'เก็บไว้แบล็คเมล์555' “ ยายมาลารีน ยายนิสายม้ายดี ตอนมาหาช้านร้องห้ายจาเป็นจาตาย พอได้อีตาพีปาย ดันหนีปายกาบชู้ มาทามโคนอื่นเสียใจตั้งนาน อย่าห้ายเจอนะแม่จาตบห้ายหน้าหงาย” พีรวัศฟังผู้หญิงคนเดียวในใจเอ่ยแล้วพาลรู้สึกดีขึ้นมาที่เธอบอกว่าเสียใจ ชายหนุ่มพาหญิงสาวมาที่ห้องของเขาเพราะแม่คุณดันไม่รู้ว่าเอาคีย์การ์ดไว้ไหน “พ่อพี ทำไมพาอาพลอยมานี่ล่ะแล้วนั้นอาพลอยเป็นอะไร” สาวน้อยในชุดนอนสีชมพูเอ่ยถาม จริงๆเธอพักอยู่อีกห้องแต่เข้ามารอผู้เป็นบิดาที่ออกไปตั้งแต่ช่วงเย็นๆ “ อาพลอยมีเรื่องกลุ้มใจน่ะเลยดื่มจนเมา พ่อพีหาคีย์การ์ดไม่เจอเลยพามาที่นี่” พีรวัศเอ่ยบอกหลังจากวางหญิงสาวลงบนเตียง พัญวลัยมองครูสาวอย่างครุ่นคิดก่อนที่จะยิ้มออกมา “ พ่อพีขาาาา “ เสียงหวานเอ่ยเรียกก่อนจะเอ่ยกระซิบบอก “เริ่มปฏิบัติการรวบหัวรวบหาง ณ บัดนาว นี่แหละโอกาส ไม่งั้นพั้นจะไม่ได้แม่พลอยแน่ๆ” “แก่แดด แต่ก็ดีนะ แต่แบบนั้นพออาพลอยตื่นได้เอาเลือดหัวพ่อพีออกนะสิ” พีรวัศเอ่ยบอกขืนทำตามยัยตัวแสบบอกมีหวังพรปวีร์ได้ฆ่าเขาตาย “ก็บอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุทางกายสิ พ่อพีเมาทำไรไปก็ไม่รู้” พัญวลัยเอ่ยก่อนจะยักคิ้วแล้วโบกมือลาก่อนจะเดินออกไป “ เอาวะ เพื่อน้องพั้น เพื่อเรา มันเป็นอุบัติเหตุนะพลอย ฉันไม่ได้ตั้งใจสักนีด” พีรวัศเอ่ยก่อนที่จะเดินเข้าไปนั่งข้างๆหญิงสาวแล้วจัดการปฏิบัติการรวบหัวรวบหางหญิงสาวอย่างใจเย็น เช้าวันต่อมา “กรี๊ดดดดดด ไอ้บ้าพีนายทำอะไรฉัน ไอ้เพื่อนนิสัยไม่ดีไว้ใจไม่ได้” พรปวีร์เอ่ยออกมาพร้อมกับทุบอกชายหนุ่ม เธอตกใจมาที่ตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของพีรวัศและยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่เมื่อเธอและเขาไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้นแถมตรงนั้นของเธอยังเจ็บแปลบ “เฮ้ยใจเย็นดิ ฟังก่อนๆ เมื่อคืนเธอเมามากฉันเองก็เมาเหมือนกัน” พีรวัศเอ่ยบอก “มันเป็นอุบัติเหตุจริงๆนะพลอย ฉันไม่ได้ตั้งใจ” 'ซะที่ไหนล่ะ ตั้งใจมากๆแถมไม่ป้องกันอีกต่างหาก' ชายหนุ่มได้แต่เอ่ยในใจในตอนท้าย “ฮือๆๆ ไม่น่าเมาเลยไอ้พลอย ปล่อยนะฉันจะกลับบ้านฮือๆ” คนที่โวยวายเมื่อครู่ร้องโฮออกมาก่อนจะบอกให้ปล่อยเมื่อเห็นมือหนารวบมือเธอไว้ “ไม่ต้องร้องนะพลอย ฉันจะแต่งงานกับเธอ เราจะแต่งงานกันนะ อย่าร้องสิ ร้องดังๆแบบนี้เดี๋ยวน้องพั้นก็ตกใจหรอก” พีรวัศเอ่ยก่อนที่จะรวบร่างบางเข้ามากอด “ถึงจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ฉันก็ยังรักเธอนะ พรุ่งนี้เรากลับกรุงเทพกัน ฉันจะไปขอเธอ” พีรวัศบอกก่อนที่จะกอดร่างบอบบางไว้ พัญวลัยที่แอบมองอยู่หน้าประตูยิ้มอย่างพอใจแล้วก็เดินกลับห้องของพ่อราวกับรับรู้อะไรที่เกิดขึ้น “เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ” เด็กสาวบอกหลังจากเล่าจบแล้วก็ยิ้มแป้นในขณะที่คนอื่นไม่ได้ยิ้มด้วยเลย โดยเฉพาะพิมพ์ลภัส พีมตะวันและพายัพเมฆ และพิมพ์ดาวมองสองสาววัยเดียวกันที่อยู่กันคนล่ะอิริยาบทแล้วก็วางช้อน เช้านี้คงจบมื้ออาหารแล้วล่ะดูท่า จบลงพร้อมกับอารมณ์โกรธของพิมพ์ลภัส
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD