ออกกำลังกายตอนเช้า

2447 Words
ออกกำลังกายตอนเช้า เช้าวันต่อมา ร่างสูงเดินเข้ามาใกล้ๆเตียงก่อนที่จะเอื้อมมือไปเขย่าตัวของเด็กสาวอย่างเบาๆเพื่อปลุก ธนกฤตที่สวมเพียงกางเกงวอร์มไร้ซึ่งสิ่งปกปิดหน้าอกล่ำๆกล้ามเป็นมัดๆเขย่าร่างเด็กสาวอีกครั้งแต่ยังคงไร้การตอบสนอง 'หลับเป็นตาย คำนี้คงเหมาะที่สุดที่จะใช้กับพิมพ์ลภัสในตอนนี้’ “หนู หนูครับ เช้าแล้วตื่นเร็ว ตื่นสายไม่ดีนะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก ร่างบางเริ่มรู้สึกตัวพร้อมครางอย่างขัดใจก่อนที่ดวงตาหวานจะค่อยๆลืมขึ้นเด็กสาวกระพริบตาสองสามทีพร้อมทั้งขยี้ตาอย่างไม่มั่นใจในสิ่งที่มองเห็น 'ก็แหมกล้ามแน่นๆมันปะทะสายตาซะเธอคิดว่าอยู่ในฝัน' เมื่อเด็กสาวขยี้ตาจนแน่ใจว่าตาไม่ฝาดและไม่ใช่ฝันอาการเขินก็วิ่งมาปะทะทันทีจนใบหน้าเห่อร้อนไปหมด “พอแล้วหนูมันกินไม่ได้ไม่ต้องมองตาแป๋วแบบนั้นเลย” คนอายุมากกว่าเอ่ยกระเซ้าก่อนจะคิดในใจอย่างขำขัน 'วัยนี้มันวัยหัวเลี้ยวหัวตอ และแสนเพ้อฝันจริงๆ ให้เห็นบ่อยๆจะผิดสัญญาแม่ยายมั้ยเนี่ย' “ใครมองตาแป๋วหนูยังฝันอยู่” เด็กสาวแถจนสีข้างแทบถลอกก่อนจะหันไปมองนาฬิกา “5โมงครึ่ง นอนต่อไม่ได้เหรอคะ¨” “ไม่ได้ครับ ไปออกกำลังกายกัน ร่างกายจะได้แข็งแรง พ่อหนูบอกพี่ว่าหนูไม่ชอบออกกำลังกาย มีเล่นกีฬาบ้างแต่ไม่บ่อย ถ้าไม่ออกกำลังเวลาเล่นกีฬาอาจจะเหนื่อยได้ ต่อไปหนูต้องตื่นมาออกกำลังกายกับพี่ทุกเช้าก่อนจะอาบน้ำไปเรียน รับทราบ” ธนกฤตบอกแถมยังแปลกใจตัวเองนิดๆที่พูดมากกว่าปกติ 'อยู่กับพิมพ์ลภัสแล้วเขามักทำไหนสิ่งที่ไม่เคยทำ แถมยังไม่อึดอัดอีกต่างหาก เธอมาเปลี่ยนชีวิตเขาไปแล้วจริงๆ' “งะ ขี้เกียจอ่ะแค่บางวันได้ป่ะ ได้มั้ยคะพี่ธามแค่บางวันเนาะ” คนขี้เกียจเอ่ยบอก 'เธอไม่ได้อ้วนนิจะออกกำลังทำไมนักหนา' “ไม่ได้ครับ อยู่ที่นี่หนูต้องแข็งแรงลุกขึ้นครับ ไม่นานแค่30นาที ไปเร็วคนดีเดี๋ยวพาไปกินของอร่อย” ผู้การหนุ่มเอ่ยก่อนจะยกเรื่องของกินมาล่อ พิมพ์ลภัสตาลุกวาวทันทีก่อนจะขยับลุกขึ้น “เริ่มจากยืดหยุ่นร่างกายก่อนแล้วกันแล้วเดี๋ยวเราไปวิ่งกัน” ชายหนุ่มเอ่ยบอกก่อนที่จะนำเด็กสาวยืดหยุ่นร่างกาย พิมพ์ลภัสทำตามอย่างไม่เกี่ยงงอนในใจนึกแปลกใจ ปกติเธอค่อนข้างตื่นสายไม่เคยตื่นก่อน6โมงครึ่งเลยสักครั้งทำให้ไม่เคยได้สัมผัสบรรยากาศของคำว่ารุ่งเช้าหรือเช้าตรู่ แถมได้ออกกำลังแล้วร่างกายปลอดโปร่งดีแท้ 'นี่แค่วันแรกชีวิตเธอก็ได้ทำอะไรที่ไม่เคยแล้ว วันต่อๆคงสนุกน่าดู' “เอาล่ะไปวิ่งกันดีกว่า” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนจะนำเด็กสาวออกมาที่ถนนหน้าบ้านซึ่งมีผู้คนเดินและวิ่งกันอยู่นับสิบ “ที่นี่มีใครขี้เกียจตื่นเช้าๆบ้างมั้ยเนี่ย” พิมพ์ลภัสเอ่ยกับตัวเองเบาๆ “เริ่มจากเดินก่อนแล้วกัน เดินไปเรื่อยๆแล้วค่อยวิ่งเยาะๆ เหนื่อยก็ค่อยเดิน ระยะทางจากบ้านเราไปถึงหน้าถนนที่เรามาเมื่อวานจำได้มั้ยแล้วก็กลับมาก็พอแล้ว” ธนกฤตเอ่ยบอกก่อนจะฉวยมือเรียวมากุมไว้แล้วออกเดิน “แน่ใจว่าก็พอแล้ว หนูว่ามันเยอะอยู่นะ” เด็กสาวเอ่ยแต่ก็ยังเดินเคียงข้างชายหนุ่มไป 'รู้สึกอุ่นใจแปลกๆแฮะ มือพึ่เขาอุ่นจัง' “สวัสดีตอนเช้าครับอาธาม” เสียงของเด็กหนุ่มในชุดเสื้อยืดกางเกงวอร์มคนหนึ่งเอ่ยขึ้นจากด้านหลัง หลังจากวิ่งมาได้เกือบครึ่งทาง ข้างๆเด็กหนุ่มมีร่างสูงของคนที่เธอจำได้ว่าเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งและเป็นเพื่อนของอาสาวยิ้มอยู่ ธนกฤตชะลอความเร็วก่อนจะเปลี่ยนเป็นการเดินแล้วเอ่ยทักเด็กหนุ่มโดยไม่หันกลับมามอง “สวัสดีตอนเช้าพีม เพลิง” “เฮ้ยธามตอนแรกฉันคิดว่าไอ้พีกันน้องพั้นเลยนะเว้ย กะจะพาพีมมาทำคะแนน” เพลิงตะวันเอ่ยแซ็วอย่างขำๆ 'ก็มันเหมือนพ่อกับลูกจริงๆนิ' “หึ ระวังไอ้พีมันรู้จะเอาปืนมาไล่ยิง ยิ่งหวงๆน้องพั้นอยู่ ถ้ามันรู้ว่านายยังไม่เลิกอยากได้ลูกมันมาเป็นลูกสะใภ้โดนดีแน่” ธนกฤตเอ่ยก่อนที่จะหันมามองร่างบางที่เริ่มหอบแฮกๆก่อนจะยิ้มออกมา และแน่นอนว่าเพลิงตะวันเห็นเต็มตา “จะว่าไปหนูพริกหวานยังไม่รู้จักพีมเลย นี่พีมตะวันลูกชายอาครับ พีมนี่อาพริกหวานน่าจะอายุเท่ากันนะรู้จักกันไว้” เพลิงตะวันที่วิ่งขึ้นมาอยู่ในระดับเดียวกับสองสามีภรรยาเอ่ยบอกเด็กสาวก่อนจะกลั้นหัวเราะเมื่อสามีของเด็กสาวมองอย่างเอาเรื่อง' มันทำอย่างกับพ่อหวงลูกสาว ไม่สิ มันหวงเมียต่างหาก' “หวัดดี อาพริกหวาน” เด็กหนุ่มนามพีมตะวันเอ่ยทักอย่างยียวน “หวัดดี ยินดีที่ได้รู้จักแต่ขอบอก เรียกอาเดี๋ยวตบคว่ำเลยนะอย่าหาว่าไม่เตือน” เด็กสาวเอ่ย ธนกฤตถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เพลิงตะวันเองก็หัวเราะออกมาอย่างขำขัน 'เอาแล้วไงนอกจากพัญวลัยแล้วยังมีคนโหดใส่คนกวนประสาทแบบลูกชายเขาแล้ว' “555 ไงเจ้าพีมอยากโดนตบคว่ำมั้ยเรียกอาบ่อยๆสิ” ธนกฤตเอ่ย “พีมไม่เรียกแล้ว พริกหวานอย่าโหดดิ แค่อาธามก็น่ากลัวพออยู่แล้ว” พีมตะวันเอ่ยบอกยิ้มๆ “เออจริงดิ นุชให้ชวนนายกับหนูพริกหวานไปกินข้าวที่บ้านเช้านี้ด้วย” เพลิงตะวันบอก นารารินหรือนุชภรรยาของเขาเอ่ยบอกก่อนที่เขาและพีมตะวันจะออกมาวิ่ง “มีแกงเขียวหวานของโปรดด้วยนะ” “มีการเอาของกินมาล่อด้วย” ธนกฤตเอ่ยก่อนจะหันมาบอกเด็กสาว “วันนี้ติดของอร่อยในร้านไว้ก่อนนะหนู ไปกินที่บ้านอาเพลิงก่อน” “มีแกงเขียวหวานจริงๆนะคะ หนูชอบ” เด็กสาวเอ่ย เมื่อกี้ยังเหนื่อยๆอยู่พอพูดเรื่องกินตาวาวเชียว “จริงสิ สงสัยเป็นเนื้อคู่กันนะเนี่ยชอบเหมือนกัน555 ไปกันต่อพีมอย่าเป็นก.ข.ค.เขา ไปก่อนนะพี่กับหนู555” เพลิงตะวันเอ่ยก่อนจะออกวิ่งพีมตะวันส่งสายตาล้อเลียนใส่สองสามีภรรยาก่อนจะวิ่งตามไป “สองพ่อลูกนี่เดี๋ยวเตะคว่ำ” ธนกฤตเอ่ยไล่หลังอย่างไม่จริงจังก่อนที่จะหันมายิ้มให้คนที่หน้าแดงอยู่ ดวงตาหวานของพิมพ์ลภัสจ้องมองอาหารบนโต๊ะด้วยความหิว ข้าวสวยร้อนๆถูกนำมาเสิร์ฟด้วยฝีมือของนาราริน ภรรยาสาวชาวใต้ของเพลิงตะวันก่อนที่หญิงสาวจะนั่งลง พิมพ์ลภัสมองดูถ้วยแกงเขียวหวานแล้วหันไปมองผัดกระเพราก่อนที่จะมาสะดุดตากับกับข้าวจานสุดท้าย “นี่อะไรหรอกคะคุณน้านุช กระดูกหมูเหรอ” เด็กสาวผู้เริ่มทำตัวเป็นหนูน้อยจำไมเอ่ยถาม หลังจากที่วิ่งออกกำลังจนครบตามที่ชายหนุ่มกำหนดทั้งสองก็กลับไปอาบน้ำแต่งตัวให้อาหารสัตว์เลี้ยงและมาที่บ้านของเพลิงตะวันทันทีเพราะคิดว่าจะมีแกงเขียวหวานแต่ความจริงแล้วยังมีกับข้าวที่เธอไม่รู้จักอยู่ด้วย “แกงพริกกระดูกหมูใส่สะตอจ๊ะ ไม่เคยทานเหรอ” นารารินเอ่ยบอกพร้อมถาม พิมพ์ลภัสส่ายหน้าพร้อมยิ้มอย่างเขินๆจนนารารินนึกเอ็นดู “งั้นก็ลองทานดูจ๊ะ เผ็ดนะเราทานได้รึเปล่า” “ได้ค่ะ ทานเลยนะคะ” พิมพ์ลภัสเอ่ยตอบก่อนจะขออนุญาตอีกครั้งจนเพลิงตะวัน นาราริน พีมตะวัน พิมพ์ดาวหรือแพรน้องสาวของพีมตะวัน รวมไปถึงเสือยิ้มยากอย่างธนกฤตพากันหัวเราะออกมา “แม่ครับ พลายหิวข้าวววววว” เสียงร้องดังขึ้นก่อนที่ร่างของเด็กชายวัย15ปีจะเดินกอดอ้อนคนเป็นแม่ “เอามือออกจากเมียพ่อครับไอ้ลูกพลาย เดี๋ยวพ่อยันให้” เพลิงตะวันบอกแล้วขยับไปดึงคอเสื้อเจ้าลูกชายมานั่งแมะลงข้างๆธนกฤต พายัพเมฆหรือพลายถือเป็นลูกชายคนเล็กของบ้านก็ว่าได้แต่เจ้าตัวมักบอกว่าตนเป็นลูกคนกลาง พิมพ์ดาวต่างหากเป็นลูกคนเล็กทั้งที่จริงๆทั้งสองก็เป็นฝาแฝดกัน “หนูพริกหวาน นี่พลายลูกชายคนเล็กของอาครับ เป็นแฝดของหนูแพรน่ะ” เพลิงตะวันเอ่ยบอกพิมพ์ลภัสที่เหมือนจะตั้งหน้าตั้งตากินไม่สนใจพายัพเมฆเท่าไหร่นัก “ส่วนพลาย นี่หนูพริกหวาน เมียอาธาม” “อ๋อ หวัดดีนะเจ๊” พายัพเมฆเอ่ยแต่เมื่อเห็นพิมพ์ลภัสไม่ตอบกลับอะไรคนชอบกวนประสาทก็เอื้อมมือไปหยิบถ้วยแกงพริกกระดูกหมูใส่สะตอที่พิมพ์ลภัสกำลังจะยื่นมือไปตักมาถือไว้ “นี่นาย” คนโดนขัดขวางเวลากินสั่งเสียงและสายตาดุไปให้ “เอามา” “หม้ายห้าย” เด็กหนุ่มบอกก่อนที่ดมกลิ่นแกงพริกกระดูกหมูอย่างสบายอารมณ์ “ลูกพลายหิ๊ว หิว ไม่ได้กินแกงพริกนานแล้ว ลูกพลายเหมาหมดละกันนะแม่นะ” บอกจบก็ยกแกงพริกหมูกับข้าวสวยหนึ่งจานไปนั่งกินคนเดียวบนพื้น คนโดนแย่งของอร่อยที่เพิ่งเคยกินรู้สึกเจ็บใจจนมองตามตาเขม่น “เดี๋ยวน้าตักให้ใหม่นะจ๊ะพริกหวาน” “ลูกพลายจองทั้งหม้อครับแม่ ถ้าแม่ตักแบ่งคนอื่นหยุดคราวหน้าไม่กลับบ้านด้วยขอบอก” นารารินที่ทำท่าจะไปตักแกงถ้วยใหม่มาให้พิมพ์ลภัสถึงกับชะงักเมื่อตาลูกชายจอมกวนประสาทขู่สิ่งที่เธอไม่ชอบที่สุดในโลก พีมตะวันกับพายัพเมฆเรียนอยู่ตั้งโรงเรียนนายเรือไม่ใช่ใกล้ๆวันหยุดก็ไม่มากถ้าลูกไม่กลับบ้านแม่อย่างเธอคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ ดังนั้นอย่าเสี่ยงกับคำขู่พ่อคนกวนประสาทแต่บทจะพูดจริงทำจริงก็พูดจริงทำจริงไม่สนใครจะดีกว่า “อยากกินมั้ยเจ๊” คนนั่งพื้นถามขึ้น “อยากกินก็ให้อาธามมาขอร้องดิ” “พี่ธามมม” เด็กสาวเบนสายตามาหาสามีในนามทันทีพร้อมทั้งมองอย่างกับลูกแมวหิวโซที่อยากจะกินอาหาร “พลาย แบ่งให้พี่พริกหวานเขาหน่อยนะไอ้ตัวเล็ก หมาพลายของอาใจดีใช่มั้ย” ธนกฤตบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนจนพิมพ์ลภัสอดที่จะหมั่นไส้พายัพเมฆมากขึ้นไม่ได้ 'หน็อย เป็นหลานรักหลานเอ็นดูของพี่ธามหรอกเหรอ ฮึย ' “ผมไม่ใจดีหรอก แต่ถ้าอาธามอยากให้อาเจ๊นี่ได้กิน ต้องหาของมาแลกก่อน” เด็กหนุ่มบอก ธนกฤตยิ้มตอบคิดไว้แล้วว่าเจ้าหมาพลายต้องมาไม้นี้ ก็เลี้ยงมาเองกับสองมือไม่รู้ทันก็ไม่ใช่เพื่อนพ่อมันแล้ว “เอาซิ อยากได้อะไรอาหามาให้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่แบ่งพี่เขาหน่อยนะ” “โอเค” พายัพเมฆบอกก่อนที่จะยกแกงกลับมาบนโต๊ะและนั่งกินอย่างสงบเสงี่ยม พิมพ์ลภัสหันมามองธนกฤตก่อนที่หนุ่มใหญ่จะพยักหน้าให้กินได้เด็กสาวจึงตักกิน ธนกฤตมองเด็กสาวยิ้มๆในขณะที่ในใจอยากจะปาดเหงื่อ พายัพเมฆจอมกวนอยากได้อะไรอันนั้นเขาไม่กังวลแต่ตัวป่วนน้อยคงไม่ปล่อยให้คืนนี้เขาได้อยู่สองต่อสองกับพิมพ์ลภัสแน่ ดูแล้วเจ้าตัวป่วนจะได้เป้าหมายใหม่แล้ว งานนี้มีความสนุกแน่ๆเพราะยัยหนูของเขาก็ไม่ยอมใครเหมือนกัน “จริงสิ เมื่อกี้น้องพั้นโทรมา เล่าเรื่องเหลือเชื่อให้ฉันฟังว่ะ” เพลิงตะวันเอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้ ธนกฤตที่กำลังตักแกงเขียวหวานให้กับเด็กสาวหันมามอง เป็นอันรู้กันว่านั้นคือการอนุญาตให้พูดต่อ “น้องพั้นบอกว่าบังเอิญไปเจอพลอย แม่หนูยังบอกอีกว่าจริงๆพลอยไม่ใช่เลสเบี้ยนแถมที่ทำตัวเป็นยัยเบี้ยนมา17ปีเนี่ยเพราะมาลาริน ยังๆ อย่าเพิ่งขัดขอเล่าให้จบก่อน” เพลิงตะวันที่เล่าอยู่เอ่ยห้ามธนกฤตที่จะอ้าปากพูดก่อนจะเล่าต่อ “ พอรู้ว่าพลอยไม่ใช่เบี้ยนแม่หนูพั้นก็เลย ...” “พูดต่อให้จบดิ จะมาเงียบทำไม” คนฟังเริ่มรำคาญคนท่าเยอะ ก่อนที่จะหันไปมองพิมพ์ลภัสที่กำลังยกน้ำขึ้นดื่มแต่แล้วเด็กสาวก็สำลักออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่เพลิงตะวันพูด “ก็แม่หนูพั้นบอกว่าวางแผนกับไอ้พีรวบหัวรวบหางยัยพลอยมาเป็นแม่ แถมสำเร็จด้วย” “แค่กๆ อะไรนะ ใครทำอะไรอาพลอยนะ” คนหวงอาทั้งสำลักทั้งตกใจก่อนจะเอ่ยอย่างตกใจปนโมโห พายัพเมฆที่นั่งอยู่ใกล้ถึงกับลุกหนีเพราะพี่สาวคนใหม่สำลักน้ำกระเด็นเกือบจะถูกตัวเขา 'ดีว่าหลบทัน' “เอ่อหนู พี่ว่าใจเย็นๆนะ อย่าเพิ่งโมโห “ ธนกฤตเอ่ยบอกพร้อมยื่นผ้าเช็ดปากให้เด็กสาว ก่อนที่จะได้ยินเสียงหวานปนแสบดังมาจากหน้าบ้าน “ลุงเพลิงป้านุชขาาาา พั้นหิวมีอะไรให้กินบ้าง อุ๊ยอาธาม พั้นมีเรื่องจะเม้าท์ให้ฟัง คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ค่ะ “ พัญวลัยที่ถูกผู้เป็นพ่อพากลับมาส่งหน้าบ้านเพลิงตะวันก่อนจะไปส่งพรปวีร์เอ่ยขึ้นก่อนจะหันมาเห็นคุณอาฮีโร่ของเธอ เด็กสาวจึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ฟังโดยไม่ได้มองเลยว่ามีบางคนนั่งฉุนอยู่ข้างๆธนกฤต
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD