bc

ปรารถนาของท่านประธาน

book_age18+
8.1K
FOLLOW
45.8K
READ
HE
arrogant
heir/heiress
blue collar
sweet
bxb
friends with benefits
addiction
like
intro-logo
Blurb

เพราะเขาตกหลุมพรางเสน่หาของหญิงสาวตั้งแต่แรกเห็น โดยที่ยังไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเธอเป็นใคร

เขาเย็นชา ทว่าบนเตียงเร่าร้อน

เขาหึงหวงยิ่งกว่าลมพายุ ทว่ารักเธอสุดหัวใจ

เขาปกปิดความสัมพันธ์ ทว่าสักรูปใบหน้าของเธอไว้บนแผงอกด้านซ้าย...เขารักเธอแทบบ้าคลั่ง...

chap-preview
Free preview
ตอนที่ 1 นางในฝัน
@วารานา แกรนด์ โฮเต็ล  'ก๊อกๆๆ'  "เชิญ" เลขาสาวเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องทำงานของอคิราห์ทันทีเมื่อซีอีโอหนุ่มขานรับ "รูปผู้หญิงที่ท่านประธานสั่งให้ทำใส่กรอบได้แล้วค่ะ"  นิตายื่นกล่องสีน้ำตาลใบเล็กที่มีกรอบรูปอยู่ในนั้นให้เจ้านาย เขารับมันมาถือไว้และพเยิดหน้าเป็นการส่งสัญลักษณ์ให้หล่อนเดินออกไป "เธอเป็นใครกัน..." อคิราห์หยิบกรอบรูปที่อยู่ในกล่องสีน้ำตาลออกมา เขาเผลอยิ้มมุมปากเล็กน้อยเมื่อเห็นรอยยิ้มสวยละมุนในชุดนักศึกษาที่ตนเคยพบโดยบังเอิญเห็นเมื่อหลายเดือนก่อน 'ครืดๆๆ' "ฮัลโหล" (ท่านประธานครับ มีนักศึกษามาเสนอตัวทำงานครับ) กฤษณ์ลูกน้องคนสนิทรายงานมาตามสาย "ช่วงนี้ผมไม่มีอารมณ์ แล้วก็ไม่ต้องหานักศึกษามาให้ผมเลี้ยงแล้ว" (ผมว่าท่านประธานดูรูปของนักศึกษาคนนี้ก่อนดีกว่านะครับ เผื่อว่าท่านจะเปลี่ยนใจ) กฤษณ์พูดจบแล้วจึงกดปุ่มวางสาย จากนั้นจึงส่งรูปภาพของนักศึกษาสาวเข้ามาในมือถือของอคิราห์ สายตาคมกริบจ้องมองรูปภาพนักศึกษาที่อยู่บนหน้าจอมือถือสลับกับรูปที่อยู่ในกรอบซึ่งตนสั่งทำเองกับมือ คิ้วเข้มขมวดแทบชนกันด้วยความรู้สึกประหลาดใจ "เป็นไปได้ยังไง..." ผู้หญิงที่เขาพร่ำหาเพราะความสวยงดงามบนใบหน้า กำลังเสนอตัวมาทำงานเพราะต้องการเงินเพียงเท่านั้น น่าแปลกใจที่อคิราห์รู้สึกผิดหวัง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยอมต่อสายกลับไปยังกฤษณ์ "ส่งผู้หญิงคนนี้มาเจอผมเย็นนี้" เขาออกคำสั่งเท่านั้นแล้วจึงกดปุ่มวางสาย ร่างสูงกำยำหยัดกายลุกขึ้นและส่งสถานที่นัดหมายไปยังลูกน้องคนสนิท @ห้างสรรพสินค้า ใจกลางมหานคร แววตาประกายวาววับหรี่ลงมองผู้คนคลาคล่ำซึ่งกำลังเดินออกจากบริเวณหน้าลิฟต์ของห้างสรรพสินค้าหรู พลันเหลือบดูนาฬิกาจึงเห็นว่าเป็นเวลาที่ต้องเร่งรีบแล้ว จุดมุ่งหมายบนตึกสูงระฟ้าช่างแสนไกลเมื่อเสียงประกาศลิฟต์ขัดข้องดังขึ้น ครั้นจะวิ่งขึ้นบันไดบนรองเท้าส้นสูงก็คงเป็นไปไม่ได้ ซ้ำยังสวมกระโปรงนักศึกษาทรงเอสั้นเห็นขาอ่อน ขืนสังขารขึ้นไปก็คงมีแต่จะตีลังกาหัวคะมำกลับลงมาอย่างน่าเวทนา "ซวยแล้ว อีกไม่ถึงสิบนาที" มัสยายกข้อมือขึ้นดูเวลาทุกสิบวินาที เวลานัดหมายเพื่องานสำคัญย่ำเดินมาจรดตรงปลายจมูก เวลาสิบนาทีในสถานการณ์เร่งรีบเช่นนี้มันช่างแสนสั้น หายใจไม่กี่อึกก็ผ่านไปแล้วหลายนาที  "ฉันจะไม่ขึ้นบันไดเลื่อน ไม่มีทางขึ้นบันไดเลื่อน..." มัสยาขยับมือเล็กทั้งสองข้างขึ้นมากุมขมับพลางพึมพำกับตนเอง เหตุการณ์ฝังใจอันเลวร้ายเกี่ยวกับบันไดเลื่อนซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผู้เป็นบิดาของเธอจากไปไม่มีวันกลับเฝ้าหลอกหลอนตลอดมา มัสยาจึงหลีกเลี่ยงการใช้บันไดเลื่อนเพียงคนเดียวลำพังตลอดมา "บ้าจริง!" เธอพยายามปัดภาพการเคลื่อนไหวของบันไดอัตโนมัติออกจากหัวสมองโดยการเดินออกจากหน้าลิฟต์มายังบริเวณหน้าห้าง ใบหน้าหวานเปล่งปลั่งแหงนมองต้นคริสต์มาสสูงระตึกหรูกลางเมืองสวรรค์ที่เรียกขานว่ามหานคร "ซวย! แบบนี้เรียกว่าซวย โถ่เอ๊ย! ทำไงดีวะ" มัสยาตัดพ้อโชคชะตา ร่างบางทิ้งตัวนั่งลงตรงบันไดหน้าห้างสรรพสินค้า ก้นงอนแนบลงบนขั้นบันไดโดยไม่กลัวว่ามันจะเปรอะเปื้อน พลันเหลือบมองนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเลยเวลานัดหมายเสียแล้ว ได้แต่อธิษฐานขอให้ลิฟต์ใช้ได้โดยเร็ว แม้จะไปช้าสักหน่อยซีอีโอหนุ่มก็คงจะเห็นใจกันบ้าง หากอยู่ในห้างสรรพสินค้าเดียวกันก็คงต้องรู้ว่าปัญหาเกิดขึ้นเพราะลิฟต์เจ้ากรรม ไม่ใช่ความผิดของเธอเสียหน่อย "แม่...หนูจะไม่ยอมแพ้ แม่จะต้องหาย...แม่ขา" มัสยาพึมพำด้วยอารมณ์กลัดกลุ้มใจ การหาเงินจำนวนหลายแสนในช่วงเวลาไม่กี่วันเพื่อนำไปจ่ายค่ารักษามารดาเปรียบเสมือนบททดสอบสำคัญในชีวิตว่าเธอจะสามารถก้าวผ่านไปได้หรือไม่ แต่ทว่าระหว่างนั้นกลับมีบุรุษมีสองคนเดินผ่านมา ทั้งสองจับจ้องมายังร่างบางในชุดนักศึกษา ใบหน้างดงามของมัสยาโดดเด่นแม้ยามค่ำคืน พวกเขาซุบซิบกันครู่หนึ่งจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายภาพ "คนนี้เป็นดารานี่ กำลังถ่ายละครฟอร์มยักษ์อยู่ ใกล้จะออนแอร์แล้วด้วย" พวกเขาพูดคุยกัน "อย่าถ่ายนะ!" แม้กำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นดารานักแสดงซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลสาธารณะ แต่ก็ใช่ว่าการเป็นนักแสดงจะไม่มีเวลาส่วนตัวเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เธออยู่ในชุดนักศึกษาและนั่งทำหน้าง้ำงออยู่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้าราวกับคนหมดอาลัยตายอยากเช่นนี้ "บอกว่าอย่าถ่ายไง ลบออกให้หมดเลยนะ!" เพราะอารมณ์อัดอั้นตันใจทำให้มัสยาตะโกนออกไปเสียงดังราวกับคนขาดสติ มันช่างไม่ต่างกับที่มาของฉายาคนมีชื่อเสียงหลายคน พวกเขามักครหาว่าชอบทำนิสัยเหวี่ยงบ้างวีน แต่ถึงอย่างไรทุกคนก็เป็นมนุษย์ มีหัวใจที่รับรู้ความทุกข์ความสุข ความเศร้าและอารมณ์หงุดหงิดโมโหไม่ต่างกัน "เป็นดาราทำไมถึงได้เหวี่ยงแบบนี้ล่ะ ก็แค่ถ่ายรูปเฉยๆ" บุรุษคนหนึ่งตอบกลับมาเสียงดัง "แต่นี่มันเป็นสิทธิส่วนบุคคลนะ ฉันไม่ได้กำลังแสดงละครหรือว่าอยู่ในสถานที่ที่มีการจัดงาน เพราะฉะนั้นลบรูปของฉันออกให้หมดเลยนะ" "ไม่ลบ!" "เธอบอกให้ลบ...ก็คือลบ!" ทันใดนั้นเสียงของบุรุษรูปร่างสูงกำยำในชุดสูทผูกเนกไทคนหนึ่งดังขึ้น น้ำเสียงของเขาช่างดุดันและเต็มไปด้วยอิทธิพล ชายหนุ่มสองคนที่ถ่ายภาพของเธอเมื่อครู่เริ่มหวาดกลัวเนื้อตัวสั่นเทิ้มเมื่อชายชุดดำสองคนเดินเข้าไปแนบข้างลำตัวของพวกเขาทั้งสองฝั่ง "คุณเป็นใครถึงกล้ามาสั่งให้พวกเราลบรูปภาพของดาราคนนี้?" "เป็นเจ้าของห้างนี้แหละ" มัสยาเบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น "จริงเหรอครับ งั้น...พวกเราขอโทษนะครับ เดี๋ยวจะลบให้เดี๋ยวนี้เลย" เพราะท่าทางน่าเกรงขามทำให้พวกเขาเชื่ออย่างง่ายดาย ชายสองคนลุกลี้ลุกลนกดลบภาพในโทรศัพท์มือถือแล้วรีบวิ่งหางจุกตูดออกไป บุรุษซึ่งแอบอ้างว่าตนเป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้าหรูแห่งนี้หันกลับมาหามัสยาเชื่องช้า ใบหน้าสวยก้มหน้าก้มตาเพราะความรู้สึกสับสน "ทำไมถึงไม่ไปตามนัด?" "คะ?" ใบหน้าหวานละมุนแหงนหน้าขึ้นมาสบตาอีกฝ่าย เธอเบิกตากว้างด้วยความตกใจและยังเผลอจ้องมองใบหน้าซีอีโอหนุ่มด้วยความรู้สึกราวกับกำลังฝันไป "ตกใจอะไร?" อคิราห์จ้องมองใบหน้างดงามของมัสยา หญิงสาวที่ตนเฝ้าฝันถึงมาเป็นเวลาหลายเดือน วินาทีนี้เธอยืนอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว... "คุณ...ไม่ใช่เจ้าของห้างนี้ แต่เป็นซีอีโอโอโรงแรมวารานาที่ฉันกำลังจะไปพบหรือคะ?" "ผมรอคุณอยู่ข้างบนเกินครึ่งชั่วโมงแล้ว" "ก็ลิฟต์มันเสีย" มัสยารีบตอบกลับ เจตนาเพียงต้องการที่จะอธิบาย แต่ทว่าน้ำเสียงกลับร้อนรนเสียอย่างนั้น "ผมรู้แล้ว แต่ถึงยังไงคุณก็ทำให้ผมเสียเวลา ผมเป็นนักธุรกิจ เวลาทุกวินาทีมันถูกตีค่าออกมาเป็นเงินทอง เพราะฉะนั้นผมหวังว่าคุณจะมีส่วนรับผิดชอบในเรื่องนี้" "รับผิดชอบ...ทำไมถึงต้องรับผิดชอบคะ?" "เพราะคุณไม่มาตามนัดไง" "นิสัยพวกคนรวยสินะ" "คุณควรมีระเบียบวินัยและตรงต่อเวลา" "ถ้าให้ฉันชดเชยเงินที่ทำคุณเสียเวลาฉันไม่มีหรอกค่ะ เพราะถ้าฉันมีเงินฉันคงไม่มาทำงานแบบนี้" มัสยาเมินหน้าหนี เห็นนิสัยของอีกฝ่ายแล้วจึงนึกอยากจะยกเลิกงานนี้ไปเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อเธอจำเป็นที่จะต้องหาเงินเพื่อไปจ่ายค่ารักษาผู้เป็นมารดา "คุณเป็นดาราไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงต้องมาทำงานแบบนี้เพื่อแลกกับเงินวันละแสนโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมจะให้ทำอะไร" อคิราห์ถามคำถามที่ตนคั่งค้างคาใจ เขาไม่คิดว่าผู้หญิงที่ตนเคยฝันใฝ่ปรารถนาจากรูปภาพเพียงรูปเดียวจะกลายเป็นผู้หญิงที่ทำทุกอย่างเพื่อเงินอย่างที่ตนกำลังเข้าใจในขณะนี้ "มันเป็นเหตุผลส่วนตัวของฉัน พูดไปคุณก็ไม่มีทางเข้าใจหรอกค่ะ" "คุณกำลังตัดสินผม คุณไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของผมด้วยซ้ำ" "นักธุรกิจหนุ่มผู้ร่ำรวยติดอันดับของประเทศ ผู้ชายที่เข้าถึงยาก ใบหน้าเคร่งขรึมตลอดเวลา ไม่ชอบเปิดเผยเรื่องส่วนตัว ไม่คบผู้หญิงคนไหนเป็นแฟน ฉันอ่านประวัติคร่าวๆของคุณมาแล้วค่ะ" มัสยาร่ายยาวออกมาราวท่องจำ เธออ่านประวัติของซีอีโอหนุ่มมาหนึ่งวันเต็มก่อนตัดสินใจติดต่อเข้ามาขอทำงานนี้ "คุณตัดสินผมจากสิ่งที่อ่านมาอย่างนั้นเหรอ?" "แล้วมันไม่จริงตรงไหนคะ?" คำถามของหญิงสาวทำให้อคิราห์ย้อนถามตนเอง จริงอยู่ที่เธอพูดมามันคือตัวตนของเขาทั้งหมด แต่ทว่าสิ่งที่ตนเป็นอยู่ในขณะนี้ก็ใช่จะหมายถึงว่าเขาค้นพบตัวเองแล้ว "ผมอยากให้คุณลองเข้ามาค้นพบสิ่งอื่นๆในตัวผม" ซีอีโอหนุ่มวัยสามสิบสองปีผู้ที่ไม่เคยเรียนรู้ถึงการใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าการใช้ชีวิตที่แท้จริงเป็นอย่างไร ชีวิตที่ถูกตีกรอบเพราะหน้าที่การงานที่เคร่งเครียดทำให้เขาตัดทุกสิ่งออกจากชีวิตตลอดมา "ฉันไม่เข้าใจค่ะ คุณหมายถึงอะไรคะ?" "ตอบคำถามมาสั้นๆ คุณจะทำงานหรือเปล่า?" "คะ?" ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับเมื่อได้ยินคำถามนั้น มัสยาคิดว่าตนคงโดนเขาปฏิเสธเรื่องงานไปเสียแล้ว  "ทำสิคะ ฉันต้องการทำงานนี้ค่ะ" ใบหน้าหวานละมุนผุดยิ้มมุมปากขึ้นมาเล็กน้อย "ทดลองงานหนึ่งอาทิตย์ ถ้าพอใจผมจะจ้างต่อจนครบหนึ่งเดือน" "หนึ่งอาทิตย์...เท่ากับว่าฉันจะได้รับเงินจากคุณเจ็ดแสนบาทใช่หรือเปล่าคะ?" "ถูกต้อง แต่ต้องอยู่ครบหนึ่งอาทิตย์นะ ถ้าไม่ครบผมจ่ายปลอบใจแค่สองแสน" "ตกลงค่ะ" หญิงสาวตอบตกลงโดยไร้ข้อกังขา อย่างน้อยเงินสองแสนก็ยังพอช่วยสมทบกับเงินที่ตนมีอยู่บ้างหากไม่สามารถทดลองงานได้ถึงหนึ่งอาทิตย์จริงๆ "ผมต้องการให้คุณเริ่มงานพรุ่งนี้" "ค่ะ แล้วฉันต้องทำอะไรบ้างคะ?" ใบหน้าคมคายยังคงเรียบเฉย เขาเงียบราวกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง "ข้อแรก ผมไม่ชอบให้ผู้หญิงคนไหนแทนตัวเองว่าฉัน ให้เรียกชื่อของคุณแทน" "ค่ะ มัสจะไม่พูดแบบนั้นอีก" "ข้อสอง ผมอยู่ที่คอนโดคนเดียว คุณจะต้องมาหาผมในคืนวันพุธ คืนวันศุกร์ และวันเสาร์อาทิตย์ อยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่ผมจ่ายเงินให้เต็มสัปดาห์" "หมายถึง...ไปหาแค่ตอนกลางคืนหรือคะ?" "วันพุธมาหาผมแค่กลางคืนเพราะกลางวันผมต้องทำงาน ส่วนคืนวันศุกร์มาหาเพื่ออยู่ด้วยเต็มวันกันเสาร์อาทิตย์" "หมายความว่า...เราจะ..." "ไม่มีเซ็กส์ ผมไม่มีเซ็กส์กับผู้หญิงที่ผมจ้างมาวันละแสน" อคิราห์ตอบกลับทันควันเพราะรู้ดีว่ามัสยากำลังคิดอะไรอยู่ในใจ "ตกลงค่ะ" แม้จะยังไม่สามารถเชื่อได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ทว่ากลับรู้สึกโล่งใจขึ้นมาเมื่อฟังซีอีโอหนุ่มพูดเช่นนั้น ดวงตากลมโตเป็นประกายวาววับขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมองเห็นความหวังที่ปลายอุโมงค์อยู่รำไร "พรุ่งนี้หลังเลิกเรียนกฤษณ์จะไปรับคุณที่มหาวิทยาลัย" "คะ?" "เลิกทำหน้าสงสัยแล้วก็ทำตามคำสั่งของผมก็พอ ผมรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องถามว่ารู้ได้ยังไง" "เอ่อ...ค่ะ" ใบหน้าหวานยิ้มเจื่อน "คนของผมจะขับรถไปส่งคุณที่บ้าน พรุ่งนี้เจอกัน" อคิราห์บอกทุกอย่างราวกับเตรียมคำพูดมาก่อนแล้ว ใบหน้าหล่อคมคายตามแบบฉบับเชื้อสายตะวันตกยังคงเรียบเฉย ร่างสูงกำยำหมุนตัวเดินตรงไปขึ้นรถที่เพิ่งขับเข้ามาจอดรับโดยไม่ได้หันกลับมามองหญิงสาวอีกเลย...

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
3.7K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
12.9K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.1K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
37.4K
bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
11.9K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook