บานประตูห้องน้ำถูกเลื่อนออกหลังจากสิบนาทีผ่านไป กายกำยำเดินออกจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบเอวไว้อย่างหมิ่นเหม่ สายตาคมกริบกวาดมองไปทั่วห้องคอนโดหรูหรา แต่ทว่ากลับไม่เห็นมัสยาแม้แต่เงา มีเพียงแสงไฟที่เปิดไว้ทุกดวง อคิราห์รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของหญิงสาว ใบหน้าคมคายราบเรียบราวกับคนไร้ความรู้สึก ร่างสูงสืบเท้ายาวกลับมาทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา
"ไม่ยอมอย่างนั้นเหรอ..." เขาพึมพำพลางขยับมือมารินบรั่นดีลงแก้ว จากนั้นจึงกระดกเข้าปากอึกใหญ่
'ครืดๆๆ'
อคิราห์ชำเลืองมองหน้าจอมือถือสมาร์ทโฟนที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้าตน เห็นว่าเป็นหมายเลขโทรศัพท์ของกฤษณ์จึงคว้าอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมารับสาย
(คุณมัสยาขึ้นรถแท็กซี่ออกจากหน้าคอนโดไปเมื่อประมาณห้านาทีที่แล้วครับ) ลูกน้องคนสนิทรายงานมาตามสาย
"พรุ่งนี้สืบประวัติครอบครัวผู้หญิงคนนี้มาให้ผม ขอรายละเอียดที่ถูกต้องที่สุดและชัดเจนที่สุด"
(ครับท่าน) สิ้นสุดเสียงจากปลายสายเขาจึงขยับโทรศัพท์มือถือออกจากใบหูแล้วกดปุ่มวางสาย ใบหน้าคมคายยังคงราบเรียบ ทว่าคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
@โรงพยาบาล เช้าวันถัดมา
"หลังจากที่หมอได้ตรวจวินิจฉัยเรียบร้อยแล้ว เราจำเป็นที่จะต้องผ่าตัดคุณแม่ของคุณมัสภายในสัปดาห์นี้ครับ ส่วนเรื่องค่าใช้จ่ายอย่างที่เราคุยกันไว้อยู่ที่ประมาณเก้าแสนบาท คุณมัสไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ?" ใบหน้าหวานเศร้าหมองลง ดวงตากลมเอ่อล้นด้วยน้ำใส แววตาสั่นระริกทั้งกลัดกลุ้มใจเรื่องค่าใช้จ่ายและเป็นห่วงมารดา
"เรื่องค่าใช้จ่ายไม่มีปัญหาค่ะ แต่ว่าคุณหมอต้องช่วยคุณแม่ของมัสให้ได้นะคะ ขอให้คุณแม่มัสปลอดภัยนะคะ" หญิงสาวเอ่ยน้ำเสียงอ้อนวอน
"หมอจะทำให้ดีที่สุดนะครับ" นายแพทย์วัยกลางคนพูดจบแล้วจึงเดินกลับไปปฏิบัติงานของตนเองต่อ มัสยาปล่อยให้น้ำตารินไหลอาบแก้มลงมาอย่างไม่อาย
"พี่มัส..." เมษาเอ่ยเรียกพี่สาวจากด้านหลัง มือเล็กจึงขยับขึ้นมาปาดน้ำตาและหันกลับไปหาผู้เป็นน้องสาว
"เม..."
"พี่มัสอย่าร้องไห้เลยนะคะ สายแล้วพี่รีบไปเรียนเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงแม่หรอก เมอยู่ที่นี่จะดูแลแม่เป็นอย่างดี เมเชื่อว่าคุณหมอเก่งมากและจะต้องช่วยคุณแม่ได้แน่ๆ"
"พี่ก็ภาวนาขอให้เป็นแบบนั้น ช่วงนี้พี่ฝากเมดูแลแม่ไปก่อนนะ พี่ต้องไปเรียนแล้วก็ต้องไปถ่ายละครด้วย"
"เมจะเป็นคนดูแลแม่แล้วคุยกับหมอเองค่ะ เมขอโทษนะคะที่ทำให้พี่มัสต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกอย่าง"
"อย่าพูดแบบนั้นสิเม พี่ยินดีทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวของเรา เพราะฉะนั้นอย่าคิดมากเรื่องเงินเลยนะ ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว"
"ค่ะ อย่าร้องไห้เลยนะคนดีของเม"
"เราโชคดีที่มีกันและกัน พี่ไปเรียนแล้วนะ" มัสยาคลี่ยิ้มให้น้องสาว แล้วจึงหมุนตัวเดินออกจากโรงพยาบาลไป
@วารานา แกรนด์ โฮเต็ล
"คุณแม่ของคุณมัสยานอนอยู่ในห้องไอซียูครับ จะต้องได้รับการผ่าตัดภายในสัปดาห์นี้ ผมสอบถามคุณหมอเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดมาจึงทราบมาว่าน่าจะแตะหนึ่งล้านบาทครับ คิดว่านี่อาจจะเป็นสาเหตุที่เธอมาขอทำงานกับท่านครับ" อคิราห์กำลังตั้งใจฟังในสิ่งที่กฤษณ์พูด ทว่าสายตาของเขากลับไม่ยอมละจากเอกสารตรงหน้า
"แล้วมัสยาอยู่ที่ไหน?"
"ตอนนี้อยู่ที่มหาวิทยาลัยครับ เมื่อเช้าเธอไปคุยกับคุณหมอ ผมเห็นเธอร้องไห้เดินออกจากโรงพยาบาลด้วยครับ" ซีอีโอหนุ่มรู้สึกโล่งใจขึ้นมา เพราะนางในฝันของตนมาขอทำงานเพียงเพื่อต้องการเงินไปรักษามารดาเท่านั้น เขาครุ่นคิดพลางวางปากกาลงบนเอกสาร
"ถ้างั้นคุณกฤษณ์ช่วยจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดแม่ของมัสยาด้วยนะ อย่าเพิ่งบอกเธอล่ะ วันนี้บ่ายสองไปรับเธอที่มหาวิทยาลัยแล้วพามาหาผมที่นี่" ชายหนุ่มออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิท พลางชำเลืองมองดูรูปภาพของมัสยาที่อยู่ในกรอบรูปอันเล็กซึ่งตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของตน
"ครับ" แม้กฤษณ์จะรู้สึกสงสัย แต่ก็ทำได้เพียงรับคำสั่งและเดินออกจากห้องทำงานไป
@มหาวิทยาลัย บ่ายสองโมงตรง
"มัส เป็นยังไงบ้าง เมื่อคืนไปพบซีอีโอแห่งโรงแรมวานารามาแล้วนี่ ตกลงกันได้หรือยัง?" กรีนเอ่ยถามเพื่อนสนิทในฐานะที่เธอเป็นคนแนะนำงานนี้ให้กับมัสยาในระหว่างที่ทั้งสองเดินออกมาจากห้องเรียน
"ไม่เวิร์คหรอกกรีน แล้วก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้แล้วด้วย เสียเวลาชีวิตยังไงก็ไม่รู้" มัสยาตอบสีหน้าเหนื่อยหน่าย เธอถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงใบหน้าคมคายของอคิราห์
"ทำไมถึงไม่เวิร์คอ่ะ กรีนเคยได้ยินเพื่อนนักศึกษาคนอื่นเขาเล่าให้ฟังก็ไม่ได้มีอะไรมากนี่นามัส เขาก็แค่พาไปกินข้าวดูหนังไม่ใช่เหรอ?"
"พวกเขาไม่มีทางเล่าออกมาหมดหรอกนะกรีนว่าซีอีโอคนนั้นให้พวกเขาทำอะไรกันบ้าง"
"แล้วเขาให้มัสทำอะไรเหรอ?" มัสยาหยุดชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมาหาเพื่อนสนิท
"มัสขอไม่พูดถึงเรื่องนี้ได้ไหมกรีน แต่ว่ามัสคิดดูแล้วนะ มัสจะดรอปเรียนเทอมสุดท้ายแล้วก็จะรับงานแสดงมากขึ้น"
"เฮ้ย จะเอาแบบนี้จริงๆเหรอมัส?"
"เพื่อแม่มัสทำได้ทุกอย่างนะกรีน ตอนนี้ชีวิตแม่สำคัญกว่าการเรียนของมัส การผ่าตัดจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันและมัสก็ยังไม่มีเงินพอที่จะไปจ่ายทางโรงพยาบาล แต่อย่างน้อยถ้ามัสไม่เรียนแล้วก็ไปรับงานถ่ายแบบหรือโชว์ตัวมัสก็ยังพอหยิบยืมจากที่อื่นได้ก่อนแล้วค่อยเอาเงินในส่วนนั้นมาใช้หนี้"
"มัสยังขาดอยู่อีกเท่าไหร่เหรอ?"
"ก็เกือบหกแสนน่ะกรีน"
"ไม่ต้องถึงกับดรอปเรียนหรอก หยุดเรียนไปสักอาทิตย์สองอาทิตย์แล้วก็ไปทำงานให้เต็มที่ ตอนนี้กรีนมีเงินเก็บในบัญชีสามแสน กรีนจะให้มัสยืมก่อนแล้วค่อยเอาเงินที่ทำงานได้มาคืน ส่วนเรื่องที่ไม่ได้มาเรียนอาทิตย์สองอาทิตย์นี้กรีนจะบอกอาจารย์ให้แล้วก็จะตามงานให้มัสทุกอย่างเลยดีไหม กรีนไม่อยากให้มัสดรอปเรียนจริงๆ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่ปีหนึ่งเลยนะ เพราะฉะนั้นเราจะต้องเรียนจบพร้อมกัน" มัสยาน้ำตาคลอเพราะซาบซึ้งในความมีน้ำใจและแสนดีของเพื่อนสนิท ทั้งคู่คอยประคับประคองกันตลอดมาในทุกเรื่อง จนถึงวินาทีนี้กรีนยังได้แสดงออกให้เห็นอีกว่าจะไม่มีทางทอดทิ้งเพื่อนคนนี้แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นนี้
"มัสไม่รู้ว่าจะขอบคุณกรีนยังไงดีจริงๆ กรีนไม่ได้เป็นแค่เพื่อนสนิทแต่เป็นเหมือนคนในครอบครัวของมัสเลยนะ แต่ถึงยังไงมัสก็ต้องหาเงินอีกสามแสนบาท เพราะฉะนั้นมัสจะลองหาดูให้ถึงที่สุดก่อน ถ้าเกิดว่ามันไม่พอจริงๆ มัสค่อยจะหยิบยืมกรีนแล้วก็จะหามาคืนให้เร็วที่สุดนะ"
"โอ๋...อย่าคิดมาก อย่ากดดันตัวเองมากเกินไปนะ" กรีนเดินเข้ามาสวมกอดเพื่อนสนิทไว้ ระวังนั้นรถยนต์คันหรูคันหนึ่งขับเข้ามาจอดตรงหน้าสองสาวซึ่งกำลังยืนกอดกันอยู่บริเวณหน้าคณะของมหาวิทยาลัย บุรุษรูปร่างสูงกำยำเปิดประตูก้าวลงจากรถ
"คุณมัสยาครับ คุณอคิราห์ให้มารับคุณไปพบท่านครับ" กฤษณ์เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ กรีนขมวดคิ้วยุ่งด้วยความรู้สึกสงสัย
"มัสยกเลิกข้อตกลงกับคุณอคิราห์ไปแล้วค่ะ คุณกฤษณ์กลับไปบอกเขาด้วยนะคะว่ามัสไม่อยากพบเขาอีก" มัสยาตอบกลับน้ำเสียงสั่นเครือ มือเล็กขยับขึ้นมาปาดน้ำตาที่เธอร้องไห้กับเพื่อนสนิทเมื่อครู่
"ผมว่าคุณมัสยาไปพบท่านประธานดีกว่านะครับ อย่างน้อยก็คิดซะว่าเห็นแก่อาการป่วยของคุณแม่คุณ"
"คะ?" เธอขมวดคิ้วยุ่งเมื่อกฤษณ์พูดถึงเรื่องอาการป่วยของมารดา
"ผมไปพบคุณหมอเจ้าของไข้คุณแม่ของคุณมัสมาแล้วครับ และคุณอคิราห์ก็รู้เรื่องนี้แล้วด้วย เพราะฉะนั้นผมว่าคุณไปพบท่านจะดีกว่านะครับ"
"ทำไม..." หญิงสาวครุ่นคิด
"ไปเถอะมัส อย่างน้อยก็ลองไปคุยกับเขาดูก่อน ถ้าเกิดว่าไม่ไหวจริงๆ ก็ค่อยกลับมาทำเหมือนที่เราคุยกันไว้" กรีนแนะนำ เพราะไม่อยากเห็นเพื่อนต้องลำบากไปมากกว่านี้
"เชิญครับ" กฤษณ์เอื้อมมือไปเปิดประตูรถด้านหลัง เขาผายมือเชิญผู้หญิงของซีอีโอหนุ่มเฉกเช่นเดียวกันกับที่ปฏิบัติต่อเจ้านายของตน มัสยาพยักหน้าให้เพื่อนด้วยสายตามุ่งมั่น จากนั้นจึงก้าวขาขึ้นรถไป กฤษณ์เดินอ้อมไปประจำที่ฝั่งคนขับ แล้วจึงขับรถออกจากหน้าคณะของมหาวิทยาลัยไป