ตอนที่ 3 ผู้หญิงของ CEO

1553 Words
บานประตูห้องน้ำถูกเลื่อนออกหลังจากสิบนาทีผ่านไป กายกำยำเดินออกจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ สายตาคมกริบกวาดมองไปทั่วห้องคอนโดหรูหรา แต่ทว่ากลับไม่เห็นมัสยาแม้แต่เงา มีเพียงแสงไฟที่เปิดไว้ทุกดวง อคิราห์รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของหญิงสาว ใบหน้าคมคายราบเรียบราวกับคนไร้ความรู้สึก ร่างสูงสืบเท้ายาวกลับมาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา "ไม่ยอมอย่างนั้นเหรอ..." เขาพึมพำพลางขยับมือมารินบรั่นดีลงแก้ว จากนั้นจึงกระดกเข้าปากอึกใหญ่ 'ครืดๆๆ' อคิราห์ชำเลืองมองหน้าจอมือถือสมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าตน เห็นว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของกฤษณ์จึงคว้าอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมารับสาย (คุณมัสยาขึ้นรถแท็กซี่ออกจากหน้าคอนโดไปเมื่อประมาณห้านาทีที่แล้วครับ) ลูกน้องคนสนิทรายงานมาตามสาย "พรุ่งนี้สืบประวัติครอบครัวผู้หญิงคนนี้มาให้ผม ขอรายละเอียดที่ถูกต้องที่สุดและชัดเจนที่สุด" (ครับท่าน) สิ้นสุดเสียงจากปลายสายเขาจึงขยับโทรศัพท์มือถือออกจากใบหูแล้วกดปุ่มวางสาย ใบหน้าคมคายยังคงราบเรียบ ทว่าคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย @โรงพยาบาล เช้าวันถัดมา "หลังจากที่หมอได้ตรวจวินิจฉัยเรียบร้อยแล้ว เราจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดคุณแม่ของคุณมัสภายในสัปดาห์นี้ครับ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างที่เราคุยกันไว้อยู่ที่ประมาณเก้าแสนบาท คุณมัสไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?" ใบหน้าหวานเศร้าหมองลง ดวงตากลมเอ่อล้นด้วยน้ำใส แววตาสั่นระริกทั้งกลัดกลุ้มใจเรื่องค่าใช้จ่ายและเป็นห่วงมารดา "เรื่องค่าใช้จ่ายไม่มีปัญหาค่ะ แต่ว่าคุณหมอต้องช่วยคุณแม่ของมัสให้ได้นะคะ ขอให้คุณแม่มัสปลอดภัยนะคะ" หญิงสาวเอ่ยน้ำเสียงอ้อนวอน "หมอจะทำให้ดีที่สุดนะครับ" นายแพทย์วัยกลางคนพูดจบแล้วจึงเดินกลับไปปฏิบัติงานของตนเองต่อ มัสยาปล่อยให้น้ำตารินไหลอาบแก้มลงมาอย่างไม่อาย "พี่มัส..." เมษาเอ่ยเรียกพี่สาวจากด้านหลัง มือเล็กจึงขยับขึ้นมาปาดน้ำตาและหันกลับไปหาผู้เป็นน้องสาว "เม..." "พี่มัสอย่าร้องไห้เลยนะคะ สายแล้วพี่รีบไปเรียนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอก เมอยู่ที่นี่จะดูแลแม่เป็นอย่างดี เมเชื่อว่าคุณหมอเก่งมากและจะต้องช่วยคุณแม่ได้แน่ๆ" "พี่ก็ภาวนาขอให้เป็นแบบนั้น ช่วงนี้พี่ฝากเมดูแลแม่ไปก่อนนะ พี่ต้องไปเรียนแล้วก็ต้องไปถ่ายละครด้วย" "เมจะเป็นคนดูแลแม่แล้วคุยกับหมอเองค่ะ เมขอโทษนะคะที่ทำให้พี่มัสต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง" "อย่าพูดแบบนั้นสิเม พี่ยินดีทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเรา เพราะฉะนั้นอย่าคิดมากเรื่องเงินเลยนะ ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว" "ค่ะ อย่าร้องไห้เลยนะคนดีของเม" "เราโชคดีที่มีกันและกัน พี่ไปเรียนแล้วนะ" มัสยาคลี่ยิ้มให้น้องสาว แล้วจึงหมุนตัวเดินออกจากโรงพยาบาลไป @วารานา แกรนด์ โฮเต็ล "คุณแม่ของคุณมัสยานอนอยู่ในห้องไอซียูครับ จะต้องได้รับการผ่าตัดภายในสัปดาห์นี้ ผมสอบถามคุณหมอเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดมาจึงทราบมาว่าน่าจะแตะหนึ่งล้านบาทครับ คิดว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุที่เธอมาขอทำงานกับท่านครับ" อคิราห์กำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่กฤษณ์พูด ทว่าสายตาของเขากลับไม่ยอมละจากเอกสารตรงหน้า "แล้วมัสยาอยู่ที่ไหน?" "ตอนนี้อยู่ที่มหาวิทยาลัยครับ เมื่อเช้าเธอไปคุยกับคุณหมอ ผมเห็นเธอร้องไห้เดินออกจากโรงพยาบาลด้วยครับ" ซีอีโอหนุ่มรู้สึกโล่งใจขึ้นมา เพราะนางในฝันของตนมาขอทำงานเพียงเพื่อต้องการเงินไปรักษามารดาเท่านั้น เขาครุ่นคิดพลางวางปากกาลงบนเอกสาร "ถ้างั้นคุณกฤษณ์ช่วยจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดแม่ของมัสยาด้วยนะ อย่าเพิ่งบอกเธอล่ะ วันนี้บ่ายสองไปรับเธอที่มหาวิทยาลัยแล้วพามาหาผมที่นี่" ชายหนุ่มออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิท พลางชำเลืองมองดูรูปภาพของมัสยาที่อยู่ในกรอบรูปอันเล็กซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของตน "ครับ" แม้กฤษณ์จะรู้สึกสงสัย แต่ก็ทำได้เพียงรับคำสั่งและเดินออกจากห้องทำงานไป @มหาวิทยาลัย บ่ายสองโมงตรง "มัส เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนไปพบซีอีโอแห่งโรงแรมวานารามาแล้วนี่ ตกลงกันได้หรือยัง?" กรีนเอ่ยถามเพื่อนสนิทในฐานะที่เธอเป็นคนแนะนำงานนี้ให้กับมัสยาในระหว่างที่ทั้งสองเดินออกมาจากห้องเรียน "ไม่เวิร์คหรอกกรีน แล้วก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้แล้วด้วย เสียเวลาชีวิตยังไงก็ไม่รู้" มัสยาตอบสีหน้าเหนื่อยหน่าย เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงใบหน้าคมคายของอคิราห์ "ทำไมถึงไม่เวิร์คอ่ะ กรีนเคยได้ยินเพื่อนนักศึกษาคนอื่นเขาเล่าให้ฟังก็ไม่ได้มีอะไรมากนี่นามัส เขาก็แค่พาไปกินข้าวดูหนังไม่ใช่เหรอ?" "พวกเขาไม่มีทางเล่าออกมาหมดหรอกนะกรีนว่าซีอีโอคนนั้นให้พวกเขาทำอะไรกันบ้าง" "แล้วเขาให้มัสทำอะไรเหรอ?" มัสยาหยุดชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมาหาเพื่อนสนิท "มัสขอไม่พูดถึงเรื่องนี้ได้ไหมกรีน แต่ว่ามัสคิดดูแล้วนะ มัสจะดรอปเรียนเทอมสุดท้ายแล้วก็จะรับงานแสดงมากขึ้น" "เฮ้ย จะเอาแบบนี้จริงๆเหรอมัส?" "เพื่อแม่มัสทำได้ทุกอย่างนะกรีน ตอนนี้ชีวิตแม่สำคัญกว่าการเรียนของมัส การผ่าตัดจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันและมัสก็ยังไม่มีเงินพอที่จะไปจ่ายทางโรงพยาบาล แต่อย่างน้อยถ้ามัสไม่เรียนแล้วก็ไปรับงานถ่ายแบบหรือโชว์ตัวมัสก็ยังพอหยิบยืมจากที่อื่นได้ก่อนแล้วค่อยเอาเงินในส่วนนั้นมาใช้หนี้" "มัสยังขาดอยู่อีกเท่าไหร่เหรอ?" "ก็เกือบหกแสนน่ะกรีน" "ไม่ต้องถึงกับดรอปเรียนหรอก หยุดเรียนไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์แล้วก็ไปทำงานให้เต็มที่ ตอนนี้กรีนมีเงินเก็บในบัญชีสามแสน กรีนจะให้มัสยืมก่อนแล้วค่อยเอาเงินที่ทำงานได้มาคืน ส่วนเรื่องที่ไม่ได้มาเรียนอาทิตย์สองอาทิตย์นี้กรีนจะบอกอาจารย์ให้แล้วก็จะตามงานให้มัสทุกอย่างเลยดีไหม กรีนไม่อยากให้มัสดรอปเรียนจริงๆ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งเลยนะ เพราะฉะนั้นเราจะต้องเรียนจบพร้อมกัน" มัสยาน้ำตาคลอเพราะซาบซึ้งในความมีน้ำใจและแสนดีของเพื่อนสนิท ทั้งคู่คอยประคับประคองกันตลอดมาในทุกเรื่อง จนถึงวินาทีนี้กรีนยังได้แสดงออกให้เห็นอีกว่าจะไม่มีทางทอดทิ้งเพื่อนคนนี้แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้ "มัสไม่รู้ว่าจะขอบคุณกรีนยังไงดีจริงๆ กรีนไม่ได้เป็นแค่เพื่อนสนิทแต่เป็นเหมือนคนในครอบครัวของมัสเลยนะ แต่ถึงยังไงมัสก็ต้องหาเงินอีกสามแสนบาท เพราะฉะนั้นมัสจะลองหาดูให้ถึงที่สุดก่อน ถ้าเกิดว่ามันไม่พอจริงๆ มัสค่อยจะหยิบยืมกรีนแล้วก็จะหามาคืนให้เร็วที่สุดนะ" "โอ๋...อย่าคิดมาก อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปนะ" กรีนเดินเข้ามาสวมกอดเพื่อนสนิทไว้ ระวังนั้นรถยนต์คันหรูคันหนึ่งขับเข้ามาจอดตรงหน้าสองสาวซึ่งกำลังยืนกอดกันอยู่บริเวณหน้าคณะของมหาวิทยาลัย บุรุษรูปร่างสูงกำยำเปิดประตูก้าวลงจากรถ "คุณมัสยาครับ คุณอคิราห์ให้มารับคุณไปพบท่านครับ" กฤษณ์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ กรีนขมวดคิ้วยุ่งด้วยความรู้สึกสงสัย "มัสยกเลิกข้อตกลงกับคุณอคิราห์ไปแล้วค่ะ คุณกฤษณ์กลับไปบอกเขาด้วยนะคะว่ามัสไม่อยากพบเขาอีก" มัสยาตอบกลับน้ำเสียงสั่นเครือ มือเล็กขยับขึ้นมาปาดน้ำตาที่เธอร้องไห้กับเพื่อนสนิทเมื่อครู่ "ผมว่าคุณมัสยาไปพบท่านประธานดีกว่านะครับ อย่างน้อยก็คิดซะว่าเห็นแก่อาการป่วยของคุณแม่คุณ" "คะ?" เธอขมวดคิ้วยุ่งเมื่อกฤษณ์พูดถึงเรื่องอาการป่วยของมารดา "ผมไปพบคุณหมอเจ้าของไข้คุณแม่ของคุณมัสมาแล้วครับ และคุณอคิราห์ก็รู้เรื่องนี้แล้วด้วย เพราะฉะนั้นผมว่าคุณไปพบท่านจะดีกว่านะครับ" "ทำไม..." หญิงสาวครุ่นคิด "ไปเถอะมัส อย่างน้อยก็ลองไปคุยกับเขาดูก่อน ถ้าเกิดว่าไม่ไหวจริงๆ ก็ค่อยกลับมาทำเหมือนที่เราคุยกันไว้" กรีนแนะนำ เพราะไม่อยากเห็นเพื่อนต้องลำบากไปมากกว่านี้ "เชิญครับ" กฤษณ์เอื้อมมือไปเปิดประตูรถด้านหลัง เขาผายมือเชิญผู้หญิงของซีอีโอหนุ่มเฉกเช่นเดียวกันกับที่ปฏิบัติต่อเจ้านายของตน มัสยาพยักหน้าให้เพื่อนด้วยสายตามุ่งมั่น จากนั้นจึงก้าวขาขึ้นรถไป กฤษณ์เดินอ้อมไปประจำที่ฝั่งคนขับ แล้วจึงขับรถออกจากหน้าคณะของมหาวิทยาลัยไป
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD